คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
เฉลิม ทัตภิรมย์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 641 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2019/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตนและการพิสูจน์ความผิดในคดีอาญา: โจทก์ต้องพิสูจน์การกระทำความผิด แม้ไม่มีพยานรู้เห็น
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยฆ่าผู้ตายโดยเจตนา จำเลยให้การว่าทำร้ายผู้ตายเพราะผู้ตายกับพวกเข้าปล้นบ้านจำเลย จำเลยไม่ได้กระทำผิด ดังนี้ เป็นหน้าที่ของโจทก์ที่จะต้องนำสืบให้เห็นว่าการกระทำของจำเลยเป็นความจริง แต่การนำสืบในกรณีเช่นนี้ไม่จำเป็นต้องมีประจักษ์พยานมาเบิกความเสมอไป ถ้อยคำพยานและเหตุผลแวดล้อมอาจมีน้ำหนักพอให้วินิจฉัยได้ว่าการกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันหรือไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2019/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตนทางอาญา: ภาระการพิสูจน์และการใช้พยานหลักฐาน
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยฆ่าผู้ตายโดยเจตนา จำเลยให้การว่าทำร้ายผู้ตายเพราะผู้ตายกับพวกเข้าปล้นบ้านจำเลย จำเลยไม่ได้กระทำผิด ดังนี้ เป็นหน้าที่ของโจทก์ที่จะต้องนำสืบให้เห็นว่าการกระทำของจำเลยเป็นความจริง แต่การนำสืบในกรณีเช่นนี้ไม่จำเป็นต้องมีประจักษ์พยานมาเบิกความเสมอไป ถ้อยคำพยานและเหตุผลแวดล้อมอาจมีน้ำหนักพอให้วินิจฉัยได้ว่าการกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันหรือไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1934/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองปรปักษ์ต้องต่อเจ้าของทุกคน ไม่เฉพาะเจ้าของเดิม และการเช่าไม่ถือเป็นการครอบครองปรปักษ์
คำร้องขอให้แสดงว่ากรรมสิทธิ์ในที่ดินเป็นของโจทก์โดยการครอบครองปรปักษ์อย่างเป็นเจ้าของมากว่า 10 ปีนั้น มิได้หมายความเฉพาะเป็นปรปักษ์ต่อเจ้าของที่ดินเดิมคนเดียว แต่หมายความได้ว่าเป็นปรปักษ์กับเจ้าของที่ดินทุกคนที่เข้ามาเป็นเจ้าของแทนในส่วนของเจ้าของเดิมด้วย โจทก์ชอบที่จะอุทธรณ์คัดค้านในข้อนี้ต่อศาลอุทธรณ์ได้และศาลอุทธรณ์ควรจะต้องวินิจฉัยให้ ถ้าศาลอุทธรณ์ยังมิได้วินิจฉัยเมื่อคดีขึ้นมาสู่ศาลฎีกาและมีข้อเท็จจริงพอที่จะวินิจฉัยให้เสร็จไปได้ศาลฎีกาจะวินิจฉัยไปโดยไม่ต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยก็ได้
การครอบครองที่ดินในฐานะผู้เช่า จะถือว่าครอบครองปรปักษ์ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1934/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองปรปักษ์ต้องเป็นปรปักษ์ต่อเจ้าของทุกคน ไม่ใช่แค่เจ้าของเดิม ศาลฎีกาวินิจฉัยได้เองหากมีข้อเท็จจริงพอ
คำร้องขอให้แสดงว่ากรรมสิทธิ์ในที่ดินเป็นของโจทก์โดยการครอบครองปรปักษ์อย่างเป็นเจ้าของมากว่า 10 ปีนั้น มิได้หมายความเฉพาะเป็นปรปักษ์ต่อเจ้าของที่ดินเดิมคนเดียว แต่หมายความได้ว่าเป็นปรปักษ์กับเจ้าของที่ดินทุกคนที่เข้ามาเป็นเจ้าของแทนในส่วนของเจ้าของเดิมด้วย โจทก์ชอบที่จะอุทธรณ์คัดค้านในข้อนี้ต่อศาลอุทธรณ์ได้และศาลอุทธรณ์ควรจะต้องวินิจฉัยให้ ถ้าศาลอุทธรณ์ยังมิได้วินิจฉัยเมื่อคดีขึ้นมาสู่ศาลฎีกาและมีข้อเท็จจริงพอที่จะวินิจฉัยให้เสร็จไปได้ศาลฎีกาจะวินิจฉัยไปโดยไม่ต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยก็ได้
การครอบครองที่ดินในฐานะผู้เช่า จะถือว่าครอบครองปรปักษ์ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1931/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฉ้อโกงโดยตรงถึงผู้เสียหาย แม้มีผู้ทำนิติกรรมแทน การหลอกลวงคือเหตุสำคัญ
จำเลยได้หลอกลวงด้วยการนำความเท็จมากล่าวแก่ พ. จน พ. หลงเชื่อยอมตกลงรับซื้อฝากที่ดินและจ่ายเงินให้จำเลยไป อันเป็นความผิดฐานฉ้อโกง แม้ในนิติกรรมสัญญารับซื้อฝาก ส. บุตรโจทก์เป็นผู้ลงนามรับซื้อฝากแทน พ. ซึ่งเป็นมารดา ดังนี้ ถือได้ว่าจำเลยจงใจเจตนาฉ้อโกงพ.โดยตรง พ.ได้รับความเสียหายเนื่องจากการกระทำผิดของจำเลยแล้วพ. จึงเป็นผู้เสียหายมีอำนาจตามกฎหมายที่จะร้องทุกข์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1931/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฉ้อโกงโดยผู้ถูกหลอกลวงเป็นผู้เสียหายโดยตรง แม้มีผู้ลงนามในนิติกรรมแทน
จำเลยได้หลอกลวงด้วยการนำความเท็จมากล่าวแก่ พ. จน พ. หลงเชื่อยอมตกลงรับซื้อฝากที่ดินและจ่ายเงินให้จำเลยไป อันเป็นความผิดฐานฉ้อโกง แม้ในนิติกรรมสัญญารับซื้อฝาก ส. บุตรโจทก์เป็นผู้ลงนามรับซื้อฝากแทน พ. ซึ่งเป็นมารดา ดังนี้ ถือได้ว่าจำเลยจงใจเจตนาฉ้อโกง พ. โดยตรง พ. ได้รับความเสียหายเนื่องจากการกระทำผิดของจำเลยแล้ว พ. จึงเป็นผู้เสียหาย มีอำนาจตามกฎหมายที่จะร้องทุกข์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1922-1923/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การมั่วสุมในสถานค้าประเวณีต้องมีเจตนาเพื่อการค้าประเวณีจึงจะมีความผิดตามกฎหมาย
ข้อเท็จจริงที่ปรากฏแต่เพียงว่าจำเลย (ทั้งสอง) ถูกจับในสถานการค้าประเวณีขณะที่กำลังคุยอยู่กับผู้ชาย โดยไม่ปรากฏว่าจำเลยกระทำเพื่อการค้าประเวณีแล้ว ก็ถือไม่ได้ว่าจำเลยเข้าไปมั่วสุมในสถานการค้าประเวณีเพื่อการค้าประเวณีอันจะเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติปรามการค้าประเวณี พ.ศ. 2503 มาตรา 5(3)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1922-1923/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเข้าไปในสถานการค้าประเวณีโดยไม่ปรากฏหลักฐานการค้าประเวณี ไม่ถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ. ปรามการค้าประเวณี
ข้อเท็จจริงที่ปรากฏแต่เพียงว่าจำเลย (ทั้งสอง) ถูกจับในสถานการค้าประเวณีขณะที่กำลังคุยอยู่กับผู้ชาย โดยไม่ปรากฏว่าจำเลยกระทำเพื่อการค้าประเวณีแล้ว ก็ถือไม่ได้ว่าจำเลยเข้าไปมั่วสุมในสถานการค้าประเวณีเพื่อการค้าประเวณีอันจะเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติปรามการค้าประเวณี พ.ศ. 2503 มาตรา 5(3)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1890/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการขอประทานบัตรทำเหมืองแร่และการคุ้มครองจากการขัดขวาง รวมถึงประเด็นสิทธิในที่ดินและการขาดอายุความ
การดำเนินการขอประทานบัตรทำเหมืองแร่เป็นสิทธิอย่างหนึ่งเมื่อโจทก์ใช้สิทธินั้นแล้ว หากผู้ใดเข้ามาคัดค้านขัดขวางทำให้การดำเนินการไปตามสิทธินั้นต้องหยุดชะงักลงย่อมอาจเป็นการทำละเมิดต่อโจทก์ได้ ทั้งนี้ ย่อมแล้วแต่ว่าการคัดค้านขัดขวางนั้นชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
การที่โจทก์ใช้สิทธิขอประทานบัตรทำเหมืองแร่ในที่ดิน โจทก์ยังไม่มีสิทธิอะไรในที่ดินที่ขอประทานบัตร แม้จำเลยจะบุกรุกเข้ามาในที่ดิน โจทก์ก็ยังไม่มีเหตุอะไรที่ได้รับการโต้แย้งจากจำเลยในกรณีที่เกี่ยวข้องกับตัวที่ดินนั้นโดยตรง โจทก์จึงยังไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยให้ออกจากที่ดินนั้น
อายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 หมายถึงการฟ้องเรียกเอาค่าเสียหายอันเกิดแต่มูลละเมิดเท่านั้น ส่วนการฟ้องขอให้ห้ามขัดขวางการขอประทานบัตร เป็นการฟ้องขอให้ระงับหรือเพิกถอนการทำละเมิดที่ยังมีอยู่ มิใช่เป็นการเรียกเอาค่าเสียหายจึงไม่ตกอยู่ในบังคับแห่งอายุความตามมาตราดังกล่าว
ฟ้องของโจทก์มีคำขอบังคับอยู่ 2 คำขอ ศาลล่างสั่งงดสืบพยานและพิพากษายกฟ้องทั้งหมด เมื่อศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยเพียงคำขอเดียวส่วนอีกคำขอหนึ่งเห็นว่าต้องทำการพิจารณาต่อไป ย่อมพิพากษายกคำพิพากษาศาลล่างเพียงบางส่วน ให้ศาลชั้นต้นทำการพิจารณาฟ้องของโจทก์ต่อไปในประเด็นข้อนั้น แล้วพิพากษาใหม่ตามรูปความส่วนคำขอตามฟ้องนอกจากนั้นคงเป็นอันให้ยกฟ้องดังที่ศาลล่างพิพากษามาแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1890/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิประทานบัตรทำเหมืองแร่และการละเมิด: การคัดค้านขัดขวางการดำเนินการขอประทานบัตร
การดำเนินการขอประทานบัตรทำเหมืองแร่เป็นสิทธิอย่างหนึ่งเมื่อโจทก์ใช้สิทธินั้นแล้ว หากผู้ใดเข้ามาคัดค้านขัดขวางทำให้การดำเนินการไปตามสิทธินั้นต้องหยุดชะงักลงย่อมอาจเป็นการทำละเมิดต่อโจทก์ได้ ทั้งนี้ ย่อมแล้วแต่ว่าการคัดค้านขัดขวางนั้นชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
การที่โจทก์ใช้สิทธิขอประทานบัตรทำเหมืองแร่ในที่ดิน โจทก์ยังไม่มีสิทธิอะไรในที่ดินที่ขอประทานบัตร แม้จำเลยจะบุกรุกเข้ามาในที่ดิน โจทก์ก็ยังไม่มีเหตุอะไรที่ได้รับการโต้แย้งจากจำเลยในกรณีที่เกี่ยวข้องกับตัวที่ดินนั้นโดยตรง โจทก์จึงยังไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยให้ออกจากที่ดินนั้น
อายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 หมายถึงการฟ้องเรียกเอาค่าเสียหายอันเกิดแต่มูลละเมิดเท่านั้น ส่วนการฟ้องขอให้ห้ามขัดขวางการขอประทานบัตร เป็นการฟ้องขอให้ระงับหรือเพิกถอนการทำละเมิดที่ยังมีอยู่ มิใช่เป็นการเรียกเอาค่าเสียหายจึงไม่ตกอยู่ในบังคับแห่งอายุความตามมาตราดังกล่าว
ฟ้องของโจทก์มีคำขอบังคับอยู่ 2 คำขอ ศาลล่างสั่งงดสืบพยานและพิพากษายกฟ้องทั้งหมด เมื่อศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยเพียงคำขอเดียวส่วนอีกคำขอหนึ่งเห็นว่าต้องทำการพิจารณาต่อไป ย่อมพิพากษายกคำพิพากษาศาลล่างเพียงบางส่วน ให้ศาลชั้นต้นทำการพิจารณาฟ้องของโจทก์ต่อไปในประเด็นข้อนั้น แล้วพิพากษาใหม่ตามรูปความส่วนคำขอตามฟ้องนอกจากนั้นคงเป็นอันให้ยกฟ้องดังที่ศาลล่างพิพากษามาแล้ว
of 65