คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 1098

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 11 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5129/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีแทนโจทก์ของบริษัท: การตีความวัตถุประสงค์บริษัทตามหนังสือบริคณห์สนธิ
บริษัท อ. มีวัตถุประสงค์กระทำการเป็นผู้สำรวจและจัดการให้เป็นที่ตกลงกันในการประนอมข้อพิพาทอันเกี่ยวกับการ สืบสวน การตรวจสอบในสิทธิหน้าที่หนี้สิน ข้อพิพาทและสิทธิเรียกร้องทั้งปวงซึ่งเกิดจากสัญญาประกันภัยทุกประเภท ฯลฯ ดังนี้ การรับมอบอำนาจให้ฟ้องคดีเกี่ยวกับการใช้สิทธิเรียกร้องตามสัญญาประกันภัยแทนโจทก์จึงอยู่ในกรอบวัตถุประสงค์ของบริษัท อ. บริษัท อ. มีอำนาจฟ้องคดีแทนโจทก์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1418/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแปลงหนี้ใหม่โดยเปลี่ยนตัวลูกหนี้ ศาลพิจารณาเจตนาแท้จริงจากการกระทำและเอกสารประกอบคดี
จำเลยที่ 1 เป็นลูกหนี้ค่ากระแสไฟฟ้าจำเลยที่ 2 ทำหนังสือตกลงรับชำระหนี้รายนี้และใช้หนี้นั้นไป 3 งวด และขอลดอัตราดอกเบี้ยเป็นการกระทำภายในวัตถุประสงค์ที่จำเลยที่ 2 จดทะเบียนเป็นบริษัทจำกัดรับโอนกิจการของจำเลยที่ 1 มาทำ จำเลยที่ 2 ต้องรับผิดโดยการ แปลงหนี้ใหม่ ซึ่งศาลตีความในเอกสารประกอบพฤติการณ์แห่งคดีทั้งมวลโดยเพ่งเล็งเจตนาอันแท้จริงยิ่งกว่าตัวอักษร

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 471/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ บริษัทจำกัดค้ำประกันแชร์ได้ หากเป็นไปตามวัตถุประสงค์ และลูกวงผิดนัดชำระหนี้
โจทก์เป็นบริษัทจำกัด มีวัตถุประสงค์ในการทำการกู้ยืมเงินและให้กู้ยืมรับจำนำ จำนองสังหาริมทรัพย์ และอสังหาริมทรัพย์โดยมีหรือไม่มีหลักประกัน รวมทั้งการค้ำประกันหนี้สินทุกประเภททั้งในและนอกประเทศ บริษัทโจทก์ได้ตั้งวงแชร์และเป็นผู้ค้ำประกันลูกวง กล่าวคือ หากลูกวงผู้ประมูลแชร์ได้ไม่ชำระเงินค่าแชร์ให้แก่ลูกวงคนต่อไป บริษัทโจทก์จะชำระแทน ดังนี้ ถือได้ว่าบริษัทโจทก์เป็นผู้ค้ำประกันการเล่นแชร์ซึ่งเป็นสัญญาชนิดหนึ่งที่บังคับได้ตามกฎหมาย และตรงกับวัตถุประสงค์ของบริษัทโจทก์ จึงหาเป็นการดำเนินกิจการนอกวัตถุประสงค์ของบริษัทโจทก์ไม่ เมื่อจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกวงได้รับเงินแชร์ไปแล้ว ไม่นำเงินมาชำระค่าแชร์ให้แก่ลูกวงคนอื่น และบริษัทโจทก์ได้ใช้เงินแทนแก่ลูกวงไป จำเลยที่ 1 จึงมีหน้าที่ใช้เงินคืนแก่บริษัทโจทก์ และจำเลยที่ 2 ในฐานะผู้ค้ำประกันก็ต้องรับผิดตามสัญญาที่ทำไว้กับบริษัทโจทก์ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยได้ และนอกจากนี้การที่บริษัทโจทก์จะมีอำนาจทำสัญญาค้ำประกันการเล่นแชร์ได้หรือไม่อย่างไร ก็เป็นเรื่องของทางราชการที่จะว่ากล่าวกับบริษัทโจทก์ว่าทำนอกวัตถุประสงค์หรือไม่ ไม่เกี่ยวกับจำเลย (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1804/2500)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 471/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีสัญญาค้ำประกันการเล่นแชร์ของบริษัทจำกัด ไม่ถือเป็นการดำเนินกิจการนอกวัตถุประสงค์
โจทก์เป็นบริษัทจำกัด มีวัตถุประสงค์ในการทำการกู้ยืมเงินและให้กู้ยืม รับจำนำ จำนองสังหาริมทรัพย์ และอสังหาริมทรัพย์ โดยมีหรือไม่มีหลักประกัน รวมทั้งการค้ำประกันหนี้สินทุกประเภททั้งในและนอกประเทศ บริษัทโจทก์ได้ตั้งวงแชร์และเป็นผู้ค้ำประกันลูกวง กล่าวคือ หากลูกวงผู้ประมูลแชร์ได้ไม่ชำระเงินค่าแชร์ให้แก่ลูกวงแชร์คนต่อไปบริษัทโจทก์จะชำระแทน ดังนี้ ถือได้ว่าบริษัทโจทก์เป็นผู้ค้ำประกันการเล่นแชร์ซึ่งเป็นสัญญาชนิดหนึ่งที่บังคับได้ตามกฎหมาย และตรงกับวัตถุประสงค์ของบริษัทโจทก์ จึงหาเป็นการดำเนินกิจการนอกวัตถุประสงค์ของบริษัทโจทก์ไม่ เมื่อจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกวงได้รับเงินแชร์ไปแล้ว ไม่นำเงินมาชำระค่าแชร์ให้แก่ลูกวงคนอื่น และบริษัทโจทก์ได้ใช้เงินแทนแก่ลูกวงไป จำเลยที่ 1 จึงมีหน้าที่ใช้เงินคืนแก่บริษัทโจทก์ และจำเลยที่ 2 ในฐานะผู้ค้ำประกันก็ต้องรับผิดตามสัญญาที่ทำไว้กับบริษัทโจทก์ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยได้ และนอกจากนี้การที่บริษัทโจทก์จะมีอำนาจทำสัญญาค้ำประกันการเล่นแชร์ได้หรือไม่อย่างไร ก็เป็นเรื่องของทางราชการที่จะว่ากล่าวกับบริษัทโจทก์ว่าทำนอกวัตถุประสงค์หรือไม่ ไม่เกี่ยวกับจำเลย
(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1804/2500)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2223/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแจ้งคำวินิจฉัยอุทธรณ์ทางภาษี การนับระยะเวลาฟ้องคดี และอำนาจฟ้อง
คนยามซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของบริษัทโจทก์ได้รับคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ไว้จากบุรุษไปรษณีย์ ณ สำนักงานใหญ่ที่บริษัทโจทก์ได้จดทะเบียนไว้เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2513 ดังนี้ ถือว่าบริษัทโจทก์ได้รับแจ้งความคำวินิจฉัยอุทธรณ์ตามความในประมวลรัษฎากรมาตรา 30(2) ในวันนั้นแล้ว พฤติการณ์ต่าง ๆ ที่โจทก์นำสืบซึ่งทำให้ที่ปรึกษากฎหมายของโจทก์ได้รับเอกสารดังกล่าวในวันที่ 1 กันยายน 2513นั้น เป็นเรื่องระหว่างโจทก์กับเจ้าหน้าที่ของตนจะนำมาใช้ยันต่อจำเลยหาได้ไม่ เมื่อโจทก์นำคดีมาฟ้องในวันที่ 30 กันยายน 2513 เกินกำหนด30 วัน คดีโจทก์จึงต้องห้ามตามมาตรา 30(2) แห่งประมวลรัษฎากรโจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2223/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแจ้งผลคำวินิจฉัยอุทธรณ์ภาษี: ถือว่าแจ้งแล้วเมื่อส่งถึงสำนักงานใหญ่และเจ้าหน้าที่รับ
คนยามซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของบริษัทโจทก์ได้รับคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ไว้จากบุรุษไปรษณีย์ ณ สำนักงานใหญ่ที่บริษัทโจทก์ได้จดทะเบียนไว้เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2513 ดังนี้ ถือว่าบริษัทโจทก์ได้รับแจ้งคำวินิจฉัยอุทธรณ์ตามความในประมวลรัษฎากร มาตรา 30(2) ในวันนั้นแล้ว พฤติการณ์ต่าง ๆ ที่โจทก์นำสืบซึ่งทำให้ที่ปรึกษาากฎหมายของโจทก์ได้รับเอกสารดังกล่าวในวันที่ 1 กันยายน 2513 นั้น เป็นเรื่องระหว่างโจทก์กับเจ้าหน้าที่ของตนจะนำมาใช้ยันต่อจำเลยหาได้ไม่ เมื่อโจทก์นำคดีมาฟ้องในวันที่ 30 กันยายน 2513 เกินกำหนด 30วัน คดีโจทก์จึงต้องห้ามตามมาตรา 30(2) แห่งประมวลกฎหมายรัษฎากร โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 474-475/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความสมบูรณ์ของนิติกรรมซื้อขาย, การรับมรดก, และผลของการบอกเลิกสัญญาเช่าที่ชอบด้วยกฎหมาย
ข้อบกพร่องในการที่เจ้าหน้าที่กรอกชื่อบริษัทโจทก์ร่วมไว้ในทะเบียนการให้และสัญญาซื้อขายขาดคำว่า "จำกัด" ท้ายชื่อไปไม่มีผลกระทบกระเทือนถึงความสมบูรณ์ของนิติกรรมที่ทำขึ้น
ภริยาจำเลยแถลงต่อศาลชั้นต้นยอมรับเป็นผู้รับมรดกความแทนจำเลย และได้รับความยินยอมจากคู่ความ ทั้งไม่มีฝ่ายใดโต้แย้งในการที่ศาลชั้นต้นสั่งให้ภริยาจำเลยเข้ารับมรดกความ แม้ศาลอุทธรณ์จะมิได้สั่งอย่างใด ถือได้ว่าอนุญาตให้เป็นไปตามที่ภริยาจำเลยยอมรับจึงไม่ชอบที่ภริยาจำเลยจะรื้อฟื้นขึ้นอ้างว่าศาลอุทธรณ์ยังมิได้มีคำสั่งในเรื่องนี้อีก
เจ้าหน้าที่ไปรษณีย์นำส่งหนังสือบอกเลิกการเช่าของทนายโจทก์ถึงจำเลย ไปยังที่อยู่ของจำเลยถึง 3 ครั้งก็ไม่มีผู้รับ ดังนี้ ถือได้ว่าคำบอกกล่าวเลิกสัญญาของโจทก์มีผลนับแต่เมื่อเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์นำส่งไปถึงสถานที่ของจำเลย และจำเลยได้ทราบคำบอกกล่าวเลิกสัญญาเช่าของโจทก์โดยชอบสัญญาเช่าได้ระงับเลิกไปแล้วจำเลยจึงต้องออกจากตึกพิพาทของโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1804/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หน้าที่ชำระหนี้จากการกู้ยืม แม้ผู้ให้กู้ไม่มีอำนาจตามกฎหมาย ผู้กู้ก็ต้องชำระหนี้
เมื่อจำเลยกู้เงินของบริษัทโจทก์ไป ถึงกำหนดชำระคืนก็มีหน้าที่ต้องใช้เงินให้ จะโต้เถียงอำนาจของผู้ให้กู้ไม่ได้
การที่บริษัทจำกัดใดจะมีอำนาจให้จำเลยกู้ได้หรือไม่เป็นเรื่องของทางราชการจะว่ากล่าว ไม่เกี่ยวกับผู้กู้เงินไปจากบริษัท.
of 2