พบผลลัพธ์ทั้งหมด 6 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 128/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจหน้าที่เจ้าพนักงานบังคับคดีในการรักษาทรัพย์ยึดและการจัดการผู้บุกรุกเพื่อการบังคับคดี
เมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาแล้ว ย่อมเป็นผู้ยึดถือและมีสิทธิครอบครองที่ดินนั้นกับมีหน้าที่รับผิดชอบในการดูแลรักษาจนกว่าจะเสร็จสิ้นการบังคับคดีถ้าปรากฏว่ามีผู้บุกรุกเข้ามาอยู่ในที่ดินดังกล่าว อันเป็นการรบกวนการครอบครองของพนักงานบังคับคดี ก็ชอบที่เจ้าพนักงานบังคับคดีจะดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อที่จะให้การบังคับคดีสำเร็จลุล่วงไป การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีมอบให้โจทก์เป็นผู้รักษาที่ดินที่ยึดไว้หาทำให้เจ้าพนักงานบังคับคดีหมดอำนาจหน้าที่และพ้นความรับผิดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 278 ไม่
โจทก์ผู้ได้รับมอบหมายจากเจ้าพนักงานบังคับคดีให้เป็นผู้รักษาทรัพย์ที่ยึดไว้ยื่นคำแถลงต่อศาลว่ามีผู้บุกรุกที่ดิน ได้ขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินคดีกับผู้บุกรุกแต่เจ้าพนักงานบังคับคดีไม่ดำเนินการอย่างไร ชอบที่ศาลชั้นต้นจะสั่งไม่ไต่สวนคำแถลงของโจทก์แล้วสั่งการอย่างหนึ่งอย่างใดต่อไปตามที่เห็นสมควร
โจทก์ผู้ได้รับมอบหมายจากเจ้าพนักงานบังคับคดีให้เป็นผู้รักษาทรัพย์ที่ยึดไว้ยื่นคำแถลงต่อศาลว่ามีผู้บุกรุกที่ดิน ได้ขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินคดีกับผู้บุกรุกแต่เจ้าพนักงานบังคับคดีไม่ดำเนินการอย่างไร ชอบที่ศาลชั้นต้นจะสั่งไม่ไต่สวนคำแถลงของโจทก์แล้วสั่งการอย่างหนึ่งอย่างใดต่อไปตามที่เห็นสมควร
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 128/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจหน้าที่เจ้าพนักงานบังคับคดีในการรักษาทรัพย์ยึด และการจัดการผู้บุกรุก
เมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาแล้ว ย่อมเป็นผู้ยึดถือและมีสิทธิครอบครองที่ดินนั้นกับมีหน้าที่รับผิดชอบในการดูแลรักษาจนกว่าจะเสร็จสิ้นการบังคับคดี ถ้าปรากฏว่ามีผู้บุกรุกเข้ามาอยู่ในที่ดินดังกล่าว อันเป็นการรบกวนการครอบครองของเจ้าพนักงานบังคับคดี ก็ชอบที่เจ้าพนักงานบังคับคดีจะดำเนินคดีมอบให้โจทก์เป็นผู้รักษาที่ดินที่ยึดไว้ หาทำให้เจ้าพนักงานบังคับคดีหมดอำนาจหน้าที่และพ้นความรับผิดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 278 ไม่
โจทก์ผู้ได้รับมอบหมายจากเจ้าพนักงานบังคับคดีให้เป็นผู้รักษาทรัพย์ที่ยึดไว้ยื่นคำแถลงต่อศาลว่ามีผู้บุกรุกที่ดิน ได้ขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินคดีกับผู้บุกรุก แต่เจ้าพนักงานบังคับคดีไม่ดำเนินการอย่างไร ชอบที่ศาลชั้นต้นจะสั่งไต่สวนคำแถลงของโจทก์แล้วสั่งการอย่างหนึ่งอย่างใดต่อไปตามที่เห็นสมควร
โจทก์ผู้ได้รับมอบหมายจากเจ้าพนักงานบังคับคดีให้เป็นผู้รักษาทรัพย์ที่ยึดไว้ยื่นคำแถลงต่อศาลว่ามีผู้บุกรุกที่ดิน ได้ขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินคดีกับผู้บุกรุก แต่เจ้าพนักงานบังคับคดีไม่ดำเนินการอย่างไร ชอบที่ศาลชั้นต้นจะสั่งไต่สวนคำแถลงของโจทก์แล้วสั่งการอย่างหนึ่งอย่างใดต่อไปตามที่เห็นสมควร
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1260/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองทรัพย์สินที่ยึดตามคำพิพากษาและการรบกวนการครอบครอง รวมถึงอำนาจฟ้องในความผิดฐานบุกรุกและทำให้เสียทรัพย์
การยึดถือทรัพย์สินตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 278 นั้นหมายถึงการเข้าควบคุมหรือครอบครองทรัพย์สิน ซึ่ง เจ้าพนักงานบังคับคดีจะระวังรักษาทรัพย์สินนั้นเสียเองหรือจะตั้งให้ผู้ใดเป็นผู้จัดการทรัพย์สินนั้นก็ได้
เจ้าพนักงานบังคับคดียึดอาคารของลูกหนี้ตามคำพิพากษา แล้วทำสัญญามอบหมายให้โจทก์ร่วมเป็นผู้รักษา โดยโจทก์ร่วมให้สัญญาว่าจะรักษาด้วยความระมัดระวังมิให้เสียหายหรือเสื่อมคุณภาพ และจะไม่เอาออกใช้สอย ถ้าเกิดความเสียหายหรือสูญหายจะชดใช้ราคาให้ แล้วโจทก์ร่วมใส่กุญแจห้องล่ามโซ่ใส่กุญแจอาคาร แม้มิได้เข้าไปอยู่ในตัวอาคารก็เป็นการครอบครองรักษาทรัพย์ตามสัญญาแล้ว เมื่อจำเลยเข้าไปรื้อห้องตกแต่งอาคารใหม่ และเปิดทำการค้าในอาคารนั้น จึงเป็นการเข้าไปกระทำการอันเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ซึ่งโจทก์ร่วมครอบครองอยู่โดยปกติสุขและทำให้เสียทรัพย์ โจทก์ร่วมเป็นผู้เสียหาย มีอำนาจร้องทุกข์กล่าวโทษจำเลย และมีอำนาจฟ้องฐานบุกรุกและทำให้เสียทรัพย์
เจ้าพนักงานบังคับคดียึดอาคารของลูกหนี้ตามคำพิพากษา แล้วทำสัญญามอบหมายให้โจทก์ร่วมเป็นผู้รักษา โดยโจทก์ร่วมให้สัญญาว่าจะรักษาด้วยความระมัดระวังมิให้เสียหายหรือเสื่อมคุณภาพ และจะไม่เอาออกใช้สอย ถ้าเกิดความเสียหายหรือสูญหายจะชดใช้ราคาให้ แล้วโจทก์ร่วมใส่กุญแจห้องล่ามโซ่ใส่กุญแจอาคาร แม้มิได้เข้าไปอยู่ในตัวอาคารก็เป็นการครอบครองรักษาทรัพย์ตามสัญญาแล้ว เมื่อจำเลยเข้าไปรื้อห้องตกแต่งอาคารใหม่ และเปิดทำการค้าในอาคารนั้น จึงเป็นการเข้าไปกระทำการอันเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ซึ่งโจทก์ร่วมครอบครองอยู่โดยปกติสุขและทำให้เสียทรัพย์ โจทก์ร่วมเป็นผู้เสียหาย มีอำนาจร้องทุกข์กล่าวโทษจำเลย และมีอำนาจฟ้องฐานบุกรุกและทำให้เสียทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1260/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองทรัพย์สินที่ยึดและการรบกวนการครอบครองของผู้รับรักษาทรัพย์ ผู้รับรักษาฯ มีอำนาจฟ้องรบกวนและทำให้เสียทรัพย์
การยึดถือทรัพย์สินตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 278 นั้นหมายถึงการเข้าควบคุมหรือครอบครองทรัพย์สิน ซึ่งเจ้าพนักงานบังคับคดีจะระวังรักษาทรัพย์สินนั้นเสียเองหรือจะตั้งให้ผู้ใดเป็นผู้จัดการทรัพย์สินนั้นก็ได้
เจ้าพนักงานบังคับคดียึดอาคารของลูกหนี้ตามคำพิพากษา แล้วทำสัญญามอบหมายให้โจทก์ร่วมเป็นผู้รักษา โดยโจทก์ร่วมให้สัญญาว่าจะรักษาด้วยความระมัดระวังมิให้เสียหายหรือเสื่อมคุณภาพ และจะไม่เอาออกใช้สอย ถ้าเกิดความเสียหายหรือสูญหายจะชดใช้ราคาให้ แล้วโจทก์ร่วมใส่กุญแจห้องล่ามโซ่ใส่กุญแจอาคาร แม้มิได้เข้าไปอยู่ในตัวอาคารก็เป็นการครอบครองรักษาทรัพย์ตามสัญญาแล้ว เมื่อจำเลยเข้าไปรื้อห้องตกแต่งอาคารใหม่ และเปิดทำการค้าในอาคารนั้น จึงเป็นการเข้าไปกระทำการอันเป็นการ รบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ซึ่งโจทก์ร่วมครอบครองอยู่โดยปกติสุขและทำให้เสียทรัพย์โจทก์ร่วมเป็นผู้เสียหาย มีอำนาจร้องทุกข์กล่าวโทษจำเลยและมีอำนาจฟ้องฐานบุกรุกและทำให้เสียทรัพย์
เจ้าพนักงานบังคับคดียึดอาคารของลูกหนี้ตามคำพิพากษา แล้วทำสัญญามอบหมายให้โจทก์ร่วมเป็นผู้รักษา โดยโจทก์ร่วมให้สัญญาว่าจะรักษาด้วยความระมัดระวังมิให้เสียหายหรือเสื่อมคุณภาพ และจะไม่เอาออกใช้สอย ถ้าเกิดความเสียหายหรือสูญหายจะชดใช้ราคาให้ แล้วโจทก์ร่วมใส่กุญแจห้องล่ามโซ่ใส่กุญแจอาคาร แม้มิได้เข้าไปอยู่ในตัวอาคารก็เป็นการครอบครองรักษาทรัพย์ตามสัญญาแล้ว เมื่อจำเลยเข้าไปรื้อห้องตกแต่งอาคารใหม่ และเปิดทำการค้าในอาคารนั้น จึงเป็นการเข้าไปกระทำการอันเป็นการ รบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ซึ่งโจทก์ร่วมครอบครองอยู่โดยปกติสุขและทำให้เสียทรัพย์โจทก์ร่วมเป็นผู้เสียหาย มีอำนาจร้องทุกข์กล่าวโทษจำเลยและมีอำนาจฟ้องฐานบุกรุกและทำให้เสียทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 598/2501
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่ารักษาทรัพย์ยึด: ศาลต้องไต่สวนและกำหนดจำนวนเงินที่สมควร แม้มิได้ตกลงกันตั้งแต่แรก
ในเรื่องค่ารักษาทรัพย์นั้นควรที่จะได้ตกลงกำหนดกันไว้แล้วตั้งแต่แรกพร้อมด้วยการรับรู้ของฝ่ายที่นำยึดเมื่อมิได้มีการตกลงกำหนดกันไว้ โดยปกติผู้รักษาทรัพย์ก็ควรที่จะได้ค่ารักษาทรัพย์บ้างตามจำนวนเงินที่ศาลเห็นสมควร
ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้รักษาทรัพย์ที่ถูกยึดกับโจทก์ผู้นำยึดต่างโต้เถียงกันในเรื่องค่ารักษาทรัพย์ที่ถูกศาลสั่งยึดและมิได้ปรากฏว่ามีการรับรองกันในความข้อใด แม้ความเห็นของเจ้าพนักงานบังคับคดี ซึ่งเป็นคนกลางที่ใกล้ชิดกับความจริง ก็ไม่มีปรากฏในสำนวนจึงไม่มีข้อเท็จจริงประการใดในสำนวนเลยที่จะเป็นหลักเกณฑ์ในการคำนวณว่า มากน้อยเพียงใดจึงจะเป็นจำนวนเงินที่สมควรเช่นนี้ ศาลต้องดำเนินการไต่สวนคำร้องของผู้ร้องในเรื่องค่ารักษาทรัพย์แล้วสั่งตามรูปคดี
ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้รักษาทรัพย์ที่ถูกยึดกับโจทก์ผู้นำยึดต่างโต้เถียงกันในเรื่องค่ารักษาทรัพย์ที่ถูกศาลสั่งยึดและมิได้ปรากฏว่ามีการรับรองกันในความข้อใด แม้ความเห็นของเจ้าพนักงานบังคับคดี ซึ่งเป็นคนกลางที่ใกล้ชิดกับความจริง ก็ไม่มีปรากฏในสำนวนจึงไม่มีข้อเท็จจริงประการใดในสำนวนเลยที่จะเป็นหลักเกณฑ์ในการคำนวณว่า มากน้อยเพียงใดจึงจะเป็นจำนวนเงินที่สมควรเช่นนี้ ศาลต้องดำเนินการไต่สวนคำร้องของผู้ร้องในเรื่องค่ารักษาทรัพย์แล้วสั่งตามรูปคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 598/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่ารักษาทรัพย์ยึด: ศาลต้องกำหนดตามสมควร หากไม่มีข้อตกลง และไต่สวนข้อเท็จจริงเพื่อคำนวณจำนวนที่เหมาะสม
ในเรื่องค่ารักษาทรัพย์นั้นควรที่จะได้ตกลงกำหนดกันไว้แล้วตั้งแต่แรกพร้อมด้วยการรับรู้ของฝ่ายที่นำยึด เมื่อมิได้มีการตกลงกำหนดกันไว้ โดยปรกติผู้รักษาทรัพย์ก็ควรที่จะได้ค่ารักษาทรัพย์บ้างตามจำนวนเงินที่ศาลเห็นสมควร
ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้รักษาทรัพย์ที่ถูกยึดกับโจทก์ผู้นำยึดต่างโต้เถียงกันในเรื่องค่ารักษาทรัพย์ที่ถูกศาลสั่งยึด และมิได้ปรากฎว่ามีการรับรองกันในความข้อใดแม้ความเห็นของเจ้าพนักงานบังคับคดี ซึ่งเป็นคนกลางที่ใกล้ชิดกับความจริง ก็ไม่มีปรากฎในสำนวน จึงไม่มีข้อเท็จจริงประการใดในสำนวนเลยที่จะเป็นหลักเกณฑ์ในการคำนวณว่า มากน้อยเพียงใดจึงจะเป็นจำนวนเงินที่สมควรเช่นนี้ ศาลต้องดำเนินการไต่สวนคำร้องของผู้ร้องในเรื่องค่ารักษาทรัพย์ แล้วสั่งตามรูปคดี
ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้รักษาทรัพย์ที่ถูกยึดกับโจทก์ผู้นำยึดต่างโต้เถียงกันในเรื่องค่ารักษาทรัพย์ที่ถูกศาลสั่งยึด และมิได้ปรากฎว่ามีการรับรองกันในความข้อใดแม้ความเห็นของเจ้าพนักงานบังคับคดี ซึ่งเป็นคนกลางที่ใกล้ชิดกับความจริง ก็ไม่มีปรากฎในสำนวน จึงไม่มีข้อเท็จจริงประการใดในสำนวนเลยที่จะเป็นหลักเกณฑ์ในการคำนวณว่า มากน้อยเพียงใดจึงจะเป็นจำนวนเงินที่สมควรเช่นนี้ ศาลต้องดำเนินการไต่สวนคำร้องของผู้ร้องในเรื่องค่ารักษาทรัพย์ แล้วสั่งตามรูปคดี