พบผลลัพธ์ทั้งหมด 493 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 961/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้ดุลพินิจศาลในการลดโทษและรอการลงโทษในคดีอาวุธปืน จำเลยรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยมีกำหนด 1 ปี โดยลดโทษให้กึ่งหนึ่งฐานรับสารภาพ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้รอการลงโทษดังกล่าวไว้มีกำหนด 3 ปี กรณีต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 961/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้ดุลพินิจศาลในการรอการลงโทษคดีอาวุธปืน การฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับโทษเป็นเรื่องต้องห้าม
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยมีกำหนด 1 ปี โดยลดโทษให้กึ่งหนึ่งฐานรับสารภาพ. ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้รอการลงโทษดังกล่าวไว้มีกำหนด 3 ปี. กรณีต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 50/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสนับสนุนการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์: การรับของที่รู้ว่าเป็นของผิดกฎหมาย
จำเลยคอยรับถุงแป้งมันสำปะหลังจากคนร้ายที่ลักมาลงบรรทุกเรือของจำเลยซึ่งจอดคอยรับบรรทุกอยู่ที่ท่าน้ำริมตลิ่งห่างจากโกดังที่คนร้ายไปเอาแป้งมา 30 วา อันมิใช่รับส่งกันในที่เกิดเหตุ จึงถือว่าเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการที่ผู้อื่นกระทำความผิด ดังนี้ จำเลยย่อมมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 ประกอบด้วยมาตรา 86
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335, 83 จำคุก 9 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า จำเลยผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335, 86 จำคุก 6 เดือน ต้องห้ามมิให้ฎีกาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335, 83 จำคุก 9 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า จำเลยผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335, 86 จำคุก 6 เดือน ต้องห้ามมิให้ฎีกาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 50/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสนับสนุนการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์: การรับของที่ได้จากการลักทรัพย์และการให้ความสะดวก
จำเลยคอยรับถุงแป้งมันสำปะหลังจากคนร้ายที่ลักมาลงบรรทุกเรือของจำเลยซึ่งจอดคอยรับบรรทุกอยู่ที่ท่าน้ำริมตลิ่งห่างจากโกดังที่คนร้ายไปเอาแป้งมา 30 วา อันมิใช่รับส่งกันในที่เกิดเหตุ จึงถือว่าเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการที่ผู้อื่นกระทำความผิด ดังนี้จำเลยย่อมมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 ประกอบด้วยมาตรา 86
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา335,83 จำคุก9 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า จำเลยผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335,86 จำคุก 6 เดือน ต้องห้ามมิให้ฎีกาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา335,83 จำคุก9 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า จำเลยผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335,86 จำคุก 6 เดือน ต้องห้ามมิให้ฎีกาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 50/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสนับสนุนการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์: การรับของที่รู้ว่าเป็นของผิดกฎหมาย
จำเลยคอยรับถุงแป้งมันสำปะหลังจากคนร้ายที่ลักมาลงบรรทุกเรือของจำเลยซึ่งจอดคอยรับบรรทุกอยู่ที่ท่าน้ำริมตลิ่งห่างจากโกดังที่คนร้ายไปเอาแป้งมา 30 วา. อันมิใช่รับส่งกันในที่เกิดเหตุ. จึงถือว่าเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการที่ผู้อื่นกระทำความผิด. ดังนี้จำเลยย่อมมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 ประกอบด้วยมาตรา 86.
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา335,83 จำคุก 9 เดือน. ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า จำเลยผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335,86 จำคุก 6 เดือน. ต้องห้ามมิให้ฎีกาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220.
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา335,83 จำคุก 9 เดือน. ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า จำเลยผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335,86 จำคุก 6 เดือน. ต้องห้ามมิให้ฎีกาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 903/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีอาญาต้องระบุองค์ประกอบความผิดให้ชัดเจน หากศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าจำเลยมีใบอนุญาตถูกต้อง โจทก์ไม่อาจฎีกาเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงได้
ความผิดฐานขนสุราโดยไม่ได้รับอนุญาต กับความผิดฐานไม่นำใบอนุญาตกำกับไปกับสุราที่ขน องค์ความผิดต่างกันเป็นความผิดคนละฐานกัน โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยขนสุราของกลางโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่ข้อเท็จจริงกลับได้ความว่าจำเลยมีใบอนุญาตขนถูกต้องแล้ว จะลงโทษจำเลยฐานไม่นำใบอนุญาตกำกับการขนสุราของกลางอันเป็นความผิดอีกฐานหนึ่งซึ่งโจทก์มิได้กล่าวบรรยายมาในคำฟ้องขอให้ลงโทษด้วยนั้น ย่อมไม่ได้
เมื่อศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยชี้ขาดว่าจำเลยมีใบอนุญาตขนสุราของกลางโดยชอบด้วยกฎหมาย และโจทก์มิได้อุทธรณ์โต้เถียงว่าจำเลยไม่มีใบอนุญาตขนสุรา หรือว่าใบอนุญาตขนสุราที่จำเลยอ้างนั้นไม่ใช่ใบอนุญาตขนสุราของกลาง ความผิดฐานขนสุราของกลางโดยไม่มีใบอนุญาตจึงยุติ โจทก์จะมาฎีกาโต้เถียงว่าใบอนุญาตขนสุราที่จำเลยอ้างไม่ใช่ใบอนุญาตขนสุราของกลางหาได้ไม่ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 10/2509)
เมื่อศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยชี้ขาดว่าจำเลยมีใบอนุญาตขนสุราของกลางโดยชอบด้วยกฎหมาย และโจทก์มิได้อุทธรณ์โต้เถียงว่าจำเลยไม่มีใบอนุญาตขนสุรา หรือว่าใบอนุญาตขนสุราที่จำเลยอ้างนั้นไม่ใช่ใบอนุญาตขนสุราของกลาง ความผิดฐานขนสุราของกลางโดยไม่มีใบอนุญาตจึงยุติ โจทก์จะมาฎีกาโต้เถียงว่าใบอนุญาตขนสุราที่จำเลยอ้างไม่ใช่ใบอนุญาตขนสุราของกลางหาได้ไม่ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 10/2509)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 903/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีอาญาต้องระบุองค์ประกอบความผิดให้ชัดเจน การพิพากษาคดีต้องยึดข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัย หากโจทก์ไม่โต้แย้ง
ความผิดฐานขนสุราโดยไม่ได้รับอนุญาต กับความผิดฐานไม่นำใบอนุญาตกำกับไปกับสุราที่ขน องค์ความผิดต่างกัน เป็นความผิดคนละฐานกัน โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยขนสุราของกลางโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่ข้อเท็จจริงกลับได้ความว่าจำเลยมีใบอนุญาตขนถูกต้องแล้ว จะลงโทษจำเลยฐานไม่นำใบอนุญาตกำกับการขนสุราของกลางอันเป็นความผิดอีกฐานหนึ่งซึ่งโจทก์มิได้กล่าวบรรยายมาในคำฟ้อง ขอให้ลงโทษด้วยนั้น ย่อมไม่ได้
เมื่อศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยชี้ขาดว่าจำเลยมีใบอนุญาตขนสุราของกลางโดยชอบด้วยกฎหมายและโจทก์มิได้อุทธรณ์โต้เถียงว่า จำเลยไม่มีใบอนุญาตขนสุรา หรือว่าใบอนุญาตขนสุราที่จำเลยอ้างนั้นไม่ใช่ใบอนุญาตขนสุราของกลาง ความผิดฐานขนสุราของกลางโดยไม่มีใบอนุญาตจึงยุติ โจทก์จะมาฎีกาโต้เถียงว่าใบอนุญาตขนสุราที่จำเลยอ้างไม่ใช่ใบอนุญาตขนสุราของกลางหาได้ไม่ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 15 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 249
(ประชุมใหญ่ ครั้ง 10/2509)
เมื่อศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยชี้ขาดว่าจำเลยมีใบอนุญาตขนสุราของกลางโดยชอบด้วยกฎหมายและโจทก์มิได้อุทธรณ์โต้เถียงว่า จำเลยไม่มีใบอนุญาตขนสุรา หรือว่าใบอนุญาตขนสุราที่จำเลยอ้างนั้นไม่ใช่ใบอนุญาตขนสุราของกลาง ความผิดฐานขนสุราของกลางโดยไม่มีใบอนุญาตจึงยุติ โจทก์จะมาฎีกาโต้เถียงว่าใบอนุญาตขนสุราที่จำเลยอ้างไม่ใช่ใบอนุญาตขนสุราของกลางหาได้ไม่ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 15 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 249
(ประชุมใหญ่ ครั้ง 10/2509)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 267-268/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำกัดสิทธิการแถลงด้วยวาจาต่อศาลอุทธรณ์ และข้อจำกัดในการฎีกาเมื่อศาลชั้นต้นลงโทษจำกัด
ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุก 6 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนจำเลยฎีกาข้อเท็จจริงไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 203 ให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาโดยเปิดเผยเฉพาะแต่ในกรณีที่นัดหรืออนุญาตให้คู่ความมาพร้อมกันหรือมีการสืบพยานไม่มีข้อความแสดงว่าให้ศาลต้องนัดหรือฟังคู่ความมาแถลงด้วยวาจา แต่มีข้อความแสดงว่าศาลจะนัดให้คู่ความมาแถลงด้วยวาจาหรือไม่ก็ได้ ซึ่งเป็นกรณีที่แล้วแต่ศาลจะเห็นสมควรเป็นเรื่องๆ ไป ฉะนั้น การที่ศาลอุทธรณ์ไม่นัดให้คู่ความมาแถลงด้วยวาจา จึงไม่ผิดกฎหมาย
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 203 ให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาโดยเปิดเผยเฉพาะแต่ในกรณีที่นัดหรืออนุญาตให้คู่ความมาพร้อมกันหรือมีการสืบพยานไม่มีข้อความแสดงว่าให้ศาลต้องนัดหรือฟังคู่ความมาแถลงด้วยวาจา แต่มีข้อความแสดงว่าศาลจะนัดให้คู่ความมาแถลงด้วยวาจาหรือไม่ก็ได้ ซึ่งเป็นกรณีที่แล้วแต่ศาลจะเห็นสมควรเป็นเรื่องๆ ไป ฉะนั้น การที่ศาลอุทธรณ์ไม่นัดให้คู่ความมาแถลงด้วยวาจา จึงไม่ผิดกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1250/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาทในการขับรถ ชนกันที่สี่แยก แม้ผู้ขับอีกฝ่ายประมาท จำเลยก็ต้องรับผิดชอบหากขับเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยขับรถยนต์ประจำทางโดยประมาทฝ่าฝืนพระราชบัญญัติจราจร เป็นเหตุให้ชนกับรถยนต์อีกคันหนึ่งมีคนบาดเจ็บและบาดเจ็บสาหัสหลายคน ศาลแขวงลงโทษจำเลยในความผิดฐานฝ่าฝืนพระราชบัญญัติจราจร ให้ยกฟ้องในข้อหาฐานขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บและบาดเจ็บสาหัส โจทก์อุทธรณ์ในข้อกฎหมายว่าจำเลยมีความผิดฐานขับรถโดยประมาทด้วย ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยมีความผิดฐานทำให้คนบาดเจ็บสาหัสโดยประมาทด้วย เช่นนี้จำเลยฎีกาได้ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 220 เพราะในข้อหาฐานทำให้คนบาดเจ็บและบาดเจ็บสาหัสโดยประมาทนั้น ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยขับรถผ่านสี่แยกด้วยความเร็วเกินกว่า 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง รถอีกคันหนึ่งขับล้ำเข้าไปในสี่แยกโดยฝ่าฝืนเครื่องหมายหยุด การที่จำเลยขับรถผ่านสี่แยกด้วยความเร็วเกินกำหนดและไม่ชลอให้ช้าลงบ้าง เป็นเหตุให้รถชนกัน ดังนี้ ย่อมได้ชื่อว่าจำเลยได้กระทำการโดยประมาท
จำเลยขับรถผ่านสี่แยกด้วยความเร็วเกินกว่า 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง รถอีกคันหนึ่งขับล้ำเข้าไปในสี่แยกโดยฝ่าฝืนเครื่องหมายหยุด การที่จำเลยขับรถผ่านสี่แยกด้วยความเร็วเกินกำหนดและไม่ชลอให้ช้าลงบ้าง เป็นเหตุให้รถชนกัน ดังนี้ ย่อมได้ชื่อว่าจำเลยได้กระทำการโดยประมาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 501/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขโทษจากลักทรัพย์เป็นทำลายทรัพย์สิน: จำเลยฎีกาไม่ได้ และต้องมีเหตุความจำเป็นหรือยากจน
ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลย 2 เดือนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334 ศาลอุทธรณ์แก้ให้ลงโทษจำคุกจำเลย 6 เดือนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(7) จำเลยฎีกาข้อเท็จจริงไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220
การกระทำผิดตามมาตรา 335 จะลงโทษตามมาตรา 334 ได้ มิใช่ทรัพย์มามีราคาเล็กน้อยอย่างเดียว ผู้กระทำต้องกระทำโดยความจำใจหรือความยากจนเหลือทนทานเป็นหลักประกอบด้วย
การกระทำผิดตามมาตรา 335 จะลงโทษตามมาตรา 334 ได้ มิใช่ทรัพย์มามีราคาเล็กน้อยอย่างเดียว ผู้กระทำต้องกระทำโดยความจำใจหรือความยากจนเหลือทนทานเป็นหลักประกอบด้วย