พบผลลัพธ์ทั้งหมด 471 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2322/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            อำนาจหน้าที่เจ้าหน้าที่เวนคืนและการผูกพันตามสัญญาค่าทดแทนที่ดิน
                        
                        พระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์เพื่อสร้างทางหลวงแผ่นดินสายนครสวรรค์ - ตากฯ พ.ศ.2509 บัญญัติให้อธิบดีกรมทางหลวงเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนอสังหาริมทรัพย์ตามพระราชบัญญัตินี้ เมื่อนายกรัฐมนตรีในฐานะผู้บังคับบัญชาสูงสุดของกรมทางหลวงจำเลยที่ 1 ได้แต่งตั้งกรรมการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ตามพระราชบัญญัติดังกล่าว กรรมการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ที่นายกรัฐมนตรีแต่งตั้งขึ้นจึงเป็นตัวแทนของจำเลยที่ 1 ในฐานะอธิบดีกรมทางหลวงและเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนอสังหาริมทรัพย์ตามพระราชบัญญัตินี้
กรรมการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์มีหน้าที่ไกล่เกลี่ยเจ้าของที่ดินที่ถูกเวนคืนให้ตกลงกันในเรื่องจำนวนเงินค่า ทดแทนตามมาตรา 18, 22, 25, 26 แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ.2497 จึงเห็นได้ว่ากรรมการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ย่อมมีหน้าที่กำหนดจำนวนเงินค่าทดแทนให้แก่เจ้าของที่ดินที่ถูกเวนคืนด้วย
ที่ดินของโจทก์ถูกเวนคืนเพื่อสร้างทางหลวงแผ่นดิน กรรมการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ได้ประชุมกำหนดจำนวนเงินค่าทดแทนที่ดินของโจทก์ที่ถูกเวนคืนให้แก่โจทก์ ตารางวาละ 1,000 บาท รวมเป็นเงิน 399,000 บาท โจทก์ตกลงยอมรับ และคณะกรรมการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์กับโจทก์ได้ทำสัญญาจ่ายเงินค่าทดแทนกันไว้แล้ว กรมทางหลวงจำเลยที่ 1 จึงต้องผูกพันจ่ายเงินค่าทดแทนให้แก่โจทก์ตามนั้น จะอ้างว่าจำเลยที่ 1 ยังไม่ได้อนุมัติตามข้อตกลง และยับยั้งไม่จ่ายเงินดังกล่าวหาได้ไม่
                                    กรรมการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์มีหน้าที่ไกล่เกลี่ยเจ้าของที่ดินที่ถูกเวนคืนให้ตกลงกันในเรื่องจำนวนเงินค่า ทดแทนตามมาตรา 18, 22, 25, 26 แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ.2497 จึงเห็นได้ว่ากรรมการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ย่อมมีหน้าที่กำหนดจำนวนเงินค่าทดแทนให้แก่เจ้าของที่ดินที่ถูกเวนคืนด้วย
ที่ดินของโจทก์ถูกเวนคืนเพื่อสร้างทางหลวงแผ่นดิน กรรมการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ได้ประชุมกำหนดจำนวนเงินค่าทดแทนที่ดินของโจทก์ที่ถูกเวนคืนให้แก่โจทก์ ตารางวาละ 1,000 บาท รวมเป็นเงิน 399,000 บาท โจทก์ตกลงยอมรับ และคณะกรรมการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์กับโจทก์ได้ทำสัญญาจ่ายเงินค่าทดแทนกันไว้แล้ว กรมทางหลวงจำเลยที่ 1 จึงต้องผูกพันจ่ายเงินค่าทดแทนให้แก่โจทก์ตามนั้น จะอ้างว่าจำเลยที่ 1 ยังไม่ได้อนุมัติตามข้อตกลง และยับยั้งไม่จ่ายเงินดังกล่าวหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2309/2520
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            สัญญาประนีประนอมยอมความมรดก: ไม่จำเป็นต้องตั้งผู้จัดการมรดก
                        
                        ทายาททำสัญญาประนีประนอมยอมความแบ่งมรดกกันแล้ว ก็ไม่มีความจำเป็นต้องตั้งผู้จัดการมรดก  ศาลยกคำร้องขอตั้งผู้จัดการมรดก
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2276/2520
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            การยกฟ้องโดยอ้างข้อเท็จจริงที่มิได้นำสืบในกระบวนการพิจารณา ศาลมิอาจยกขึ้นเองได้
                        
                        จำเลยให้การต่อสู้คดีว่า  จำเลยครอบครองที่ดินที่จำเลยเช่าไม่ได้รุกล้ำที่ดินที่โจทก์เช่า  มิได้ต่อสู้ว่าจำเลยครอบครองมาก่อนโจทก์เช่า  ที่ศาลยกฟ้องโจทก์โดยอ้างว่าจำเลยครอบครองอยู่ก่อนโจทก์เช่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง จึงเป็นข้อกฎหมายที่มิได้มาจากข้อเท็จจริงในกระบวนพิจารณาโดยชอบ  ศาลอ้างขึ้นเองไม่ได้
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2021/2520
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            ผลกระทบของกฎหมายยกเว้นโทษต่อคดีระหว่างพิจารณา
                        
                        ระหว่างพิจารณาของศาลฎีกามีกฎหมายยกเว้นโทษโดย พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ฉบับที่ 6 จำเลยได้รับผลตามกฎหมายนี้
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2013/2520
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            ฟ้องแย้งต้องมีสิทธิและหน้าที่พร้อมบริบูรณ์ขณะฟ้อง หากสิทธิและหน้าที่ยังไม่เกิด ศาลไม่รับฟ้อง
                        
                        โจทก์ฟ้องขับไล่จากห้องเช่า เรียกค่าเสียหาย จำเลยให้การปฏิเสธว่าไม่ผิดสัญญาเช่า และฟ้องแย้งเรียกค่าเสียหายที่ถูกฟ้องขับไล่ ดังนี้ ฟ้องแย้งไม่ใช่สิทธิและหน้าที่พร้อมบริบูรณ์ในขณะที่ฟ้อง แต่จะมีขึ้นเมื่อปรากฏผลแห่งคดีนี้แล้ว ไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิมศาลไม่รับฟ้องแย้ง
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1943/2520
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            การแก้ไขฟ้องผิดพลาดเกี่ยวกับชื่อคนขับ และสิทธิค่าขาดไร้อุปการะของผู้เสียหาย
                        
                        เดิมโจทก์บรรยายฟ้องว่า รถประจำทางของบริษัทจำเลยคันที่ชนบุตรโจทก์มี ด.เป็นคนขับ  ครั้นถึงวันนัดสืบพยานโจทก์ซึ่งหลังจากวันชี้สองสถานแล้ว  โจทก์ขอแก้ฟ้องว่า  คนขับรถของบริษัทจำเลยชื่อ จ. อ้างเหตุว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจบอกชื่อสับกันไป  เพราะมีรถชนกันสองสายในเวลาใกล้เคียงกันดังนี้ เมื่อตามคำให้การจำเลยมิได้ปฏิเสธว่า ด.มิใช่ลูกจ้างจำเลย  คงอ้างแต่เพียงว่าคนขับรถของจำเลยมิได้เป็นฝ่ายประมาท  การที่โจทก์ระบุชื่อคนขับรถของจำเลยผิดพลาดไปด้วยเหตุดังกล่าว แล้วมาแก้ไขให้ถูกต้องภายหลังเป็นเรื่องแก้ไขความผิดพลาดเล็กน้อย  แม้จะเป็นภายหลังกำหนดเวลาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 180ศาลก็มีอำนาจอนุญาตให้โจทก์แก้ไขให้ถูกต้องได้
บุตรโจทก์ถึงแก่ความตายเพราะการกระทำละเมิด โจทก์ชอบที่จะได้รับค่าขาดไร้อุปการะทั้งในปัจจุบันและในอนาคตโดยผลแห่งกฎหมาย ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 443 วรรค 3 ประกอบด้วยมาตรา 1535 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ไม่ต้องพิจารณาว่าขณะเกิดเหตุผู้ตายได้อุปการะโจทก์จริงหรือไม่ และในอนาคตผู้ตาย จะอุปการะโจทก์หรือไม่(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1648/2509)
                                    บุตรโจทก์ถึงแก่ความตายเพราะการกระทำละเมิด โจทก์ชอบที่จะได้รับค่าขาดไร้อุปการะทั้งในปัจจุบันและในอนาคตโดยผลแห่งกฎหมาย ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 443 วรรค 3 ประกอบด้วยมาตรา 1535 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ไม่ต้องพิจารณาว่าขณะเกิดเหตุผู้ตายได้อุปการะโจทก์จริงหรือไม่ และในอนาคตผู้ตาย จะอุปการะโจทก์หรือไม่(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1648/2509)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1943/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            การแก้ไขฟ้องคดีแพ่งและการเรียกร้องค่าขาดไร้อุปการะของผู้เป็นมารดา
                        
                        เดิมโจทก์บรรยายฟ้องว่า รถประจำทางของบริษัทจำเลยคันที่ชนบุตรโจทก์มี ด. เป็นคนขับ  ครั้นถึงวันนัดสืบพยานโจทก์ซึ่งหลังจากวันชี้สองถานแล้ว  โจทก์ขอแก้ฟ้องว่า คนขับรถของบริษัทจำเลยชื่อ จ. อ้างเหตุว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจบอกชื่อสับกันไป เพราะมีรถชนกันสองสายในเวลาใกล้เคียงกัน ดังนี้ เมื่อตามคำให้การจำเลยมิได้ปฏิเสธว่า  ด.มิใช่ลูกจ้างจำเลย  คงอ้างแต่เพียงว่าคนขับรถของจำเลยมิได้เป็นฝ่ายประมาท  การที่โจทก์ระบุชื่อคนขับรถของจำเลยผิดพลาดไปด้วยเหตุดังกล่าว  แล้วมาแก้ไขให้ถูกต้องภายหลังเป็นเรื่องแก้ไขความผิดพลาดเล็กน้อย  แม้จะเป็นภายหลังกำหนดเวลาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 180  ศาลก็มีอำนาจอนุญาตให้โจทก์แก้ไขให้ถูกต้องได้
บุตรโจทก์ถึงแก่ความตายเพราะการกระทำละเมิด โจทก์ชอบที่จะได้รับค่าขาดไร้อุปการะทั้งในปัจจุบันและในอนาคตโดยผลแห่งกฎหมาย ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 443 วรรค 3 ประกอบด้วยมาตรา 1535 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ไม่ต้องพิจารณาขณะเกิดเหตุผู้ตายได้อุปการะโจทก์จริงหรือไม่ และในอนาคตผู้ตายจะอุปการะโจทก์หรือไม่ (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1648/2509)
                                    บุตรโจทก์ถึงแก่ความตายเพราะการกระทำละเมิด โจทก์ชอบที่จะได้รับค่าขาดไร้อุปการะทั้งในปัจจุบันและในอนาคตโดยผลแห่งกฎหมาย ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 443 วรรค 3 ประกอบด้วยมาตรา 1535 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ไม่ต้องพิจารณาขณะเกิดเหตุผู้ตายได้อุปการะโจทก์จริงหรือไม่ และในอนาคตผู้ตายจะอุปการะโจทก์หรือไม่ (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1648/2509)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1904/2520
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            ฎีกาต้องห้าม: การยกประเด็นใหม่ในชั้นฎีกาที่ไม่เคยยกขึ้นในศาลชั้นต้นและอุทธรณ์
                        
                        ในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ จำเลยต่อสู้เพียงว่า มิได้เป็นคนร้ายลักทรัพย์  ต่อมาในชั้นฎีกา จำเลยฎีกาว่าทรัพย์อยู่ในความครอบครองของจำเลย  ถ้าจะมีความผิดก็เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 แต่ไม่เป็นความผิดตามมาตรา 334 ถือได้ว่าข้อเท็จจริงในทางพิจารณาต่างกับคำฟ้อง  ชอบที่จะยกฟ้อง  ดังนี้ ข้อเท็จจริงที่ว่าทรัพย์อยู่ในความครอบครองของจำเลยนั้น ไม่ได้ยกขึ้นว่าในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ปัญหาข้อกฎหมายที่จำเลยยกขึ้นอ้างอิงจึงไม่เกิดขึ้น ฎีกาของจำเลยจึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 ประกอบด้วยมาตรา 225(อ้างฎีกาที่ 1478/2497)
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1904/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            ฎีกาต้องห้าม: การยกประเด็นใหม่ในฎีกาที่ไม่เคยยกขึ้นในศาลชั้นต้นและอุทธรณ์
                        
                        ในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ จำเลยต่อสู้เพียงว่ามิได้เป็นคนร้ายลักทรัพย์ต่อมาในฎีกา จำเลยฎีกาว่า ทรัพย์อยู่ในความครอบครองของจำเลย ถ้าจะมีความผิดก็เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 แต่ไม่เป็นความผิดตามมาตรา 334 ถือได้ว่าข้อเท็จจริงในทางพิจารณาต่างกับคำฟ้อง  ชอบที่จะยกฟ้อง ดังนี้ ข้อเท็จจริงที่ว่าทรัพย์อยู่ในความครอบครองของจำเลยนั้นไม่ได้ยกขึ้นว่าในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ปัญหาข้อกฎหมายที่จำเลยยกขึ้นอ้างอิงจึงไม่เกิดขึ้น  ฎีกาของจำเลยจึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 ประกอบด้วยมาตรา 225 (อ้างฎีกาที่ 1478/2497)
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1899-1901/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            การประเมินภาษีการค้าสำหรับผลิตภัณฑ์ชงดื่ม: การพิจารณาว่าใบชาและชาผงเข้าข่ายได้รับการยกเว้นภาษีหรือไม่
                        
                        ตามประมวลรัษฎากรผู้ประกอบการค้าตามที่ระบุไว้ในบัญชีอัตราภาษีการค้ามีหน้าที่เสียภาษีการค้าจากรายรับของทุกเดือนภาษีตามอัตราในบัญชีอัตราภาษีการค้า  เว้นแต่จะมีการลดอัตราหรือยกเว้นโดยพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรหรือกฎหมายอื่น  พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นและลดอัตรารัษฎากร (ฉบับที่ 43) พ.ศ.2516 มาตรา 3 บัญญัติว่า "ให้ยกเว้นภาษีการค้าสำหรับสินค้าตามประเภทการค้า 1 ชนิด  1 (ก) ของบัญชีอัตราภาษีการค้าท้ายหมวด 4 ในลักษณะ 2 แห่งประมวลรัษฎากร ฯลฯ  เฉพาะที่มิได้ระบุในบัญชีท้ายพระราชกฤษฎีกา  ออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการลดอัตรารัษฎากร (ฉบับที่ 21) พ.ศ.2509  ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกานี้  ทั้งนี้ เพราะที่ผลิตในราชอาณาจักร" และตามพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวระบุ "ผลิตภัณฑ์ชงดื่ม"  ไว้ในบัญชีที่ 1 หมวด 1 อาหาร เครื่องดื่ม (3) ดังนี้ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์เก็บใบชามาจากต้นแล้วนำไปผึ่งลม คั่ว นวดและอบตามลำดับ  แล้วนำไปคัดเลือกแยกออกเป็นใบชาชนิดอ่อน ใบชาชนิดแก่และก้านชา  สำหรับใบชาชนิดแก่และก้านชานี้โจทก์นำไปคั่วและบดให้เป็นผงเรียกว่าชาผง  ใบชาชนิดอ่อนและชาผงโจทก์จำหน่ายให้แก่องค์การคลังสินค้า  ซึ่งผู้ที่ซื้อต่อไปใช้ชงดื่มได้ทันทีแต่ไม่เป็นที่นิยมกันเพราะรสชาติไม่เป็นที่นิยมและความสะอาดไม่ดีนัก  ใบชาและชาผงดังกล่าวจึงถือได้ว่าเป็นผลิตภัณฑ์ชงดื่มตามบัญชีท้ายพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวแล้วเพราะอยู่ในสภาพที่ใช้ชง และนำน้ำที่ชงนั้นมาดื่มหรือบริโภคได้  โจทก์จึงไม่ได้รับยกเว้นภาษีการค้าสำหรับใบชาและชาผงนั้น