พบผลลัพธ์ทั้งหมด 226 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 810/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดจากอุบัติเหตุทางรถยนต์: พยานหลักฐานน้ำหนักกว่าการโต้แย้งของจำเลย และการรับฟังเอกสารหลังฟ้อง
โจทก์มีตัวโจทก์ และพ.ซึ่งนั่งมาในรถยนต์กระบะของโจทก์ เบิกความยืนยันว่า รถบรรทุกสิบล้อที่จำเลยที่ 1ขับตามหลังพุ่งเข้าชนท้าย รถยนต์กระบะของโจทก์หลังเกิดเหตุจำเลยที่ 1 เข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวนและถูกฟ้องในข้อหาขับรถโดยประมาท เป็นเหตุให้รถยนต์กระบะของโจทก์เสียหายและโจทก์ได้รับบาดเจ็บยิ่งเมื่อนำภาพถ่ายที่จำเลยที่ 2 นำสืบว่าโจทก์ขับรถยนต์กระบะแซงรถยนต์บรรทุกสิบล้อคันหนึ่ง ทางเดินรถของจำเลยที่ 1 นั้น จำเลยที่ 2 คงมีแต่ตัวจำเลยที่ 1เพียงปากเดียวเบิกความลอย ๆ โดยไม่มีพยานหลักฐานอื่นสนับสนุน พยานหลักฐานของโจทก์มีน้ำหนักดีกว่าพยานหลักฐานของจำเลย เอกสารใบเสร็จรับเงินค่าลำโพง และเสาอากาศโจทก์อาจจะไปขอมาหลังจากฟ้องก็ได้ กรณีไม่ถึงกับจะทำให้รับฟังเอกสารดังกล่าวไม่ได้ ฎีกาจำเลยที่ 2 ที่ว่าเอกสารบางรายการมีการคิด ค่าเสียหายซ้ำซ้อนกัน 2 ครั้ง มิได้ระบุให้ชัดแจ้งว่าเอกสารในรายการใดบ้างที่มีการคิดค่าเสียหายซ้ำซ้อน กันศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้ เหตุที่โจทก์ไม่ส่งสำเนาเอกสารหมาย จ.8, จ.10และ จ.11 ให้แก่จำเลยก่อนวันสืบพยาน เนื่องจากโจทก์เพิ่งค้นพบเอกสารดังกล่าวและได้ยื่นบัญชีระบุพยาน เพิ่มเติมในวันนั้น และโจทก์ก็ยังสืบพยานไม่เสร็จ จำเลยย่อมมีโอกาสตรวจดูเอกสารดังกล่าวและนำพยานหลักฐาน มาสืบหักล้างได้ ไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบในเชิงคดี แต่อย่างใด เพื่อให้การวินิจฉัยชี้ขาดข้อสำคัญแห่งประเด็น เป็นไปด้วยความเที่ยงธรรม จำเป็นต้องสืบพยานหลักฐาน เช่นว่านั้น ศาลมีอำนาจรับฟังพยานหลักฐาน ดังกล่าวได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87(2)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 488/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งเอกสารประกอบการสืบพยานต้องส่งให้ถึงคู่ความอีกฝ่ายก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่าสามวันตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย
การส่งสำเนาเอกสารให้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งไม่น้อยกว่าสามวัน ก่อนวันสืบพยาน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 90 นั้น หมายความว่าส่งให้ถึงคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งไม่น้อยกว่าสามวันก่อนวันสืบพยาน เพราะเป็นความประสงค์ของกฎหมายเพื่อให้ฝ่ายที่ถูกอ้างเอกสารมายันได้มีโอกาสตรวจสอบเอกสารก่อนจะได้ซักค้านพยานได้ถูกต้อง ไม่เสียเปรียบแก่กัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 488/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งสำเนาเอกสารต้องให้ถึงมือคู่ความก่อนวันสืบพยานตามกฎหมาย เพื่อให้ตรวจสอบและซักค้านได้
ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 90 บัญญัติไว้ความว่า คู่ความฝ่ายใดอ้างอิงเอกสารเป็นพยานหลักฐาน ให้ส่งให้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งซึ่งสำเนาเอกสารนั้น ๆ ก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่าสามวันนั้นกฎหมายประสงค์ให้ฝ่ายที่ถูกอ้างเอกสารมายันได้มีโอกาสตรวจสอบเอกสารก่อน จะได้ซักค้านพยานได้ถูกต้องไม่เสียเปรียบแก่กันคำว่า "ส่งให้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่ง ซึ่งสำเนาเอกสารนั้น ๆ"จึงมีความหมายว่า ส่งสำเนาเอกสารให้ถึงคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งหากจะถือเอาวันที่ส่งสำเนาเอกสารเป็นสำคัญแล้วก็ย่อมเปิดช่องให้มีการเอาเปรียบแก่กันได้ เป็นการไม่ชอบด้วยเจตนารมณ์แห่งบทบัญญัติของกฎหมาย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 364/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์ สิทธิในที่ดิน การพิสูจน์การครอบครอง และการใช้ดุลพินิจของศาล
แม้ว่าผู้คัดค้านจะมิได้ปฏิเสธข้ออ้างในคำร้องของผู้ร้องที่ว่า ต.ซื้อที่พิพาทโดยใส่ชื่อช. ไว้ก็ตาม แต่ผู้คัดค้านก็ได้บรรยายไว้ในคำร้องคัดค้านว่าที่พิพาทเป็นส่วนหนึ่งในที่ดินอันเป็นกรรมสิทธิที่ผู้คัดค้านได้มาโดยซื้อมาจาก ช. ตามส่วนที่ช.เจ้าของเดิมมีอยู่ช. ได้บอกขายที่พิพาทก่อนผู้คัดค้านซื้อเป็นเวลานาน ถือว่าผู้คัดค้านได้กล่าวไว้ในคำร้องคัดค้านแล้วว่าช. เป็นเจ้าของที่พิพาท ดังนั้น การที่ผู้คัดค้านนำสืบว่า ม.มอบที่ดินให้แก่ ช. เป็นการชำระหนี้ที่กู้ยืมเงินไปนั้น จึงเป็นการนำสืบถึงที่มาแห่งการเป็นเจ้าของที่พิพาทซึ่งผู้คัดค้านมีสิทธิที่จะนำสืบได้ แม้ว่าผู้คัดค้านกล่าวในคำร้องคัดค้านเพียงว่า ช.เจ้าของเดิมได้ใช้สิทธิครอบครองที่พิพาทตลอดมาไม่เคยทอดทิ้งก็ตามผู้คัดค้านก็ชอบที่จะนำสืบได้ว่า ช. ให้ จ. ป. และบุคคลอื่นเช่าที่พิพาทเพราะเป็นการนำสืบว่า ผู้คัดค้านได้ใช้สิทธิครอบครองที่พิพาทโดยให้บุคคลอื่นครอบครองแทน เป็นการนำสืบตามประเด็นที่เกิดจากคำร้องคัดค้าน หาใช่เป็นการนำสืบนอกประเด็นไม่ แม้ว่าผู้คัดค้านอ้างเอกสารหมาย ค.10ค.11ค.15ถึงค.20และ ค.23โดยอ้างว่าอยู่ในความครอบครองของช. ซึ่งเป็นบุคคลภายนอก แต่ทางนำสืบของผู้คัดค้านได้ความว่าเอกสารดังกล่าวอยู่ที่ผู้คัดค้าน และผู้คัดค้านไม่ได้ส่งสำเนาเอกสารดังกล่าวให้แก่ผู้ร้องก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่า 3 วัน ก็ตาม แต่เมื่อตามคำพิพากษาของศาลล่างทั้งสองไม่ปรากฏว่าศาลได้รับฟังเอกสารดังกล่าวเป็นพยานหลักฐานของผู้คัดค้าน คดีจึงไม่จำต้องวินิจฉัยว่าจะรับฟังเอกสารดังกล่าวเป็นพยานหลักฐานได้หรือไม่ สำหรับเอกสารหมาย ค.10และค.17 แม้ผู้คัดค้านไม่ได้ส่งสำเนาเอกสารให้แก่ผู้ร้องก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่า 3 วัน เป็นการฝ่าฝืนต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 90 ก็ตาม แต่ตามมาตรา 87(2) นั้น ถ้าศาลเห็นว่าเอกสารดังกล่าวเป็นเอกสารสำคัญซึ่งเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดี เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมศาลย่อมมีอำนาจใช้ดุลพินิจรับฟังเอกสารดังกล่าวได้ เมื่อปรากฏว่าเอกสารทั้งสองฉบับนี้เป็นเอกสารสำคัญซึ่งเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดี เพราะเอกสารหมาย ค.10 เป็นสัญญากู้ทำขึ้นระหว่างผู้ร้องกับ ช. และผู้ร้องก็ได้นำสืบพยานที่เกี่ยวข้องกับเอกสารดังกล่าวด้วย ส่วนเอกสารหมาย ค.17 เป็นใบเสร็จรับเงินภาษีบำรุงท้องที่ประจำปี 2513 ถึงปี 2525 ของ ช.จำนวน13ฉบับซึ่งช.ได้ส่งศาลตามคำสั่งเรียกก่อนวันสืบพยานนัดแรกเป็นเวลากว่า 1 เดือนผู้ร้องจึงมีโอกาสตรวจดูเอกสารดังกล่าวก่อนวันสืบพยานได้อยู่แล้วการที่ผู้คัดค้านมิได้ส่งสำเนาให้แก่ผู้ร้องก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่า 3 วัน จึงถือไม่ได้ว่าเป็นการเอาเปรียบผู้ร้อง ศาลชอบที่จะใช้ดุลพินิจรับฟังเอกสารทั้งสองฉบับนี้เป็นพยานหลักฐานของผู้คัดค้านได้ ตามบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมของผู้คัดค้านอันดับ 8 ระบุว่า"เอกสารเรื่องราวการจดทะเบียนนิติกรรมตลอดจนบันทึกข้อความ แผนที่หรือถ้อยคำบุคคลใด ๆ หรือหนังสือโต้ตอบระหว่างหน่วยงานราชการ หรือบุคคล หรือเอกสารทุกชนิด ทุกฉบับ ที่เกี่ยวข้องกับโฉนดที่ดินเลขที่ 906 ซึ่งเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดสมุทรปราการได้จัดทำและเก็บรักษาไว้ในแฟ้มเรื่องราวของโฉนดที่ดินฉบับดังกล่าวทั้งหมดทุกฉบับ อยู่ที่เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดสมุทรปราการ" เมื่อผู้คัดค้านยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเรียกคำบันทึกของ ส.ช่างแผนที่ที่ได้บันทึกถ้อยคำของ ฮ. ฉบับลงวันที่ 13 พฤศจิกายน2528 คือวันทำการรังวัดทำแผนที่พิพาทที่ดินโฉนดเลขที่ 906หน้าโฉนด 156 ตำบลบางพลีน้อย อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการและเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดสมุทรปราการได้จัดส่งสำเนาภาพถ่ายเอกสารบันทึกถ้อยคำของ ฮ. ไปให้ศาลชั้นต้น ซึ่งศาลชั้นต้นได้หมายเอกสารนั้นเป็นเอกสารหมาย ค.49จึงฟังได้ว่าเอกสารหมายค.49เป็นเอกสารฉบับหนึ่ง ซึ่งรวมอยู่ในบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมอันดับที่ 8 ของผู้คัดค้าน ถือได้ว่าผู้คัดค้านได้ระบุอ้างพยานเอกสารฉบับนี้โดยชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา88 วรรคสอง แล้ว ดังนั้น การที่ศาลชั้นต้นรับเอกสารหมาย ค.49ของผู้คัดค้านไว้เป็นพยานหลักฐานและอนุญาตให้ผู้คัดค้านนำสืบเรื่องราวเกี่ยวกับเอกสารฉบับนี้จึงเป็นการชอบด้วยกฎหมาย จำนวนเงินค่าทนายความที่ศาลจะกำหนดให้คู่ความฝ่ายหนึ่งใช้แทนคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งเป็นดุลพินิจของแต่ละศาลซึ่งจะกำหนดให้โดยคำนึงถึงเหตุสมควรและความสุจริตในการสู้ความหรือการดำเนินคดีของคู่ความทั้งปวง ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 161 วรรคหนึ่ง โดยศาลต้องกำหนดค่าทนายความระหว่างอัตราขั้นต่ำและอัตราขั้นสูงดังที่ระบุไว้ในตาราง 6 ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ฎีกาของผู้ร้องมิได้บรรยายว่าคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ไม่ชอบด้วยกฎหมายประการใด ในข้อไหน เป็นฎีกาที่ไม่ได้ยกข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายที่อ้างอิงขึ้นกล่าวให้ชัดแจ้ง จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 364/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฟังพยานเอกสาร การส่งเอกสารก่อนสืบพยาน และการวินิจฉัยอุทธรณ์ที่ไม่ครบถ้วน ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์
บุคคลภายนอกส่งเอกสารตามคำสั่งเรียกต่อศาลก่อนวันสืบพยานนัดแรกเป็นเวลากว่า 1 เดือน ผู้ร้องมีโอกาสตรวจดูเอกสารดังกล่าวก่อนวันสืบพยานได้อยู่แล้ว ที่ผู้คัดค้านมิได้ส่งสำเนาเอกสารดังกล่าวให้แก่ผู้ร้องก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่า 3 วัน นั้น จึงถือไม่ได้ว่าเป็นการเอาเปรียบผู้ร้องแต่อย่างใด ที่ศาลล่างใช้ดุลพินิจรับฟังเอกสารเป็นพยานหลักฐานของผู้คัดค้านจึงชอบด้วยกฎหมาย บัญชีพยานผู้คัดค้านระบุพยานว่า "เอกสารเรื่องราวการจดทะเบียนนิติกรรมตลอดจนบันทึกข้อความ แผนที่หรือบันทึกถ้อยคำบุคคลใด ๆ หรือหนังสือโต้ตอบระหว่างหน่วยงานราชการหรือบุคคลหรือเอกสารทุกชนิดทุกฉบับที่เกี่ยวข้องกับโฉนดที่ดินเลขที่ 906ซึ่งเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดสมุทรปราการได้จัดทำขึ้นและเก็บรักษาไว้ในแฟ้มเรื่องราวของโฉนดที่ดินฉบับดังกล่าวทั้งหมดทุกฉบับอยู่ที่เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดสมุทรปราการ ต่อมาผู้คัดค้านขอคำสั่งเรียกพยานเอกสาร "คำบันทึกของนายสินชัยสุทธิรัตนชัย ช่างแผนที่ได้บันทึกถ้อยคำของนายฮ่องเฮงแซ่จัง ฉบับลงวันที่ 9 ที่ทำการรังวัดทำแผนที่พิพาทที่ดินโฉนดเลขที่ 906 ฯ" ผู้คัดค้านจึงได้ระบุอ้างพยานเอกสารดังกล่าวโดยชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 วรรคสอง แล้ว ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า "ส่วนอุทธรณ์ข้ออื่น ๆ ของผู้ร้องไม่มีเหตุซึ่งทำให้ผลแห่งคดีเปลี่ยนแปลงไป ศาลอุทธรณ์จึงไม่วินิจฉัยให้" ผู้ร้องฎีกาว่า ศาลอุทธรณ์ควรจะหยิบยกอุทธรณ์ของผู้ร้องทุกข้อขึ้นวินิจฉัย ขอให้ศาลฎีกาวินิจฉัยอุทธรณ์ของผู้ร้องในส่วนที่ศาลอุทธรณ์ไม่ได้วินิจฉัยให้ด้วย ฎีกาของผู้ร้องมิได้บรรยายว่าคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ไม่ชอบด้วยกฎหมายประการใดในข้อไหนเป็นฎีกาที่ไม่ได้ยกข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายที่อ้างอิงขึ้นกล่าวให้ชัดแจ้ง จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 249
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3493/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฟังพยานหลักฐานและการผิดนัดชำระหนี้
แม้โจทก์มิได้ส่งสำเนาเอกสารให้จำเลยก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่า 3 วันตาม ป.วิ.พ. มาตรา 90 แต่ที่ศาลล่างทั้งสองใช้ดุลพินิจรับฟังพยานเอกสารเพราะเห็นว่าเอกสารดังกล่าวเป็นพยานหลักฐานอันสำคัญซึ่งเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดี อันเป็นอำนาจตามมาตรา 87 (2) จึงเป็นการรับฟังพยานหลักฐานที่ชอบด้วยกฎหมาย
จำเลยผ่อนชำระต้นเงินและดอกเบี้ยให้โจทก์ไม่ตรงตามงวดที่ได้กำหนดเวลาชำระไว้ในสัญญากู้ แต่โจทก์ก็ได้รับเงินไว้แล้วนำไปหักชำระดอกเบี้ยและต้นเงินที่ค้างชำระเรื่อยมาแสดงว่าโจทก์มิได้ถือกำหนดเวลาชำระหนี้ตามที่กำหนดไว้ในสัญญากู้เป็นสำคัญ เมื่อจำเลยไม่ชำระหนี้ให้โจทก์อีก จึงต้องถือว่าจำเลยผิดนัดต้องชำระดอกเบี้ยให้โจทก์ในต้นเงินที่ค้างชำระตั้งแต่วันถัดจากวันที่ชำระเงินครั้งสุดท้ายเป็นต้นไป
จำเลยผ่อนชำระต้นเงินและดอกเบี้ยให้โจทก์ไม่ตรงตามงวดที่ได้กำหนดเวลาชำระไว้ในสัญญากู้ แต่โจทก์ก็ได้รับเงินไว้แล้วนำไปหักชำระดอกเบี้ยและต้นเงินที่ค้างชำระเรื่อยมาแสดงว่าโจทก์มิได้ถือกำหนดเวลาชำระหนี้ตามที่กำหนดไว้ในสัญญากู้เป็นสำคัญ เมื่อจำเลยไม่ชำระหนี้ให้โจทก์อีก จึงต้องถือว่าจำเลยผิดนัดต้องชำระดอกเบี้ยให้โจทก์ในต้นเงินที่ค้างชำระตั้งแต่วันถัดจากวันที่ชำระเงินครั้งสุดท้ายเป็นต้นไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3493/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฟังพยานหลักฐานที่ไม่เป็นไปตามรูปแบบ และการผิดนัดชำระหนี้ตามสัญญา
แม้โจทก์มิได้ส่งสำเนาเอกสารให้จำเลยก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่า3 วัน ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 90 แต่ที่ศาลล่างทั้งสองใช้ดุลพินิจรับฟังพยานเอกสารเพราะเห็นว่าเอกสารดังกล่าวเป็นพยานหลักฐานอันสำคัญซึ่งเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดี อันเป็นอำนาจตามมาตรา 87(2) จึงเป็นการรับฟังพยานหลักฐานที่ชอบด้วยกฎหมาย จำเลยผ่อนชำระต้นเงินและดอกเบี้ยให้โจทก์ไม่ตรงตามงวดที่ได้กำหนดเวลาชำระไว้ในสัญญากู้ แต่โจทก์ก็ได้รับเงินไว้แล้วนำไปหักชำระดอกเบี้ยและต้นเงินที่ค้างชำระเรื่อยมาแสดงว่าโจทก์มิได้ถือกำหนดเวลาชำระหนี้ตามที่กำหนดไว้ในสัญญากู้เป็นสำคัญเมื่อจำเลยไม่ชำระหนี้ให้โจทก์อีก จึงต้องถือว่าจำเลยผิดนัดต้องชำระดอกเบี้ยให้โจทก์ในต้นเงินที่ค้างชำระตั้งแต่วันถัดจากวันที่ชำระเงินครั้งสุดท้ายเป็นต้นไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1946/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนำสืบพยานหลักฐานไม่ตรงกับเอกสารท้ายฟ้อง และการไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนการส่งเอกสาร ทำให้ศาลไม่รับฟังการมอบอำนาจ
โจทก์มอบอำนาจให้ อ.ฟ้องคดีแทนโดยแนบภาพถ่ายหนังสือมอบ-อำนาจมาท้ายฟ้อง แต่กลับนำสืบว่าภาพถ่ายหนังสือมอบอำนาจท้ายฟ้องมิใช่ภาพถ่าย-หนังสือมอบอำนาจให้ฟ้องคดีนี้ เป็นภาพถ่ายหนังสือมอบอำนาจให้ฟ้องคดีอื่น ส่วนภาพถ่ายหนังสือมอบอำนาจให้ฟ้องคดีนี้โจทก์ได้แนบไปท้ายฟ้องคดีอื่นสลับกัน โดยโจทก์นำสืบต้นฉบับหนังสือมอบอำนาจทั้งสองฉบับประกอบคำเบิกความของ อ.ว่า โจทก์มอบอำนาจให้ อ.ฟ้องคดีนี้จริง เช่นนี้ ภาพถ่ายหนังสือมอบอำนาจท้ายฟ้องและต้นฉบับย่อมมิใช่หนังสือมอบอำนาจให้ฟ้องคดีนี้ ส่วนต้นฉบับหนังสือมอบอำนาจให้ฟ้องคดีนี้ก็มิได้มีการส่งสำเนาล่วงหน้าตาม ป.วิ.พ. มาตรา 90 จึงรับฟังเป็นพยานหลักฐานไม่ได้ ตามมาตรา 86 โจทก์จึงไม่มีพยานเอกสารมาแสดงให้เห็นถึงการมอบอำนาจให้ฟ้องคดีนี้ทั้งคำเบิกความของ อ.ก็เป็นพยานบุคคลจะรับฟังแทนเอกสารมิได้ ต้องห้ามตามมาตรา94 (ก) ประกอบมาตรา 60 วรรคสอง ข้อเท็จจริงจึงฟังไม่ได้ว่าโจทก์มอบอำนาจให้อ.ฟ้องคดีนี้แทนโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1946/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การมอบอำนาจฟ้องคดี: การนำสืบเอกสารไม่ตรงกับที่แนบฟ้อง และการขาดการส่งสำเนาเอกสารต้นฉบับ ทำให้ศาลไม่รับฟังการมอบอำนาจ
โจทก์มอบอำนาจให้ อ.ฟ้องคดีแทนโดยแนบภาพถ่ายหนังสือมอบอำนาจมาท้ายฟ้อง แต่กลับนำสืบว่าภาพถ่ายหนังสือมอบอำนาจท้ายฟ้องมิใช่ภาพถ่ายหนังสือมอบอำนาจให้ฟ้องคดีนี้ เป็นภาพถ่ายหนังสือมอบอำนาจให้ฟ้องคดีอื่น ส่วนภาพถ่ายหนังสือมอบอำนาจให้ฟ้องคดีนี้โจทก์ได้แนบไปท้ายฟ้องคดีอื่นสลับกัน โดยโจทก์นำสืบต้นฉบับหนังสือมอบอำนาจทั้งสองฉบับประกอบคำเบิกความของ อ.ว่า โจทก์มอบอำนาจให้ อ.ฟ้องคดีนี้จริง เช่นนี้ ภาพถ่ายหนังสือมอบอำนาจท้ายฟ้องและต้นฉบับย่อมมิใช่หนังสือมอบอำนาจให้ฟ้องคดีนี้ ส่วนต้นฉบับหนังสือมอบอำนาจให้ฟ้องคดีนี้ก็มิได้มีการส่งสำเนาล่วงหน้าตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 90 จึงรับฟังเป็นพยานหลักฐานไม่ได้ ตามมาตรา 86 โจทก์จึงไม่มีพยานเอกสารมาแสดงให้เห็นถึงการมอบอำนาจให้ฟ้องคดีนี้ ทั้งคำเบิกความของ อ.ก็เป็นพยานบุคคลจะรับฟังแทนเอกสารมิได้ ต้องห้ามตามมาตรา 94(ก) ประกอบมาตรา 60 วรรคสอง ข้อเท็จจริงจึงฟังไม่ได้ว่าโจทก์มอบอำนาจให้อ.ฟ้องคดีนี้แทนโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1946/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การมอบอำนาจฟ้องคดี: พยานเอกสารไม่ตรงกับคำฟ้อง และการนำสืบพยานบุคคลแทนเอกสาร
โจทก์มอบอำนาจให้ อ. ฟ้องคดีแทนโดยแนบภาพถ่ายหนังสือมอบอำนาจมาท้ายฟ้อง แต่กลับนำสืบว่าภาพถ่ายหนังสือมอบอำนาจท้ายฟ้องมิใช่ภาพถ่ายหนังสือมอบอำนาจให้ฟ้องคดีนี้ เป็นภาพถ่ายหนังสือมอบอำนาจให้ฟ้องคดีอื่น ส่วนภาพถ่ายหนังสือมอบอำนาจให้ฟ้องคดีนี้โจทก์ได้แนบไปท้ายฟ้องคดีอื่นสลับกัน โดยโจทก์นำสืบต้นฉบับหนังสือมอบอำนาจทั้งสองฉบับประกอบคำเบิกความของ อ. ว่าโจทก์มอบอำนาจให้ อ. ฟ้องคดีนี้จริง เช่นนี้ ภาพถ่ายหนังสือมอบอำนาจท้ายฟ้องและต้นฉบับย่อมมิใช่หนังสือมอบอำนาจให้ฟ้องคดีนี้ส่วนต้นฉบับหนังสือมอบอำนาจให้ฟ้องคดีนี้ก็มิได้มีการส่งสำเนาล่วงหน้าตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 90 จึงรับฟังเป็นพยานหลักฐานไม่ได้ โจทก์จึงไม่มีพยานเอกสารมาแสดงให้เห็นถึงการมอบอำนาจให้ฟ้องคดีนี้ ทั้งคำเบิกความของ อ. ก็เป็นพยานบุคคลจะรับฟังแทนเอกสารมิได้ ต้องห้ามตามมาตรา 94(ก) ประกอบมาตรา 60 วรรคสอง จึงฟังไม่ได้ว่าโจทก์มอบอำนาจให้ อ. ฟ้องคดีนี้แทนโจทก์