คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สุไพศาล วิบุลศิลป์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 504 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3428/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับผิดของเจ้าหน้าที่สุขาภิบาลต่อการยักยอกเงิน และการฎีกาที่ไม่เป็นไปตามรูปแบบ
จำเลยที่ 1 ที่ 2 ยื่นคำร้องขอฎีกาอย่างคนอนาถาศาลชั้นต้นอนุญาต แต่ตามฎีกาปรากฏว่า จำเลยที่ 1เป็นผู้ฎีกาแต่ผู้เดียว โดยทนายจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นทนายจำเลยที่ 2 ด้วยเป็นผู้ลงชื่อแทน แม้ฎีกาจะมีข้อความเกี่ยวกับจำเลยที่ 2 อยู่ด้วย แต่เมื่อไม่ปรากฏรายชื่อจำเลยที่ 2 เป็นผู้ฎีกาด้วย ฎีกาดังกล่าวก็เป็นฎีกาของจำเลยที่ 1 แต่ผู้เดียว
ฎีกาที่คัดลอกแต่ข้อความในอุทธรณ์มาเป็นฎีกาที่มิได้โต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่าไม่ถูกต้องหรือคลาดเคลื่อนอย่างไร ไม่ชอบด้วย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
สมุห์บัญชีเป็นผู้ควบคุมดูแลให้จำเลยที่ 1 ปฏิบัติหน้าที่ตามระเบียบที่วางไว้ เมื่อจำเลยที่ 1 ส่งมอบเงินให้สมุห์บัญชีแล้ว คณะกรรมการรักษาเงินจะตรวจสอบจากสมุห์บัญชีอีกต่อหนึ่งเป็นขั้นตอนไป เหตุทุจริตเกิดขึ้นเพราะสมุห์บัญชีไม่ควบคุมดูแลให้จำเลยที่ 1 ปฎิบัติหน้าที่ตามระเบียบที่วางไว้ จำเลยที่ 4 ที่ 5 ในฐานะปลัดสุขาภิบาลและกรรมการรักษาเงิน ไม่มีความจำเป็นต้องล้วงไปตรวจสอบถึงการปฏิบัติหน้าที่ของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 4 ที่ 5 จึงมิได้ปฏิบัติหน้าที่โดยประมาทเลินเล่อหรือละเลยการปฏิบัติหน้าที่ ไม่ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3418/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสนับสนุนการกระทำความผิด กรณีผู้ขับขี่รถบรรทุกไม้หวงห้าม โดยไม่ได้มีส่วนร่วมในการครอบครอง
จำเลยเป็นเจ้าของและผู้ขับขี่รถยนต์รับจ้างบรรทุกไม้ของกลางอันยังมิได้แปรรูป โดยจำเลยรู้อยู่แล้วว่าเป็นไม้หวงห้ามที่ ส. มีไว้ในครอบครองโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายแต่ในขณะเจ้าพนักงานจับไม้ของกลางได้บนรถยนต์ของจำเลย ส. เจ้าของไม้ได้ครอบครองไม้นั้นอยู่ด้วยตนเอง แม้จำเลยจะเป็นผู้ขับขี่รถยนต์บรรทุกไม้ ก็เป็นแต่ผู้รับจ้างเพื่อประโยชน์ที่จะได้รับค่าจ้างเท่านั้นมิได้มีส่วนในการครอบครองไม้นั้นด้วย การกระทำของจำเลยจึงเป็นเพียงการสนับสนุนการกระทำความผิดเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3418/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสนับสนุนการกระทำความผิดฐานครอบครองไม้หวงห้าม ผู้ขับขี่รถบรรทุกไม้ไม่มีส่วนครอบครอง ไม่ถือเป็นความผิดร่วม
จำเลยเป็นเจ้าของและผู้ขับขี่รถยนต์รับจ้างบรรทุกไม้ของกลางอันยังมิได้แปรรูป โดยจำเลยรู้อยู่แล้วว่าเป็นไม้หวงห้ามที่ ส. มีไว้ในครอบครองโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายแต่ในขณะเจ้าพนักงานจับไม้ของกลางได้บนรถยนต์ของจำเลย ส. เจ้าของไม้ได้ครอบครองไม้นั้นอยู่ด้วยตนเอง แม้จำเลยจะเป็นผู้ขับขี่รถยนต์บรรทุกไม้ ก็เป็นแต่ผู้รับจ้างเพื่อประโยชน์ที่จะได้รับค่าจ้างเท่านั้นมิได้มีส่วนในการครอบครองไม้นั้นด้วย การกระทำของจำเลยจึงเป็นเพียงการสนับสนุนการกระทำความผิดเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3403/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่รับพิจารณาเนื่องจากจำเลยไม่ได้ชำระค่าธรรมเนียมศาล และคำสั่งศาลอุทธรณ์อนุญาตให้นางสาวคล้อยเป็นผู้รับมรดกชอบด้วยกฎหมาย
ไม่ปรากฏว่าจำเลยได้รับอนุญาตให้ยื่นฟ้องฎีกาอย่างคนอนาถา จำเลยจึงมีหน้าที่ต้องชำระค่าธรรมเนียมศาลในการยื่นฟ้องฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 149ซึ่งจำเลยไม่ได้ชำระ คำฟ้องฎีกาของจำเลยที่คัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย รับไว้พิจารณาไม่ได้ แม้ศาลชั้นต้นจะสั่งรับฎีกาก็ไม่วินิจฉัยให้ ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำเลยหาหลักประกันสำหรับค่าธรรมเนียมจำนวนนี้มาวางศาลและทำสัญญาประกันไว้ก็ไม่ทำให้ฟ้องฎีกาของจำเลยเป็นฟ้องที่ถูกต้องสมบูรณ์ขึ้นมาได้
จำเลยฎีกาคัดค้านคำสั่งศาลอุทธรณ์ที่ตั้งให้นางสาวคล้อยเจวะ เข้าเป็นคู่ความแทนโจทก์ที่ 1 ผู้มรณะนั้น นางสาวคล้อยได้ยื่นสำเนาทะเบียนบ้านเป็นพยานว่าโจทก์ที่ 1 เป็นหัวหน้าครอบครัวนางสาวคล้อยมีความเกี่ยวพันกับหัวหน้าครอบครัวโดยเป็นพี่ เมื่อพิเคราะห์ประกอบกับคำแถลงและคำให้การของจำเลยที่ว่านางสาวคล้อยเป็นพี่ของโจทก์ที่ 1 โจทก์ที่1 ไม่มีภรรยาและบุตร. บิดามารดาถึงแก่กรรมไปหมดแล้วข้อเท็จจริงฟังได้ว่านางสาวคล้อยผู้ร้องเป็นทายาทของโจทก์ที่ 1 จริงคำสั่งของศาลอุทธรณ์ที่ตั้งให้นางสาวคล้อยเป็นคู่ความแทนโจทก์ ที่ 1 ผู้มรณะจึงเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 43
ฎีกาของจำเลยที่ว่าผู้ร้องไม่มีคุณสมบัติที่จะเข้าเป็นผู้รับมรดกแทนโจทก์ที่ 1 ผู้มรณะได้เพราะอายุมากยังหาคู่สมรสไม่ได้ ไม่มีความรู้เขียนอ่านหนังสือไม่ได้ เป็นฎีกาที่กล่าวอ้างอย่างเลื่อนลอยไร้สาระ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3403/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่รับพิจารณาเนื่องจากไม่ชำระค่าธรรมเนียมศาล และคำสั่งอนุญาตให้ทายาทเข้าเป็นคู่ความแทนโจทก์ชอบด้วยกฎหมาย
ไม่ปรากฏว่าจำเลยได้รับอนุญาตให้ยื่นฟ้องฎีกาอย่างคนอนาถา จำเลยจึงมีหน้าที่ต้องชำระค่าธรรมเนียมศาลในการยื่นฟ้องฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 149 ซึ่งจำเลยไม่ได้ชำระ คำฟ้องฎีกาของจำเลยที่คัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย รับไว้พิจารณาไม่ได้ แม้ศาลชั้นต้นจะสั่งรับฎีกาก็ไม่วินิจฉัยให้ ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำเลยหาหลักประกันสำหรับค่าธรรมเนียมจำนวนนี้มาวางศาลและทำสัญญาประกันไว้ก็ไม่ทำให้ฟ้องฎีกาของจำเลยเป็นฟ้องที่ถูกต้องสมบูรณ์ขึ้นมาได้
จำเลยฎีกาคัดค้านคำสั่งศาลอุทธรณ์ที่ตั้งให้นางสาวคล้อยเจวะ เข้าเป็นคู่ความแทนโจทก์ที่ 1 ผู้มรณะนั้น นางสาวคล้อยได้ยื่นสำเนาทะเบียนบ้านเป็นพยานว่าโจทก์ที่ 1 เป็นหัวหน้าครอบครัวนางสาวคล้อยมีความเกี่ยวพันกับหัวหน้าครอบครัวโดยเป็นพี่ เมื่อพิเคราะห์ประกอบกับคำแถลงและคำให้การของจำเลยที่ว่านางสาวคล้อยเป็นพี่ของโจทก์ที่ 1 โจทก์ที่1 ไม่มีภรรยาและบุตร. บิดามารดาถึงแก่กรรมไปหมดแล้วข้อเท็จจริงฟังได้ว่านางสาวคล้อยผู้ร้องเป็นทายาทของโจทก์ที่ 1 จริงคำสั่งของศาลอุทธรณ์ที่ตั้งให้นางสาวคล้อยเป็นคู่ความแทนโจทก์ ที่ 1 ผู้มรณะจึงเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 43
ฎีกาของจำเลยที่ว่าผู้ร้องไม่มีคุณสมบัติที่จะเข้าเป็นผู้รับมรดกแทนโจทก์ที่ 1 ผู้มรณะได้เพราะอายุมากยังหาคู่สมรสไม่ได้ ไม่มีความรู้เขียนอ่านหนังสือไม่ได้ เป็นฎีกาที่กล่าวอ้างอย่างเลื่อนลอยไร้สาระ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3382/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความภาษีอากร: การสะดุดหยุดของอายุความตามกฎหมายแพ่งและพาณิชย์จากการอุทธรณ์และการฟ้องคดี
ในกรณีที่ผู้ต้องรับผิดเสียภาษีอากรที่ค้างชำระไม่ได้รับอนุมัติจากอธิบดีกรมสรรพากรให้รอคำวินิจฉัยอุทธรณ์หรือคำพิพากษา ประมวลรัษฎากรมาตรา 12,31 บัญญัติให้สิทธิผู้ว่าราชการจังหวัดหรือนายอำเภอที่จะสั่งยึดและสั่งขายทอดตลาดทรัพย์สินของผู้นั้นหรือไม่ก็ได้ หาใช่เป็นบทบังคับให้ต้องยึดทรัพย์สินนั้นทันทีตั้งแต่วันครบกำหนดชำระค่าภาษีที่เจ้าพนักงานประเมินแจ้งมาไม่ หากสิทธิเรียกร้องเพื่อเอาค่าภาษีอากรยังไม่ขาดอายุความกรมสรรพากรย่อมมีสิทธิบังคับเอาได้
การที่อายุความจะสะดุดหยุดลงหรือสะดุดหยุดอยู่หรือไม่ย่อมเป็นไปตามที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บัญญัติไว้โดยไม่ต้องคำนึงว่าอธิบดีกรมสรรพากรจะอนุมัติให้ทุเลาการเสียภาษีอากรไว้หรือไม่
เจ้าพนักงานประเมินแจ้งการประเมินไปให้โจทก์ทราบ เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2508. อายุความก็สะดุดหยุดลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 173 และเริ่มนับอายุความใหม่ เมื่อโจทก์นำคดีมาฟ้องในปี พ.ศ.2514อายุความก็สะดุดหยุดอยู่จนกว่าคดีจะได้วินิจฉัยถึงที่สุดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 175 และเริ่มนับอายุความต่อจากอายุความเดิมเมื่อศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาฎีกาให้คู่ความฟังเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2520 เมื่อนับอายุความตามวิธีดังกล่าวมาจนถึงวันที่ 28 สิงหาคม 2521อันเป็นวันที่จำเลยมีหนังสือแจ้งให้โจทก์นำเงินภาษีอากรค้างไปชำระยังไม่เกิน 10 ปีหนี้รายนี้จึงยังไม่ขาดอายุความ
โจทก์ฟ้องว่าหนี้ที่จำเลยเรียกร้องจากโจทก์เป็นหนี้ที่ขาดอายุความแล้วจำเลยต่อสู้ว่า หนี้ดังกล่าวไม่ขาดอายุความเพราะอายุความเริ่มนับแต่ศาลอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาเพราะมีการอุทธรณ์การประเมินและฟ้องคดีต่อศาล ดังนี้ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าคดีไม่ขาดอายุความเพราะอายุความสะดุดหยุดลงและสะดุดหยุดอยู่จึงอยู่ในประเด็นแห่งคดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3382/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความภาษีอากร: การสะดุดหยุด และนับใหม่เมื่อมีอุทธรณ์และฟ้องคดี
ในกรณีที่ผู้ต้องรับผิดเสียภาษีอากรที่ค้างชำระไม่ได้รับอนุมัติจากอธิบดีกรมสรรพากรให้รอคำวินิจฉัยอุทธรณ์หรือคำพิพากษา ประมวลรัษฎากรมาตรา 12, 31 บัญญัติให้สิทธิผู้ว่าราชการจังหวัดหรือนายอำเภอที่จะสั่งยึดและสั่งขายทอดตลาดทรัพย์สินของผู้นั้นหรือไม่ก็ได้ หาใช่เป็นบทบังคับให้ต้องยึดทรัพย์สินนั้นทันทีตั้งแต่วันครบกำหนดชำระค่าภาษีที่เจ้าพนักงานประเมินแจ้งมาไม่หากสิทธิเรียกร้องเพื่อเอาค่าภาษีอากรยังไม่ขาดอายุความกรมสรรพากรย่อมมีสิทธิบังคับเอาได้
การที่อายุความจะสะดุดหยุดลงหรือสะดุดหยุดอยู่หรือไม่ย่อมเป็นไปตามที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บัญญัติไว้โดยไม่ต้องคำนึงว่าอธิบดีกรมสรรพากรจะอนุมัติให้ทุเลาการเสียภาษีอากรไว้หรือไม่
เจ้าพนักงานประเมินแจ้งการประเมินไปให้โจทก์ทราบ เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2508. อายุความก็สะดุดหยุดลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 173 และเริ่มนับอายุความใหม่ เมื่อโจทก์นำคดีมาฟ้องในปี พ.ศ.2514 อายุความก็สะดุดหยุดอยู่จนกว่าคดีจะได้วินิจฉัยถึงที่สุดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 175 และเริ่มนับอายุความต่อจากอายุความเดิมเมื่อศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาฎีกาให้คู่ความฟังเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2520 เมื่อนับอายุความตามวิธีดังกล่าวมาจนถึงวันที่ 28 สิงหาคม 2521 อันเป็นวันที่จำเลยมีหนังสือแจ้งให้โจทก์นำเงินภาษีอากรค้างไปชำระยังไม่เกิน 10 ปี หนี้รายนี้จึงยังไม่ขาดอายุความ
โจทก์ฟ้องว่าหนี้ที่จำเลยเรียกร้องจากโจทก์เป็นหนี้ที่ขาดอายุความแล้วจำเลยต่อสู้ว่า หนี้ดังกล่าวไม่ขาดอายุความเพราะอายุความเริ่มนับแต่ศาลอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาเพราะมีการอุทธรณ์การประเมินและฟ้องคดีต่อศาล ดังนี้ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าคดีไม่ขาดอายุความเพราะอายุความสะดุดหยุดลงและสะดุดหยุดอยู่จึงอยู่ในประเด็นแห่งคดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3325/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิผู้ถือเช็คตามกฎหมาย: การโอนเช็คโดยการส่งมอบ และการบรรยายฟ้อง
คดีที่โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยรับผิดใช้เงินตามเช็คอันเป็นสิทธิเรียกร้องโดยไม่ต้องอาศัยมูลความผิดทางอาญาตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คตามที่โจทก์เคยฟ้องจำเลยคดีก่อน จึงนำบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46 มาใช้บังคับไม่ได้
เช็คพิพาทเป็นเช็คสั่งจ่ายแก่ผู้ถือ ผู้มีเช็คไว้ในครอบครองในฐานะผู้ถือก็เป็นผู้ทรงโดยชอบ และการโอนอาจกระทำได้เพียงด้วยการส่งมอบให้กัน
เมื่อโจทก์บรรยายฟ้องว่าโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คพิพาทโดยชอบด้วยกฎหมายถือว่าได้บรรยายข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสิทธิของโจทก์อันพึงมีตามเช็คครบถ้วนแล้ว ส่วนข้อที่ว่าโจทก์ได้เช็คมาโดยวิธีใดเป็นรายละเอียดที่โจทก์จะนำสืบในชั้นพิจารณา และไม่เป็นการสืบนอกฟ้องนอกประเด็น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3325/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิผู้ถือเช็คตามกฎหมาย: การโอนเช็คด้วยการส่งมอบ และการบรรยายฟ้องผู้ทรงโดยชอบ
คดีที่โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยรับผิดใช้เงินตามเช็คอันเป็นสิทธิเรียกร้องโดยไม่ต้องอาศัยมูลความผิดทางอาญาตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คตามที่โจทก์เคยฟ้องจำเลยคดีก่อน จึงนำบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46 มาใช้บังคับไม่ได้
เช็คพิพาทเป็นเช็คสั่งจ่ายแก่ผู้ถือ ผู้มีเช็คไว้ในครอบครองในฐานะผู้ถือก็เป็นผู้ทรงโดยชอบ และการโอนอาจกระทำได้เพียงด้วยการส่งมอบให้กัน
เมื่อโจทก์บรรยายฟ้องว่าโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คพิพาทโดยชอบด้วยกฎหมายถือว่าได้บรรยายข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสิทธิของโจทก์อันพึงมีตามเช็คครบถ้วนแล้ว ส่วนข้อที่ว่าโจทก์ได้เช็คมาโดยวิธีใดเป็นรายละเอียดที่โจทก์จะนำสืบในชั้นพิจารณา และไม่เป็นการสืบนอกฟ้องนอกประเด็น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3282/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลในการสั่งให้จำเลยออกจากที่ดินที่บุกรุกในคดีอาญา: ศาลสั่งได้เฉพาะโทษอาญา
ในคดีอาญาที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานบุกรุกและมีคำขอให้จำเลยและบริวารออกจากที่ดินที่บุกรุกด้วย แม้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยในความผิดฐานบุกรุก ก็ต้องยกคำขอที่ให้จำเลยและบริวารออกจากที่ดินที่บุกรุก เพราะไม่มีกฎหมายให้อำนาจศาลสั่งตามคำขอเช่นนั้นได้
of 51