พบผลลัพธ์ทั้งหมด 390 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 586/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฆ่าโดยบันดาลโทสะ: การโต้เถียงรุนแรงนำไปสู่การยิงเสียชีวิต ศาลยืนตามคำพิพากษาเดิม
จำเลยยิงผู้ตายขณะที่ผู้ตายนั่งอยู่ในรถยนต์ที่จำเลยขับขี่ แล้วจำเลยขับรถยนต์นำศพจากที่เกิดเหตุ และจากรถยนต์เข้าไปในโบสถ์ นำศพไปใส่ไว้ในกล่องกระดาษในลักษณะให้ศพนั่งคุดคู้อยู่ในกล่อง นำกล่องไปเก็บไว้ในห้องเก็บหนังสือ แม้มิได้ใช้วัสดุอื่นปิดบังกล่อง เมื่อเปิดประตูห้องเก็บหนังสือก็สามารถเห็นกล่องได้ ก็เป็นการกระทำเพื่อที่จะปิดบังเหตุแห่งการตายของผู้ตายจำเลยมีความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 199
การที่ผู้ตายด่าว่าจำเลยถึงโคตรพ่อโคตรแม่ ทั้งๆ ที่ จำเลยเป็นผู้ให้ความอุปการะช่วยเหลือผู้ตายตลอดมา จนจำเลยระงับอารมณ์ไว้ไม่ได้และใช้อาวุธปืนที่ติดตัวยิงเพียง 1 นัด ถือได้ว่าจำเลยได้กระทำความผิดไปโดยบันดาลโทสะตามมาตรา 72
การที่ผู้ตายด่าว่าจำเลยถึงโคตรพ่อโคตรแม่ ทั้งๆ ที่ จำเลยเป็นผู้ให้ความอุปการะช่วยเหลือผู้ตายตลอดมา จนจำเลยระงับอารมณ์ไว้ไม่ได้และใช้อาวุธปืนที่ติดตัวยิงเพียง 1 นัด ถือได้ว่าจำเลยได้กระทำความผิดไปโดยบันดาลโทสะตามมาตรา 72
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 539/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในการปฏิเสธสัญญาเช่าของผู้ให้เช่าเมื่อจำเลยไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขสัญญา, การเป็นบริวารของจำเลย
โจทก์จำเลยทำสัญญาก่อสร้างตึกแถวยกกรรมสิทธิ์ โดยจำเลยเป็นผู้ก่อสร้างตึกแถวในที่ดินของโจทก์ แล้วจัดหาผู้เช่ามาทำสัญญากับโจทก์ แต่จำเลยกลับเข้าอยู่ในตึกแถวเสียเองโจทก์บอกเลิกสัญญาและฟ้อง ศาลฎีกาพิพากษาขับไล่จำเลยและบริวารออกจากตึกแถว อ่านคำพิพากษาเมื่อ วันที่ 15 มีนาคม 2521 ผู้คัดค้านเข้าไปอยู่ในตึกแถวตามสัญญาลงวันที่ 1ธันวาคม 2521 โดยจำเลยสัญญาว่าจะนำผู้คัดค้านไปทำสัญญาเช่ากับโจทก์โดยอาศัยสิทธิตามสัญญาก่อสร้างตึกแถวยกกรรมสิทธิ์เมื่อข้อ 7 ของสัญญามีว่า จำเลยรับรองว่าจะนำตึกแถวที่ก่อสร้างแล้วเสร็จไปเรียกเก็บเงินกินเปล่าให้แล้วเสร็จภายในกำหนดเวลา 1 ปี หากเกินกำหนดนี้แล้ว ต้องเสียค่าเช่าห้องที่ไม่มีคนเช่าอยู่ให้กับโจทก์ ดังนี้ จำเลยต้องนำผู้เช่ามาทำสัญญาเช่ากับโจทก์ภายใน 1 ปี นับแต่ วันก่อสร้างเสร็จ ถ้าเกินกำหนดนี้แล้วโจทก์มีสิทธิปฏิเสธไม่ทำสัญญาเช่ากับผู้เช่าที่จำเลยจัดหามาได้ จำเลยก่อสร้างตึกแถวเสร็จเมื่อ พ.ศ.2501 สัญญาระหว่างจำเลยกับผู้คัดค้านไม่ผูกพันโจทก์ โจทก์มีสิทธิปฏิเสธไม่ทำสัญญาเช่ากับผู้คัดค้านได้ จึงถือได้ว่าผู้คัดค้านเป็นบริวารของจำเลยที่ไม่สามารถแสดงอำนาจพิเศษให้ศาลเห็นได้คำพิพากษาคดีนี้จึงบังคับถึงผู้คัดค้านให้ต้องออกจากตึกแถวด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 473/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าพนักงานเบียดบังเงินประกันตัวผู้ต้องหา แสดงเจตนาทุจริต
เมื่อสารวัตรใหญ่ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของจำเลยได้สั่งให้จำเลยทำหน้าที่เก็บรักษาเงินประกันตัวผู้ต้องหาของสถานีตำรวจย่อมถือได้ว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ปฏิบัติราชการในการเก็บรักษาเงินดังกล่าวตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาแล้ว การที่จำเลยนำเงินของทางราชการไปฝากผู้อื่นไว้ มิได้นำมาเก็บไว้ในตู้นิรภัยของทางราชการ หรือหากไม่มีตู้นิรภัยของทางราชการ ควรจะเก็บเงินนั้นอย่างใด จำเลยก็จะต้องขอคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาคือสารวัตรใหญ่ เสียก่อน แต่จำเลยก็หาได้กระทำไม่ พฤติการณ์ดังกล่าวแสดงว่าจำเลย มีเจตนาทุจริตเบียดบังเงินจำนวนนั้นเป็นของตนหรือผู้อื่นแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 473/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าพนักงานเบียดบังเงินประกันตัว: เจตนาทุจริตและหน้าที่เก็บรักษาเงิน
เมื่อสารวัตรใหญ่ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของจำเลยได้สั่งให้จำเลยทำหน้าที่เก็บรักษาเงินประกันตัวผู้ต้องหาของสถานีตำรวจ ย่อมถือได้ว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ปฏิบัติราชการในการเก็บรักษาเงินดังกล่าวตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาแล้ว
การที่จำเลยนำเงินของทางราชการไปฝากผู้อื่นไว้ มิได้นำมาเก็บไว้ในตู้นิรภัยของทางราชการ หรือหากไม่มีตู้นิรภัยของทางราชการ ควรจะเก็บเงินนั้นอย่างใด จำเลยก็จะต้องขอคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาคือสารวัตรใหญ่ เสียก่อน แต่จำเลยก็หาได้กระทำไม่ พฤติการณ์ดังกล่าวแสดงว่าจำเลย มีเจตนาทุจริตเบียดบังเงินจำนวนนั้นเป็นของตนหรือผู้อื่นแล้ว
การที่จำเลยนำเงินของทางราชการไปฝากผู้อื่นไว้ มิได้นำมาเก็บไว้ในตู้นิรภัยของทางราชการ หรือหากไม่มีตู้นิรภัยของทางราชการ ควรจะเก็บเงินนั้นอย่างใด จำเลยก็จะต้องขอคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาคือสารวัตรใหญ่ เสียก่อน แต่จำเลยก็หาได้กระทำไม่ พฤติการณ์ดังกล่าวแสดงว่าจำเลย มีเจตนาทุจริตเบียดบังเงินจำนวนนั้นเป็นของตนหรือผู้อื่นแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 418/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกำหนดประเด็นข้อพิพาทและการวินิจฉัยนอกประเด็นในคดีละเมิดทางรถยนต์ จำเลยไม่ต้องรับผิดหากโจทก์สืบไม่ได้ถึงความสัมพันธ์
คดีนี้ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทว่า นายบุญหยกหรือนายไพเป็นฝ่ายขับรถโดยประมาทเลินเล่อ และจำเลยทั้งสองกับนายไพมีนิติสัมพันธ์กันหรือไม่ แล้วฟังว่าเหตุที่รถยนต์ชนกันเกิดจากนายไพขับรถของจำเลยที่ 1 โดยประมาทเลินเล่อฝ่ายเดียว แต่จำเลยทั้งสองกันนายไพไม่มีนิติสัมพันธ์กันจึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ โจทก์อุทธรณ์ว่าจำเลยทั้งสองกับนายไพมีนิติสัมพันธ์กันต้องรับผิดต่อโจทก์ จำเลยทั้งสองมิได้แก้อุทธรณ์ว่าความจริงขณะเกิดเหตุจำเลยที่ 2ขับรถยนต์ของจำเลยที่ 1 ศาลอุทธรณ์ชอบที่วินิจฉัยชี้ขาดว่าจำเลยทั้งสองกับนายไพมีนิติสัมพันธ์กันหรือไม่ การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยที่ 2 ขับรถยนต์ของจำเลยที่1 โดยประมาทชนรถยนต์ของนายบุญหยกและพิพากษาให้จำเลยที่2 รับผิดต่อโจทก์นั้น เป็นการวินิจฉัยชี้ขาดนอกประเด็น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 418/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับผิดในละเมิดจากการขับรถประมาทเลินเล่อ และการพิสูจน์ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ขับขี่กับเจ้าของรถ
คดีนี้ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทว่า นายบุญหยกหรือนายไพเป็นฝ่ายขับรถโดยประมาทเลินเล่อ และจำเลยทั้งสองกับนายไพมีนิติสัมพันธ์กันหรือไม่ แล้วฟังว่าเหตุที่รถยนต์ชนกันเกิดจากนายไพขับรถของจำเลยที่ 1โดยประมาทเลินเล่อฝ่ายเดียว แต่จำเลยทั้งสองกันนายไพไม่มีนิติสัมพันธ์กันจึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ โจทก์อุทธรณ์ว่าจำเลยทั้งสองกับนายไพมีนิติสัมพันธ์กันต้องรับผิดต่อโจทก์ จำเลยทั้งสองมิได้แก้อุทธรณ์ว่าความจริงขณะเกิดเหตุจำเลยที่ 2ขับรถยนต์ของจำเลยที่ 1 ศาลอุทธรณ์ชอบที่วินิจฉัยชี้ขาดว่าจำเลยทั้งสองกับนายไพมีนิติสัมพันธ์กันหรือไม่ การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยที่ 2 ขับรถยนต์ของจำเลยที่1 โดยประมาทชนรถยนต์ของนายบุญหยกและพิพากษาให้จำเลยที่2 รับผิดต่อโจทก์นั้น เป็นการวินิจฉัยชี้ขาดนอกประเด็น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 311/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนการชำระหนี้จากการใช้สิทธิในข้อตกลงยินยอมก่อนล้มละลาย การหักเงินจากใบรับฝากเงินประจำ
ลูกหนี้ทำสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีกับธนาคารผู้คัดค้าน โดยจำนำใบฝากเงินประจำเพื่อเป็นประกัน พร้อมกับทำหนังสือยินยอม ให้ผู้คัดค้านมีสิทธิหักเงินฝากประจำตามใบรับฝากนั้นชำระหนี้ ตามสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีได้ ก่อนมีการฟ้องให้ลูกหนี้ล้มละลาย 9 เดือนเศษ ผู้คัดค้านใช้สิทธิตามหนังสือยินยอมหักเงินตาม ใบรับฝากเงินประจำชำระหนี้เบิกเงินเกินบัญชีภายหลังที่ลูกหนี้ ถูกฟ้องล้มละลายแล้ว จึงเป็นการใช้สิทธิตามข้อตกลงของลูกหนี้ ซึ่งยังมีผลบังคับอยู่ตลอดมาถึงวันหักเงินนั่นเอง การที่ลูกหนี้จำนำใบรับฝากเงินประจำ ผู้คัดค้านซึ่งเป็นเจ้าหนี้ มีประกันก็มีเพียงสิทธิเหนือทรัพย์สินอันเป็นหลักประกันคือใบรับฝาก ตามพระราชบัญญัติล้มละลายฯ มาตรา 95 ซึ่งผู้คัดค้านมีแต่เพียง สิทธิที่จะฟ้องร้องบังคับคดีเอาแก่ใบรับฝากโดยไม่ต้องขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เท่านั้น ไม่อาจใช้สิทธิหักเงินตามใบรับฝาก เพื่อชำระหนี้แก่ผู้คัดค้านได้ ทั้งเป็นข้อตกลงที่ให้สิทธิแก่ผู้รับจำนำ จัดการแก่ทรัพย์สินที่จำนำเป็นประการอื่น นอกจากบทบัญญัติทั้งหลาย ว่าด้วยการบังคับจำนำ ข้อตกลงย่อมไม่สมบูรณ์ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 756. ข้อตกลงจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย ผู้คัดค้านไม่มีสิทธิหักเงินตามใบรับฝากไว้ชำระหนี้ได้ ถือได้ว่า ข้อตกลงดังกล่าว เป็นการกระทำที่ลูกหนี้มุ่งหมายให้ผู้คัดค้านได้เปรียบ เจ้าหนี้อื่น ชอบที่ศาลจะเพิกถอนการใช้สิทธิหักเงินตามใบรับฝาก ที่ได้กระทำไปนั้นได้ตามพระราชบัญญัติล้มละลายฯ มาตรา 115 การขอให้ผู้คัดค้านชำระหนี้ตามใบรับฝากดังกล่าวแก่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เป็นกรณีนอกเหนือบทบัญญัติมาตรา 115เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ต้องดำเนินการเป็นกรณีต่างหากจากคดีนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 311/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้สิทธิหักเงินจากใบรับฝากเพื่อชำระหนี้หลังล้มละลาย: ข้อตกลงที่ไม่สมบูรณ์และการเพิกถอนสิทธิ
ลูกหนี้ทำสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีกับธนาคารผู้คัดค้าน โดยจำนำใบฝากเงินประจำเพื่อเป็นประกัน พร้อมกับทำหนังสือยินยอม ให้ผู้คัดค้านมีสิทธิหักเงินฝากประจำตามใบรับฝากนั้นชำระหนี้ ตามสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีได้ ก่อนมีการฟ้องให้ลูกหนี้ล้มละลาย 9 เดือนเศษ ผู้คัดค้านใช้สิทธิตามหนังสือยินยอมหักเงินตาม ใบรับฝากเงินประจำชำระหนี้เบิกเงินเกินบัญชีภายหลังที่ลูกหนี้ถูกฟ้องล้มละลายแล้ว จึงเป็นการใช้สิทธิตามข้อตกลงของลูกหนี้ ซึ่งยังมีผลบังคับอยู่ตลอดมาถึงวันหักเงินนั่นเอง
การที่ลูกหนี้จำนำใบรับฝากเงินประจำ ผู้คัดค้านซึ่งเป็นเจ้าหนี้ มีประกันก็มีเพียงสิทธิเหนือทรัพย์สินอันเป็นหลักประกันคือใบรับฝาก ตามพระราชบัญญัติล้มละลายฯ มาตรา 95 ซึ่งผู้คัดค้านมีแต่เพียง สิทธิที่จะฟ้องร้องบังคับคดีเอาแก่ใบรับฝากโดยไม่ต้องขอรับชำระหนี้ ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ เท่านั้น ไม่อาจใช้สิทธิหักเงินตามใบรับฝาก เพื่อชำระหนี้แก่ผู้คัดค้านได้ ทั้งเป็นข้อตกลงที่ให้สิทธิแก่ผู้รับจำนำ จัดการแก่ทรัพย์สินที่จำนำเป็นประการอื่น นอกจากบทบัญญัติทั้งหลาย ว่าด้วยการบังคับจำนำ ข้อตกลงย่อมไม่สมบูรณ์ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 756. ข้อตกลงจึงไม่ชอบด้วยกฎหมายผู้คัดค้านไม่มีสิทธิหักเงินตามใบรับฝากไว้ชำระหนี้ได้ ถือได้ว่า ข้อตกลงดังกล่าว เป็นการกระทำที่ลูกหนี้มุ่งหมายให้ผู้คัดค้านได้เปรียบ เจ้าหนี้อื่น ชอบที่ศาลจะเพิกถอนการใช้สิทธิหักเงินตามใบรับฝาก ที่ได้กระทำไปนั้นได้ตามพระราชบัญญัติล้มละลายฯ มาตรา 115
การขอให้ผู้คัดค้านชำระหนี้ตามใบรับฝากดังกล่าวแก่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เป็นกรณีนอกเหนือบทบัญญัติมาตรา 115เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ต้องดำเนินการเป็นกรณีต่างหากจากคดีนี้
การที่ลูกหนี้จำนำใบรับฝากเงินประจำ ผู้คัดค้านซึ่งเป็นเจ้าหนี้ มีประกันก็มีเพียงสิทธิเหนือทรัพย์สินอันเป็นหลักประกันคือใบรับฝาก ตามพระราชบัญญัติล้มละลายฯ มาตรา 95 ซึ่งผู้คัดค้านมีแต่เพียง สิทธิที่จะฟ้องร้องบังคับคดีเอาแก่ใบรับฝากโดยไม่ต้องขอรับชำระหนี้ ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ เท่านั้น ไม่อาจใช้สิทธิหักเงินตามใบรับฝาก เพื่อชำระหนี้แก่ผู้คัดค้านได้ ทั้งเป็นข้อตกลงที่ให้สิทธิแก่ผู้รับจำนำ จัดการแก่ทรัพย์สินที่จำนำเป็นประการอื่น นอกจากบทบัญญัติทั้งหลาย ว่าด้วยการบังคับจำนำ ข้อตกลงย่อมไม่สมบูรณ์ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 756. ข้อตกลงจึงไม่ชอบด้วยกฎหมายผู้คัดค้านไม่มีสิทธิหักเงินตามใบรับฝากไว้ชำระหนี้ได้ ถือได้ว่า ข้อตกลงดังกล่าว เป็นการกระทำที่ลูกหนี้มุ่งหมายให้ผู้คัดค้านได้เปรียบ เจ้าหนี้อื่น ชอบที่ศาลจะเพิกถอนการใช้สิทธิหักเงินตามใบรับฝาก ที่ได้กระทำไปนั้นได้ตามพระราชบัญญัติล้มละลายฯ มาตรา 115
การขอให้ผู้คัดค้านชำระหนี้ตามใบรับฝากดังกล่าวแก่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เป็นกรณีนอกเหนือบทบัญญัติมาตรา 115เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ต้องดำเนินการเป็นกรณีต่างหากจากคดีนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 249/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
มูลหนี้เกิดเมื่อรับเงินและออกตั๋วสัญญาใช้เงิน แม้ตกลงให้สินเชื่อก่อนศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์ก็ไม่อาจขอรับชำระหนี้ได้
มูลหนี้แต่ละรายเกิดขึ้นเมื่อลูกหนี้รับเงินไปแล้วออกตั๋วสัญญาใช้เงินและทำสัญญารับชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ หาได้เกิดตั้งแต่วันที่เจ้าหนี้ตกลงจะให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้ไม่ แม้จะยังไม่ประกาศคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดลูกหนี้ในราชกิจจานุเบกษา และเจ้าหนี้จะจ่ายเงินตามตั๋วสัญญาใช้เงินที่นำมาขอรับชำระหนี้ให้แก่ลูกหนี้โดยสุจริตและไม่ทราบคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด เจ้าหนี้ก็จะขอรับชำระหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินดังกล่าวไม่ได้ตามมาตรา 94 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 249/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
มูลหนี้เกิดขึ้นเมื่อรับเงินและออกตั๋วสัญญาใช้เงินหลังศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์ เจ้าหนี้ขอรับชำระหนี้ไม่ได้
มูลหนี้แต่ละรายเกิดขึ้นเมื่อลูกหนี้รับเงินไปแล้วออกตั๋วสัญญาใช้เงินและทำสัญญารับชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ หาได้เกิดตั้งแต่วันที่เจ้าหนี้ตกลงจะให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้ไม่
แม้จะยังไม่ประกาศคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดลูกหนี้ในราชกิจจานุเบกษา และเจ้าหนี้จะจ่ายเงินตามตั๋วสัญญาใช้เงินที่นำมาขอรับชำระหนี้ให้แก่ลูกหนี้โดยสุจริตและไม่ทราบคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด เจ้าหนี้ก็จะขอรับชำระหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินดังกล่าวไม่ได้ตามมาตรา 94 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483
แม้จะยังไม่ประกาศคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดลูกหนี้ในราชกิจจานุเบกษา และเจ้าหนี้จะจ่ายเงินตามตั๋วสัญญาใช้เงินที่นำมาขอรับชำระหนี้ให้แก่ลูกหนี้โดยสุจริตและไม่ทราบคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด เจ้าหนี้ก็จะขอรับชำระหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินดังกล่าวไม่ได้ตามมาตรา 94 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483