คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สุรัตน์ ศรีอนุพันธุ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 944 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2543/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องอาญาด้วยวาจา ความชัดเจนของฟ้อง และการลงโทษปรับรายวันในคดีก่อสร้างผิดแบบ
ฟ้องด้วยวาจา ตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง มาตรา 19 ให้ศาลบันทึกข้อความแห่งฟ้องไว้เป็นหลักฐานหาจำต้องบันทึกไว้โดย ละเอียดไม่และก่อนบันทึกศาลอาจสอบถามข้อเท็จจริงต่าง ๆ ที่จำเลยกระทำความผิดแต่ จะบันทึกไว้เฉพาะ ข้อความสำคัญ ส่วนบันทึกการฟ้องด้วยวาจาของโจทก์ก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งของฟ้องด้วยวาจาเท่านั้น ศาลบันทึกข้อความแห่งฟ้องได้ความว่า ระหว่างวันที่ 30 เมษายน2528 เวลากลางคืนถึง วันที่ 30 เมษายน 2529 เวลากลางวัน ต่อเนื่องกันจำเลยซึ่งได้ รับอนุญาตให้ปลูกสร้างอาคาร ได้ ปลูกสร้างอาคารผิดไปจากแบบแปลนที่ได้ รับอนุญาต แม้ไม่ปรากฏว่ามีคำสั่งจากเจ้าพนักงานให้จำเลยทราบว่าก่อสร้างผิดไปจากแบบแปลนหรือให้จัดการแก้ไข จำเลยก็ยังคงฝ่าฝืนตลอด เวลา เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพตาม ฟ้อง แสดงว่าจำเลยเข้าใจข้อหาตาม ฟ้องแล้วหาทำให้ฟ้องของโจทก์ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เจ้าพนักงานท้องถิ่นมีคำสั่งฉบับ แรกให้จำเลยรื้อถอนการก่อสร้างที่ผิดจากแบบแปลนภายใน 30 วัน จำเลยทราบคำสั่งเมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2529 ครบกำหนด 30 วัน วันที่ 26 เมษายน 2529แต่ จำเลยมิได้ดำเนินการ ถือ ว่าจำเลยฝ่าฝืนคำสั่งแล้ว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2354/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หน้าที่ผู้รับโอนประทานบัตรเหมืองแร่ในการปฏิบัติตามกฎหมายและประกาศราชการ แม้หลุมบ่อมีอยู่ก่อน
จำเลยรับโอนกิจการเหมืองแร่และประทานบัตรจาก ส. ขณะที่รับโอนมีบ่อหลุมตามฟ้องอยู่ในโรงแต่งแร่อยู่แล้ว และรับโอนมาภายหลังจากที่ประกาศผู้อำนวยการเขตควบคุมแร่ประจำเขตจังหวัดภูเก็ตพังงา ฉบับที่ 2(พ.ศ. 2528) เรื่องการกำหนดมาตรการเกี่ยวกับเขตเหมืองแร่และเขตแต่งแร่ โดยกำหนดมาตรการเกี่ยวกับเขตเหมืองแร่และเขตแต่งแร่ว่า สภาพของอาคารซึ่งใช้ในการเก็บแร่หรือมีแร่ไว้ในครอบครองของเหมืองจะต้องมีพื้นอาคารเทคอนกรีตและไม่มีห้องหรือหลุมใต้ดินในบริเวณอาคารและไม่มีห้องหรือหลุมใต้ดินที่พื้นนั้น การที่อาคารโรงแต่งแร่ของจำเลยมีบ่ออยู่ใต้พื้นซีเมนต์ถึง 3 บ่อ และเจ้าพนักงานได้ค้นพบแร่ดีบุกของกลางเก็บซ่อนไว้ในบ่อนั้น ซึ่งเป็นการฝ่าฝืนประกาศผู้อำนวยการเขตควบคุมแร่ดังกล่าวอย่างชัดแจ้ง จำเลยจะอ้างว่าบ่อดังกล่าวมีมาก่อนที่จำเลยจะรับโอนกิจการเหมืองแร่และประทานบัตรไม่ได้ เพราะจำเลยได้รับโอนกิจการเหมืองแร่และประทานบัตรมาแล้วย่อมเป็นหน้าที่ของจำเลยที่จะต้องจัดการแก้ไขและปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมายและประกาศของทางราชการ มิฉะนั้นก็จะเป็นทางให้มีการหลีกเลี่ยงกฎหมายและประกาศดังกล่าวด้วยการโอนกิจการเหมืองแร่และประทานบัตรกันได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2350/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความสมบูรณ์ของฟ้องอาญาป่าไม้: การบรรยายฟ้องประกาศและพระราชกฤษฎีกาที่เกี่ยวข้อง
โจทก์บรรยายฟ้องว่า ได้มีพระราชกฤษฎีกากำหนดไม้หวงห้ามพ.ศ. 2530 กำหนดให้ไม้ตะเคียนหินในป่าท้องที่ทุกจังหวัดเป็นไม้หวงห้ามประเภท ก. และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรได้ออกประกาศให้กำหนดเขตควบคุมการแปรรูปไม้ตลอดเขตท้องที่ทุกจังหวัดดังปรากฏรายละเอียดตามสำเนาประกาศท้ายฟ้อง พระราชกฤษฎีกาดังกล่าวได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาพ้นกำหนดเก้าสิบวันนับแต่วันประกาศแล้ว ในสำเนาประกาศของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรที่โจทก์แนบมาท้ายฟ้องซึ่งถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของฟ้องนั้น ปรากฏว่าประกาศดังกล่าวได้ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว กรณีจึงเท่ากับว่าโจทก์ได้บรรยายฟ้องไว้แล้วว่าประกาศนั้นได้มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษามาพ้นเก้าสิบวันนับแต่วันประกาศตาม มาตรา 47 แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ฯ และเมื่อตามฟ้องของโจทก์ฟังได้ว่าพระราชกฤษฎีกากำหนดไม้หวงห้าม พ.ศ. 2530 ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษามาพ้นกำหนดเก้าสิบวันนับแต่วันประกาศแล้วพระราชกฤษฎีกาฉบับดังกล่าวย่อมมีผลใช้บังคับได้เป็นกฎหมายในขณะที่จำเลยกระทำความผิด แม้โจทก์ไม่ได้ส่งสำเนาพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวมาพร้อมกับฟ้อง ก็ไม่ทำให้ฟ้องของโจทก์ไม่สมบูรณ์แต่ประการใด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2350/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความสมบูรณ์ของฟ้องคดีป่าไม้: การพิสูจน์การมีผลใช้บังคับของกฎหมายและประกาศ
โจทก์บรรยายฟ้องว่า ได้ มีพระราชกฤษฎีกากำหนดไม้หวงห้ามพ.ศ. 2530 กำหนดให้ไม้ตะเคียน หินในป่าท้องที่ทุกจังหวัดเป็นไม้หวงห้ามประเภท ก. และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรได้ ออกประกาศให้กำหนดเขตควบคุมการแปรรูปไม้ตลอด เขตท้องที่ทุกจังหวัดดัง ปรากฏรายละเอียดตาม สำเนาประกาศท้ายฟ้อง พระราชกฤษฎีกาดังกล่าวได้ ประกาศในราชกิจจานุเบกษาพ้นกำหนดเก้า สิบวันนับแต่วันประกาศแล้ว ในสำเนาประกาศของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรที่โจทก์แนบมาท้ายฟ้องซึ่งถือ ว่าเป็นส่วนหนึ่งของฟ้องนั้น ปรากฏว่าประกาศดังกล่าวได้ ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว กรณีจึงเท่ากับว่าโจทก์ได้ บรรยายฟ้องไว้แล้วว่าประกาศนั้นได้ มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษามาพ้นเก้า สิบวันนับแต่วันประกาศตาม มาตรา 47แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ฯ และเมื่อตาม ฟ้องของโจทก์ฟังได้ว่าพระราชกฤษฎีกากำหนดไม้หวงห้าม พ.ศ. 2530 ได้ ประกาศในราชกิจจานุเบกษามาพ้นกำหนดเก้า สิบวันนับแต่วันประกาศแล้วพระราชกฤษฎีกาฉบับ ดังกล่าวย่อมมีผลใช้ บังคับได้ เป็นกฎหมายในขณะที่จำเลยกระทำความผิด แม้โจทก์ไม่ได้ส่งสำเนาพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวมาพร้อมกับฟ้อง ก็ไม่ทำให้ฟ้องของโจทก์ไม่สมบูรณ์แต่ประการใด.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2330/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองทรัพย์ที่ได้มาจากการชิงทรัพย์: ความผิดฐานรับของโจร แม้ไม่ได้ร่วมชิงทรัพย์
จำเลยกำลังซื้อ บุหรี่อยู่ที่ร้านริมถนน เมื่อจำเลยเห็นเจ้าพนักงานตำรวจก็มีท่าทางพิรุธตกใจและรับขับรถจักรยานยนต์หลบหนี เจ้าพนักงานตำรวจจึงขับรถจักรยานยนต์ไล่ตาม ไปและจับกุม ตัว ได้ เมื่อตรวจ รถจักรยานยนต์ที่จำเลยขับปรากฏว่าไม่มีแผ่นป้ายทะเบียน ในชั้นสอบสวนจำเลยให้การต่อ เจ้าพนักงานตำรวจว่าขอยืมรถมาจากนาย ปอย มิใช่นายเชียร ดัง ที่เบิกความต่อศาลทั้งในชั้นจับกุมจำเลยแจ้งชื่อ เท็จ พฤติการณ์ฟังได้ว่า จำเลยได้รับ รถจักรยานยนต์ของกลางไว้ โดย รู้ว่าเป็นทรัพย์ซึ่ง ได้ มา จากการ กระทำผิดฐาน ชิงทรัพย์อันเป็นความผิดฐาน รับของโจร โจทก์ฟ้องจำเลยในข้อหาชิงทรัพย์ ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยกระทำผิดข้อหารับของโจร ศาลย่อมมีอำนาจลงโทษจำเลยในความผิดฐาน รับของโจรตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคสาม.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2049/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพนันสลากกินรวบเป็นอบายมุข ศาลฎีกาไม่รอการลงโทษจำคุก แม้มีภาระเลี้ยงดูบุตร แต่ไม่สั่งจ่ายสินบนนำจับหากไม่มีโทษปรับ
การพนันสลากกินรวบเป็นสิ่งที่มอมเมาประชาชน และเป็นอบายมุขที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่เศรษฐกิจของชาติบ้านเมืองสมควรแก่การกำราบปราบปรามมิให้มีการเล่นอีกต่อไป เจ้าพนักงานจับจำเลยได้ พร้อมด้วย สมุด จดหมายเลขสลากกินรวบ 2 เล่ม แต่ ละเล่มจดรายการเล่นการพนันดังกล่าวหลายรายการ ถือ ไม่ ได้ ว่าจำเลยเป็นผู้เล่นรายย่อย จึงยังไม่สมควรที่จะรอการลงโทษจำคุกจำเลย เมื่อศาลไม่ได้ลงโทษปรับจำเลย จึงไม่อาจสั่งให้จำเลยจ่ายสินบนนำจับได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2047/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำผิดหลายกรรมต่างกัน: ความประมาทในการขับรถ vs. ละเลยไม่ช่วยเหลือผู้ประสบภัย
รถยนต์ชนกันเป็นเหตุให้มีคนตายและได้รับอันตรายสาหัสเกิดจากการกระทำโดยประมาทของจำเลย การที่จำเลยได้หลบหนีไปทันทีหลังเกิดเหตุโดยไม่ให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บ ไม่แสดงตัวและแจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ใกล้เคียงทันทีนั้น เป็นการกระทำหลังจากเกิดเหตุรถยนต์ชนกันแล้ว เป็นกรณีกระทำผิดหลายกรรมต่างกัน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2030/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้าม: ศาลล่างพิจารณาพยานหลักฐานอื่นนอกเหนือจากคำรับสารภาพ จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
จำเลยฎีกาว่า โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานรู้เห็นการปลอมเลขหมายประจำเครื่องยนต์ และเลขหมายประจำตัวถังของรถจักรยานยนต์ของกลางโจทก์มีแต่คำรับสารภาพชั้นสอบสวนของจำเลยมาแสดงต่อศาลเท่านั้น จะนำมาฟังลงโทษจำเลยไม่ได้ เป็นการพิจารณาที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา เมื่อปรากฏว่าศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์หาได้หยิบยกเอาเฉพาะแต่คำรับสารภาพชั้นสอบสวนของจำเลยมาวินิจฉัยเท่านั้น แต่ยังนำพยานหลักฐานอื่นมาประกอบคำวินิจฉัยด้วยว่าจำเลยได้กระทำความผิดดังฟ้องจริง ฎีกาของจำเลยจึงเป็นเรื่องที่โต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลล่างทั้งสอง อันเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2030/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่รับวินิจฉัยข้อเท็จจริง กรณีศาลล่างพิจารณาพยานหลักฐานอื่นประกอบคำรับสารภาพ
จำเลยฎีกาว่า โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานรู้เห็นการปลอมเลขหมายประจำเครื่องยนต์ และเลขหมายประจำตัวถัง ของรถจักรยานยนต์ของกลางโจทก์มีแต่ คำรับสารภาพชั้นสอบสวนของจำเลยมาแสดงต่อ ศาลเท่านั้น จะนำมาฟังลงโทษจำเลยไม่ได้ เป็นการพิจารณาที่ไม่ชอบด้วย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาเมื่อปรากฏว่าศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์หาได้ หยิบยกเอาเฉพาะแต่คำรับสารภาพชั้นสอบสวนของจำเลยมาวินิจฉัยเท่านั้น แต่ ยังนำพยานหลักฐานอื่นมาประกอบคำวินิจฉัยด้วยว่าจำเลยได้ กระทำความผิดดังฟ้องจริง ฎีกาของจำเลยจึงเป็นเรื่องที่โต้เถียง ดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลล่างทั้งสอง อันเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1916/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการใช้เหล็กขูดชาฟท์แทงผู้เสียหายบริเวณหน้าอก แม้ไม่ถึงแก่ชีวิต ถือเป็นความผิดฐานพยายามฆ่า
จำเลยใช้ เหล็กขูดชาฟท์ ซึ่ง เป็นวัตถุที่มีคมถึง สามคน มีความยาวถึง 6 นิ้ว ตั้งใจแทงผู้เสียหายตรง บริเวณหน้าอก ซึ่ง เป็นอวัยวะส่วนสำคัญ เมื่อแทงครั้งแรกถูก ผู้เสียหายใช้ มือปัด จำเลยก็เข้าแทงซ้ำอีกครั้ง พฤติการณ์เช่นนี้แสดงว่าจำเลยย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำว่าอาจทำให้ผู้เสียหายถึงแก่ความตายได้ จำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายเมื่อการกระทำของจำเลยไม่บรรลุผลโดย แทงไม่ถูก หน้าอกผู้เสียหายจำเลยจึงมีความผิดฐาน พยายามฆ่า.
of 95