พบผลลัพธ์ทั้งหมด 944 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 864/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฆ่าผู้อื่นโดยไม่มีเจตนาไตร่ตรองไว้ก่อน พิจารณาจากเหตุการณ์ก่อนหน้าและพฤติการณ์หลังเกิดเหตุ
จำเลยกับผู้ตายไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกันมาก่อน จำเลยรับฟังเรื่องที่ ส. น้องสาวเล่าว่าทะเลาะกับผู้ตายและผู้ตายได้ ยิงปืนขู่แล้ว ส. ให้จำเลยไปเอากระบือการที่จำเลยคว้าอาวุธปืนไปด้วย อาจเพราะเป็นเวลามือค่ำ หรือเพื่อป้องกันตัวก็ได้ อีกทั้งก่อนที่จำเลยจะยิงผู้ตายยังได้ มีการพูดจาทักทาย กันก่อน หาได้ยิงในทันทีที่พบผู้ตายไม่เช่นนี้ การกระทำผิดของจำเลยไม่เป็นการกระทำโดย ไตร่ตรอง ไว้ก่อน ตาม ป.อ. มาตรา 289(4).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 864/2533 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฆ่าผู้อื่นโดยไม่มีเจตนาไตร่ตรองไว้ก่อน ศาลพิจารณาจากพฤติการณ์ก่อนเกิดเหตุ
จำเลยไม่มีสาเหตุโกรธเคืองผู้ตายมาก่อน แม้ภรรยาผู้ตายซึ่งเป็นน้องสาวจำเลยได้มาบอกจำเลยว่าทะเลาะกับผู้ตายและผู้ตายได้ยิงปืนขู่ก็ตาม แต่ผู้ตายไม่ได้ทำร้ายภรรยาจึงไม่น่าจะเป็นเหตุถึงกับทำให้จำเลยต้องการฆ่าผู้ตายในขณะนั้น ทั้งปรากฏว่าภรรยาผู้ตายให้จำเลยไปเอากระบือที่ห้างนามาไว้ที่บ้าน การที่จำเลยคว้าอาวุธปืนไปด้วย อาจเพราะเป็นเวลามืดค่ำจึงเอาไปเพื่อป้องกันตัว และก่อนที่จำเลยจะยิงผู้ตายได้มีการพูดจาทักทาย กันก่อนแล้ว จำเลยจึงใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย หาได้ยิงในทันทีที่พบผู้ตายไม่ ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยคิดฆ่าผู้ตายมาแต่ต้นจึงไม่เป็นการฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 864/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฆ่าผู้อื่นโดยไม่มีเจตนาไตร่ตรองไว้ก่อน การพิจารณาจากพฤติการณ์และเหตุผลในการกระทำ
จำเลยไม่มีสาเหตุโกรธเคืองผู้ตายมาก่อน แม้ภริยาผู้ตายซึ่งเป็นน้องสาวจำเลยได้มาบอกจำเลยว่าทะเลาะกับผู้ตายและผู้ตายได้ยิงปืนขู่ก็ตาม แต่ผู้ตายไม่ได้ทำร้ายภริยา จึงไม่น่าจะเป็นเหตุถึงทำให้จำเลยต้องการฆ่าผู้ตายในขณะนั้น ทั้งปรากฏว่าภริยาผู้ตายให้จำเลยไปเอากระบือที่ห้างนามาไว้ที่บ้าน การที่จำเลยคว้าอาวุธปืนไปด้วยอาจเพราะเป็นเวลามือค่ำจึงเอาไปเพื่อป้องกันตัว และก่อนที่จำเลยจะยิงผู้ตายได้มีการพูดจาทักทายกันก่อนแล้ว จำเลยจึงใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย หาได้ยิงในทันทีที่พบผู้ตายไม่ ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยคิดฆ่าผู้ตายมาแต่ต้น จึงไม่เป็นการฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 739/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปรับบทลงโทษในความผิดพรากผู้เยาว์ แม้ฟ้องตามมาตราอื่น หากพยานหลักฐานฟังได้ว่าเข้าข่ายความผิดอื่นที่มีโทษเบากว่า
การพรากผู้เยาว์กฎหมายบัญญัติว่าเป็นความผิด ไม่ว่าผู้เยาว์จะเต็มใจไปด้วยหรือไม่ แม้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตาม ป.อ. มาตรา318 แต่ทางพิจารณาฟังได้ว่าจำเลยกระทำผิดตาม ป.อ. มาตรา 319ศาลย่อมปรับบทลงโทษตาม ป.อ. มาตรา 319 ซึ่งมีโทษเบากว่าได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 160/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความชอบด้วยกฎหมายของฟ้องอาญาและการรอการลงโทษจำคุกจากพฤติการณ์ผู้กระทำผิด
ฟ้องโจทก์บรรยายว่า จำเลยมีเครื่องชั่งที่ผิดอัตราไว้เพื่อใช้เอาเปรียบในการค้า โดยชั่งสินค้าจำหน่ายแก่ผู้ซื้อ กับได้ ใช้เครื่องชั่งที่ผิดอัตรานั้นทำการชั่งสินค้าจำหน่ายแก่ลูกค้าผู้ซื้อเพื่อเอาเปรียบในการค้า ฟ้องของโจทก์จึงชัดแจ้งแล้วว่าจำเลยมีเจตนากระทำผิดต่อ พ.ร.บ. มาตราชั่ง ตวง วัดฯ และ ป.อ.มาตรา 270 ตามที่โจทก์ขอให้ลงโทษจำเลย ส่วน บุคคลที่เสียหายจะเป็นใครนั้น หาใช่สาระสำคัญที่โจทก์จำต้องกล่าวมาในฟ้องด้วยไม่เพราะเป็นรายละเอียดที่โจทก์อาจนำสืบได้ในชั้นพิจารณา ฟ้องของโจทก์ชอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 158(5) แล้ว จำเลยรับจ้าง ศ. ซึ่งเป็นญาติขายอาหารสำเร็จรูปประเภทขนมปังกรอบในที่เกิดเหตุ โดยจำเลยเป็นผู้ครอบครองเครื่องชั่งที่ผิดอัตราเท่านั้น หาใช่เจ้าของกิจการพาณิชย์ ตามฟ้องไม่ และจำเลยมีภาระต้องเลี้ยงดูภริยา และให้ความอุปการะบุตรที่ยังอยู่ระหว่างการศึกษาเล่าเรียนอีก 3 คน ทั้งระหว่างถูกคุมความประพฤติตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น จำเลยก็ได้ไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติตามกำหนดนัดอีกด้วย เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยได้รับโทษจำคุกมาก่อนจึงสมควรให้โอกาสจำเลยประพฤติตนเป็นคนดีต่อไป โดยรอการลงโทษจำคุกให้และคุมความประพฤติจำเลยไว้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 98/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรุกล้ำลำรางสาธารณะและการผ่อนผันสร้างสะพานท่อ ศาลพิจารณารอการลงโทษจำคุกโดยคำนึงถึงพฤติการณ์และโอกาสกลับตัว
จำเลยกระทำความผิดตาม ป.อ. มาตรา 360 เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าลำรางสาธารณะที่จำเลยสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็กทับมีสภาพเป็นพื้นดิน กับมีหญ้าขึ้นปกคลุมเนื่องจากตื้นเขินมาก เมื่อทางราชการได้ผ่อนผันให้จำเลยปรับปรุงลำรางสาธารณะโดยเปลี่ยนจากการรื้อถอนถนนเป็นการสร้างสะพานท่อคอนกรีตเสริมเหล็ก ซึ่งจำเลยได้นำเงิน 5,200,000 บาท ไปจ่ายให้ทางราชการเป็นค่าก่อสร้างแล้ว ทั้งจำเลยศึกษาจบระดับปริญญาตรีทางวิศวกรรมศาสตร์ และมีหน้าที่การงานเป็นกิจจลักษณะรายได้เดือนละ 37,000 บาท จึงมีเหตุอันควรปรานีแก่จำเลย เพื่อให้โอกาสกลับตัวเป็นพลเมืองดีด้วยการรอการลงโทษจำคุกไว้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 86/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท: ยาสูบหลีกเลี่ยงภาษีและจำหน่าย
การที่จำเลยมียาสูบที่มีผู้นำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงอากรและยาสูบนั้นไม่ได้ปิดแสตมป์ยาสูบตามกฎหมาย กับการที่จำเลยมียาสูบจำนวนเดียวกันนั้นไว้เพื่อขาย เป็นการกระทำที่มีเจตนาในผลอย่างเดียวกันคือ การหลีกเลี่ยงที่จะไม่ต้องเสียภาษีอากรตามกฎหมาย ถือได้ว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 86/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท: ยาสูบหลีกเลี่ยงภาษีและจำหน่าย
การที่จำเลยมียาสูบที่มีผู้นำเข้ามาในราชอาณาจักร โดยหลีกเลี่ยงอากรและยาสูบนั้นไม่ได้ปิดแสตมป์ยาสูบตามกฎหมาย กับการที่จำเลยมียาสูบจำนวนเดียวกันนั้นไว้เพื่อขายเป็นการกระทำที่มีเจตนาในผลอย่างเดียวกัน คือ การหลีกเลี่ยงที่จะไม่ต้องเสียภาษีอากรตามกฎหมายถือได้ว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจร้องทุกข์ในคดียักยอกเงินค่าสินค้า: เงินตกเป็นของใครเมื่อใด?
จำเลยรับเงินค่าสินค้าไว้ในฐานะตัวแทนของโจทก์ร่วมผู้ขาย เงินนั้นย่อมตกเป็นของโจทก์ร่วมแล้ว ผู้ซื้อสินค้าเมื่อได้ชำระหนี้ค่าสินค้าแล้วหาใช่เป็นเจ้าของเงินนั้นต่อไปไม่เมื่อจำเลยครอบครองเงินของโจทก์ร่วมไว้แล้วไม่ส่งมอบให้โจทก์ร่วมโดยนำเข้าฝากในบัญชีธนาคารของโจทก์ร่วมตามหน้าที่ อันเป็นความผิดฐานยักยอก โจทก์ร่วมจึงเป็นผู้เสียหายมีอำนาจร้องทุกข์พนักงานอัยการโจทก์มีอำนาจฟ้อง และโจทก์ร่วมย่อมขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ในเงินค่าสินค้า: ตัวแทนรับเงินแทนโจทก์ เงินตกเป็นของโจทก์ทันที โจทก์มีอำนาจร้องทุกข์
จำเลยรับเงินค่าสินค้าไว้ในฐานะตัวแทนของโจทก์ร่วมผู้ขายเงินนั้นย่อมตกเป็นของโจทก์ร่วมแล้ว ผู้ซื้อสินค้าเมื่อได้ชำระหนี้ค่าสินค้าแล้วหาใช่เป็นเจ้าของเงินนั้นต่อไปไม่ เมื่อจำเลยครอบครองเงินของโจทก์ร่วมไว้แล้วไม่ส่งมอบโดยนำเข้าฝากในบัญชีธนาคารของโจทก์ร่วมตามหน้าที่ อันเป็นความผิดฐานยักยอกโจทก์ร่วมจึงเป็นผู้เสียหายมีอำนาจร้องทุกข์ พนักงานอัยการโจทก์มีอำนาจฟ้องและโจทก์ร่วมย่อมขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ได้.