พบผลลัพธ์ทั้งหมด 206 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3774/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีซ้ำ - คดีอาญาถึงที่สุดแล้ว ห้ามฟ้องคดีอาญาเดิมซ้ำ
โจทก์เคยฟ้องจำเลยทั้งสองเกี่ยวกับการกระทำตามฟ้องนี้เป็นคดีอาญามาครั้งหนึ่งแล้วซึ่งในคดีดังกล่าวโจทก์ไม่มาศาลในชั้นไต่สวนมูลฟ้องศาลชั้นต้นจึงพิพากษายกฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 166 วรรคแรกคดีถึงที่สุดเช่นนี้ โจทก์จะฟ้องจำเลยทั้งสองในเรื่องเดียวกันอีกไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 166 วรรคสาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3721/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ระยะเวลาฟ้องคดีแย่งการครอบครอง: การเริ่มนับระยะเวลาตามมาตรา 1375 วรรคสอง
ประเด็นที่ว่าโจทก์ฟ้องคดีพ้นระยะเวลาเอาคืนซึ่งการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1375วรรคสองหรือไม่เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนแม้ศาลชั้นต้นจะมิได้กำหนดเป็นประเด็นข้อพิพาทไว้ศาลฎีกาเห็นสมควรยกขึ้นวินิจฉัยได้ จำเลยเข้าแย่งการครอบครองที่พิพาทโดยเข้าไปทำรั้วโจทก์ไปเห็นรั้วที่จำเลยทำในวันที่29เมษายน2524ขณะนั้นจำเลยยังทำรั้วไม่เสร็จเมื่อไม่ปรากฏพฤติการณ์แย่งการครอบครองด้วยประการอื่นก่อนหน้านั้นยังถือไม่ได้ว่าจำเลยแย่งการครอบครองของโจทก์ไปได้แล้วในวันดังกล่าวโจทก์ฟ้องเอาคืนการครอบครองเมื่อวันที่23เมษายน2525ยังไม่ถึง1ปีจึงยังไม่ขาดสิทธิฟ้องคดีเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครอง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3721/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแย่งการครอบครองที่ดินและอายุความฟ้องร้อง คดีนี้ศาลฎีกายกประเด็นอายุความขึ้นวินิจฉัยเองได้แม้ศาลชั้นต้นไม่ได้ตั้งไว้
จำเลยให้การต่อสู้ว่าโจทก์ฟ้องคดีนี้พ้นระยะเวลาเอาคืนซึ่งการครอบครองและศาลชั้นต้นมิได้กำหนดเป็นประเด็นข้อพิพาทไว้จำเลยได้โต้แย้งคัดค้านและตั้งประเด็นไว้ในคำแก้อุทธรณ์และคำแก้ฎีกาตลอดมาประเด็นดังกล่าวเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนแม้ศาลชั้นต้นจะมิได้ตั้งประเด็นไว้เมื่อศาลฎีกาเห็นสมควรก็ยกขึ้นวินิจฉัยได้เพราะจำเลยให้การต่อสู้ไว้แต่แรก.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3680/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การร้องเรียนการก่อสร้างบนที่ดินเช่าโดยสุจริต ไม่เข้าข่ายหมิ่นประมาท แม้จะขัดต่อการอนุมัติก่อนหน้า
การที่เทศบาลตำบลอรัญประเทศอนุมัติให้โจทก์ก่อสร้างอาคารศูนย์บรรเทาสาธารณภัยบนที่ดินราชพัสดุที่เทศบาลเช่าจากกระทรวงการคลังเจ้าของที่ดิน เทศบาลทำผิดสัญญาเช่าเนื่องจากนำที่ดินที่เช่าให้โจทก์ใช้ประโยชน์โดยไม่ได้รับความยินยอมเป็นหนังสือจากกระทรวงการคลังเจ้าของที่ดินซึ่งมีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้ทั้งยังผิดระเบียบของกระทรวงมหาดไทย เพราะมิได้ขออนุมัติอีกจำเลยซึ่งเป็นสมาชิกสภาเทศบาลได้ทักท้วงในการประชุมสภาเทศบาลถึง 4 ครั้งแต่ก็ไม่บังเกิดผล ดังนี้การทำบันทึกร้องเรียนของจำเลยเสนอต่อคณะเทศมนตรีเทศบาลตำบลอรัญประเทศเกี่ยวกับการก่อสร้างอาคารดังกล่าวของโจทก์ว่าเป็นการบุกรุกที่ดินที่เทศบาลมีสิทธิครอบครอง ทำให้เทศบาลขาดประโยชน์ เป็นการขัดต่อนโยบายของเทศบาล แม้จะมีการกล่าวอ้างถึงการกระทำดังกล่าวว่าเป็นของผู้มีอิทธิพลแสวงหาผลประโยชน์เฉพาะกลุ่มของตน ก็เป็นเรื่องที่จำเลยเข้าใจจากพฤติการณ์ของโจทก์ ซึ่งกระทำอยู่ในขณะนั้นที่ทำให้เทศบาลตำบลอรัญประเทศซึ่งจำเลยเป็นสมาชิกสภาเทศบาลอยู่เสียหาย จึงเป็นการร้องเรียนโดยสุจริต เพื่อความชอบธรรม ป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับจำเลยในฐานะที่เป็นสมาชิกสภาเทศบาลนั้นตามคลองธรรม ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 329(1) จำเลยไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3680/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การร้องเรียนโดยสุจริตของสมาชิกสภาเทศบาลเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของเทศบาล ไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท
การที่เทศบาลตำบลอรัญประเทศอนุมัติให้โจทก์ก่อสร้างอาคารศูนย์บรรเทาสาธารณภัยบนที่ดินราชพัสดุที่เทศบาลเช่าจากกระทรวงการคลังเจ้าของที่ดิน เทศบาลทำผิดสัญญาเช่าเนื่องจากนำที่ดินที่เช่าให้โจทก์ใช้ประโยชน์โดยไม่ได้รับความยินยอมเป็นหนังสือจากกระทรวงการคลังเจ้าของที่ดินซึ่งมีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้ทั้งยังผิดระเบียบของกระทรวงมหาดไทย เพราะมิได้ขออนุมัติอีกจำเลยซึ่งเป็นสมาชิกสภาเทศบาลได้ทักท้วงในการประชุมสภาเทศบาลถึง 4 ครั้งแต่ก็ไม่บังเกิดผล ดังนี้การทำบันทึกร้องเรียนของจำเลยเสนอต่อคณะเทศมนตรีเทศบาลตำบลอรัญประเทศเกี่ยวกับการก่อสร้างอาคารดังกล่าวของโจทก์ว่าเป็นการบุกรุกที่ดินที่เทศบาลมีสิทธิครอบครองทำให้เทศบาลขาดประโยชน์ เป็นการขัดต่อนโยบายของเทศบาล แม้จะมีการกล่าวอ้างถึงการกระทำดังกล่าวว่าเป็นของผู้มีอิทธิพลแสวงหาผลประโยชน์เฉพาะกลุ่มของตน ก็เป็นเรื่องที่จำเลยเข้าใจจากพฤติการณ์ของโจทก์ซึ่งกระทำอยู่ในขณะนั้นที่ทำให้เทศบาลตำบลอรัญประเทศซึ่งจำเลยเป็นสมาชิกสภาเทศบาลอยู่เสียหายจึงเป็นการร้องเรียนโดยสุจริตเพื่อความชอบธรรม ป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับจำเลยในฐานะที่เป็นสมาชิกสภาเทศบาลนั้นตามคลองธรรมตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 329(1) จำเลยไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3680/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การร้องเรียนโดยสุจริตของสมาชิกสภาเทศบาลเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของเทศบาล ไม่ถือเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท
การที่เทศบาลตำบลอรัญประเทศอนุมัติให้โจทก์ก่อสร้างอาคารศูนย์บรรเทาสาธารณภัยบนที่ดินราชพัสดุที่เทศบาลเช่าจากกระทรวงการคลังเจ้าของที่ดินเทศบาลทำผิดสัญญาเช่าเนื่องจากนำที่ดินที่เช่าให้โจทก์ใช้ประโยชน์โดยไม่ได้รับความยินยอมเป็นหนังสือจากกระทรวงการคลังเจ้าของที่ดินซึ่งมีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้ทั้งยังผิดระเบียบของกระทรวงมหาดไทยเพราะมิได้ขออนุมัติอีกจำเลยซึ่งเป็นสมาชิกสภาเทศบาลได้ทักท้วงในการประชุมสภาเทศบาลถึง4ครั้งแต่ก็ไม่บังเกิดผลดังนี้การทำบันทึกร้องเรียนของจำเลยเสนอต่อคณะเทศมนตรีเทศบาลตำบลอรัญประเทศเกี่ยวกับการก่อสร้างอาคารดังกล่าวของโจทก์ว่าเป็นการบุกรุกที่ดินที่เทศบาลมีสิทธิครอบครองทำให้เทศบาลขาดประโยชน์เป็นการขัดต่อนโยบายของเทศบาลแม้จะมีการกล่าวอ้างถึงการกระทำดังกล่าวว่าเป็นของผู้มีอิทธิพลแสวงหาผลประโยชน์เฉพาะกลุ่มของตนก็เป็นเรื่องที่จำเลยเข้าใจจากพฤติการณ์ของโจทก์ซึ่งกระทำอยู่ในขณะนั้นที่ทำให้เทศบาลตำบลอรัญประเทศซึ่งจำเลยเป็นสมาชิกสภาเทศบาลอยู่เสียหายจึงเป็นการร้องเรียนโดยสุจริตเพื่อความชอบธรรมป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับจำเลยในฐานะที่เป็นสมาชิกสภาเทศบาลนั้นตามคลองธรรมตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา329(1)จำเลยไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3488/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำในคดีทำร้ายร่างกาย: สิทธิฟ้องระงับหากมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว แม้จะอยู่ในระหว่างฎีกา
ผู้เสียหายฟ้องจำเลยที่1กับพวกก่อนว่าร่วมกันทำร้ายร่างกายและทำให้ผู้เสียหายเสื่อมเสียเสรีภาพต่อมาอัยการฟ้องผู้เสียหายและจำเลยที่1ว่าต่างทำร้ายร่างกายซึ่งกันและกันศาลพิพากษาลงโทษผู้เสียหายและจำเลยที่1ตามฟ้องของอัยการแล้วแม้คดีจะอยู่ระหว่างฎีกาก็ถือว่าการกระทำของจำเลยที่1ได้มีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดในความผิดซึ่งได้ฟ้องแล้วสิทธินำคดีอาญามาฟ้องจำเลยที่1เกี่ยวกับการทำร้ายร่างกายจึงย่อมระงับตามป.วิ.อ.มาตรา39(4).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3488/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การระงับสิทธิฟ้องคดีอาญาจากการมีคำพิพากษาถึงที่สุดในความผิดเดียวกัน
ผู้เสียหายฟ้องจำเลยที่1กับพวกก่อนว่าร่วมกันทำร้ายร่างกายและทำให้ผู้เสียหายเสื่อมเสียเสรีภาพต่อมาอัยการฟ้องผู้เสียหายและจำเลยที่1ว่าต่างทำร้ายร่างกายซึ่งกันและกันศาลพิพากษาลงโทษผู้เสียหายและจำเลยที่1ตามฟ้องของอัยการแล้วแม้คดีจะอยู่ระหว่างฎีกาก็ถือว่าการกระทำของจำเลยที่1ได้มีคำพิพากษาเสร็จเด็ด่ขาดในความผิดซึ่งได้ฟ้องแล้วสิทธินำคดีอาญามาฟ้งอจำเลยที่1เกี่ยวกับการทำร้ายร่างกายจึงย่อมระงับตามป.วิ.อ.มาตรา39(4).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3439/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำเบิกความเท็จที่ไม่ใช่ข้อสำคัญในคดีเช็ค การชำระหนี้บางส่วนไม่กระทบความผิดฐานออกเช็คโดยเจตนาทุจริต
คำเบิกความที่เป็นข้อสำคัญในการพิจารณาคดีว่าโจทก์กระทำความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คหรือไม่อยู่ที่ว่าโจทก์ออกเช็คโดยมีเจตนาจะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คหรือไม่มิได้อยู่ที่ว่าเช็คที่จำเลยฟ้องเป็นคดีอาญานั้นมีการชำระหนี้กันบางส่วนตามเช็คนั้นหรือไม่ แม้คำเบิกความของจำเลยที่ว่าซื้อรถแทรกเตอร์จากโจทก์1 คัน ราคา210,000 บาท และได้ชำระด้วยเงินสดให้โจทก์จะเป็นความเท็จความจริง เมื่อจำเลยนำเช็คที่โจทก์ออกให้ไปขึ้นเงินไม่ได้โจทก์จำเลยได้ประนีประนอมยอมความกันโดยโจทก์เอารถแทรกเตอร์ของโจทก์ตีใช้หนี้ให้จำเลยบางส่วนเป็นเงิน 210,000บาท ดังฟ้อง ก็มิใช่คำเบิกความอันเป็นเท็จที่เป็นข้อสำคัญในคดีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3439/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาออกเช็คโดยไม่มีเงินในบัญชีเป็นประเด็นสำคัญคดีเช็ค ไม่ใช่การชำระหนี้บางส่วน
คำเบิกความที่เป็นข้อสำคัญในการพิจารณาคดีว่าโจทก์กระทำความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คหรือไม่ อยู่ที่ว่าโจทก์ออกเช็คโดยมีเจตนาจะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คหรือไม่มิได้ อยู่ที่ว่าเช็คที่จำเลยฟ้องเป็นคดีอาญานั้น มีการชำระหนี้กันบางส่วนตามเช็คนั้นหรือไม่ แม้คำเบิกความของจำเลยที่ว่าซื้อรถแทรกเตอร์จากโจทก์ 1 คัน ราคา 210,000 บาท และได้ชำระด้วยเงินสดให้โจทก์จะเป็นความเท็จ ความจริง เมื่อจำเลยนำเช็คที่โจทก์ออกให้ไปขึ้นเงินไม่ได้ โจทก์จำเลยได้ประนีประนอมยอมความกันโดยโจทก์เอารถแทรกเตอร์ของโจทก์ตีใช้หนี้ให้จำเลยบางส่วนเป็นเงิน 210,000 บาท ดังฟ้อง ก็มิใช่คำเบิกความอันเป็นเท็จที่เป็นข้อสำคัญในคดีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177