คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ไพรัช วงศ์วัฒนะ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 451 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 958/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานจัดหางานโดยไม่ได้รับอนุญาตและฉ้อโกงประชาชนเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน
ความผิดตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ.2511 มาตรา 7, 27 ฐานจัดหางานโดยมิได้รับอนุญาต สาระสำคัญอยู่ที่การไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนตามกฎหมาย จำเลยจัดหางานโดยไม่ได้รับอนุญาตเมื่อใดก็เป็นความผิดสำเร็จ และถ้าการจัดหางานนั้นได้กระทำโดยแสดงข้อความอันเป็นเท็จต่อประชาชนหรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งแก่ประชาชนอันเป็นความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 ด้วย ย่อมถือว่าเป็นการกระทำอีกกรรมหนึ่งต่างหาก เพราะจำเลยมีเจตนาที่แยกต่างหากจากความผิดฐานแรก ดังนั้นแม้จำเลยจะได้กระทำดังกล่าวในคราวเดียวกัน การกระทำของจำเลยก็เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 888/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การถอนฟ้องคดีอาญาความผิดต่อส่วนตัว ทำให้สิทธิฟ้องระงับ
ในคดีความผิดต่อส่วนตัว โจทก์ขอถอนฟ้องได้ก่อนคดีถึงที่สุดเมื่อโจทก์ถอนฟ้องแล้ว สิทธินำคดีอาญามาฟ้องระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2) ศาลย่อมมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ.(ที่มา-เนติ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 851/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลดโทษจำเลยในคดียาเสพติดและการพิพากษาข้อหาต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน: พฤติการณ์และเจตนาเป็นสำคัญ
จำเลยที่ 1 เป็นผู้ติดต่อขายและมาตรวจนับเงินจากผู้ที่ล่อซื้อกับเป็นผู้นำเฮโรอีนของกลางมาส่งให้สายลับต่อหน้าเจ้าพนักงานตำรวจซึ่งซุ่มแอบดูอยู่เป็นจำนวนมาก จำเลยที่ 1 ถูกจับได้ในขณะนั้น เหตุที่จำเลยที่ 1 ต้องรับสารภาพในชั้นจับกุมและสอบสวนเพราะจำนนต่อพยานหลักฐาน ไม่สมควรลดโทษให้
ตำรวจไม่ได้แต่งเครื่องแบบเรียกให้จำเลยที่ 2 หยุดรถจักรยานยนต์ ตำรวจคนหนึ่งเข้ามายึดรถ อีกคนหนึ่งเข้ามาล็อคคอ จำเลยที่ 2 ตกใจคิดว่าถูกชิงรถจึงดิ้น ต่อมาทราบว่าเป็นตำรวจจึงหยุดและยอมให้จับกุม ถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2มีเจตนาต่อสู้ขัดขวางการจับกุมของเจ้าพนักงาน.(ที่มา-ส่งเสริม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 757/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องแย้งซื้อขายรถยนต์และหุ้นไม่เกี่ยวเนื่องกับหนี้จำนอง แม้ผู้ซื้อมีกรรมสิทธิ์ร่วมในที่ดินที่จำนอง
โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 กับพวกให้ชำระเงินกู้ตามสัญญาจำนองจำเลยที่ 2 ให้การและฟ้องแย้งว่า โจทก์ขายรถยนต์กับหุ้นให้จำเลยที่ 2 โดยให้จำเลยที่ 2 ผ่อนชำระเงินครึ่งหนึ่ง ส่วนที่เหลือโจทก์ให้จำเลยที่ 2 นำที่ดินมีชื่อของจำเลยที่ 1 มาจำนองและให้ถือว่า จำเลยที่ 1 กู้และรับเงินจากโจทก์ แล้วจำเลยที่ 2 นำเงินดังกล่าวชำระราคารถที่เหลือแก่โจทก์ ต่อมาจำเลยที่ 2 ผ่อนชำระค่ารถครบถ้วน และจำเลยที่ 1 ชำระดอกเบี้ยมาตลอด ขอให้บังคับโจทก์โอนทะเบียนรถและหุ้นให้จำเลยที่ 2 ดังนี้ หนี้ที่จำเลยที่ 2 ซื้อรถยนต์กับหุ้นเป็นหนี้คนละส่วนมิได้เกี่ยวข้องกับหนี้จำนองที่โจทก์ฟ้องเดิม ทั้งโจทก์ฟ้องจำเลยที่ 2 ในฐานะทายาทผู้รับมรดกของจำเลยที่ 1 ซึ่งถึงแก่กรรมไปแล้วให้ชำระหนี้จำนอง มิได้ฟ้องจำเลยที่ 2 เกี่ยวกับรถยนต์และหุ้นที่จำเลยที่2 ซื้อเป็นส่วนตัวจากโจทก์ แม้จำเลยที่ 2 จะมีกรรมสิทธิ์รวมกับจำเลยที่ 1 ในที่ดินที่จำนองฟ้องแย้งที่ขอให้บังคับโจทก์โอนทะเบียนรถยนต์กับหุ้นก็หาได้เกี่ยวข้องกับที่โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 2 ในฐานะทายาทผู้รับมรดกของจำเลยที่ 1 ให้ชำระหนี้จำนองไม่ ฟ้องแย้งจำเลยที่ 2 จึงไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม.(ที่มา-ส่งเสริม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 757/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องแย้งไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม แม้มีกรรมสิทธิ์ร่วมในที่ดินจำนอง ศาลไม่รับฟ้องแย้ง
โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 กับพวกให้ชำระเงินกู้ตามสัญญาจำนองจำเลยที่ 2 ให้การและฟ้องแย้งว่า โจทก์ขายรถยนต์กับหุ้นให้จำเลยที่ 2 โดยให้จำเลยที่ 2 ผ่อนชำระเงินครึ่งหนึ่งส่วนที่เหลือโจทก์ให้จำเลยที่ 2 นำที่ดินมีชื่อ ของจำเลยที่ 1มาจำนองและให้ถือว่า จำเลยที่ 1 กู้และรับเงินจากโจทก์ แล้วจำเลยที่ 2 นำเงินดังกล่าวชำระราคารถที่เหลือแก่โจทก์ ต่อมาจำเลยที่ 2 ผ่อนชำระค่ารถครบถ้วน และจำเลยที่ 1 ชำระดอกเบี้ยมาตลอด ขอให้บังคับโจทก์โอนทะเบียนรถและหุ้นให้จำเลยที่ 2 ดังนี้ หนี้ที่จำเลยที่ 2 ซื้อรถยนต์กับหุ้นเป็นหนี้คนละส่วนมิได้เกี่ยวข้องกับหนี้จำนองที่โจทก์ฟ้องเดิม ทั้งโจทก์ฟ้องจำเลยที่ 2 ในฐานะทายาทผู้รับมรดกของจำเลยที่ 1 ซึ่งถึงแก่กรรมไปแล้วให้ชำระหนี้จำนอง มิได้ฟ้องจำเลยที่ 2 เกี่ยวกับรถยนต์และหุ้นที่จำเลยที่ 2 ซื้อเป็นส่วนตัวจากโจทก์ แม้จำเลยที่ 2 จะมีกรรมสิทธิ์รวมกับจำเลยที่ 1 ในที่ดินที่จำนองฟ้องแย้งที่ขอให้บังคับโจทก์โอนทะเบียนรถยนต์กับหุ้นก็หาได้เกี่ยวข้องกับที่โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 2 ในฐานะทายาทผู้รับมรดกของจำเลยที่ 1ให้ชำระหนี้จำนองไม่ ฟ้องแย้งจำเลยที่ 2 จึงไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 729/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คไม่มีวันที่ออก การลงวันที่โดยผู้อื่นไม่ทำให้เกิดความผิดตาม พ.ร.บ. เช็ค
การที่จำเลยสั่งจ่ายเช็คโดยไม่ได้ลงวันที่สั่งจ่าย แม้จำเลยจะได้มอบหมายให้ผู้อื่นลงวันที่ในเช็คก็มีผลเพียงให้เช็คนั้นสมบูรณ์เพื่อใช้สิทธิฟ้องร้องกันในทางแพ่งเท่านั้น หามีผลทำให้เป็นความผิดตาม พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คไม่ เพราะถือว่าไม่มีวันที่ผู้ออกเช็คกระทำผิด.(ที่มา-ส่งเสริม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 711/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อสันนิษฐานเด็ดขาดเรื่องยาเสพติดประเภท 1: การครอบครองเกิน 20 กรัม ถือว่ามีไว้เพื่อจำหน่าย
พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคสองบัญญัติว่าการผลิต นำเข้า ส่งออกหรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ตั้งแต่ยี่สิบกรัมขึ้นไปให้ถือว่า ผลิตส่งออก หรือมีไว้เพื่อจำหน่ายนั้น เป็นข้อสันนิษฐานโดยเด็ดขาด จำเลยจะนำสืบหักล้างข้อสันนิษฐานดังกล่าวหาได้ไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 711/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อสันนิษฐานทางกฎหมายเรื่องยาเสพติด: ครอบครองยาเสพติดปริมาณมาก ถือว่ามีไว้เพื่อจำหน่าย
จำเลยมีเฮโรอีนซึ่งคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์หนัก44.356 กรัม ไว้ในครอบครอง ถือได้ว่าจำเลยมีเฮโรอีนดังกล่าวไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษพ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคสอง ซึ่งเป็นข้อสันนิษฐานโดยเด็ด ขาดจำเลยจะนำสืบหักล้างข้อสันนิษฐานดังกล่าวหาได้ไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 711/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อสันนิษฐานเรื่องการครอบครองยาเสพติดเกิน 20 กรัม ถือว่ามีไว้เพื่อจำหน่าย จำเลยหักล้างไม่ได้
พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคสองบัญญัติว่า การผลิต นำเข้า ส่งออกหรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ตั้งแต่ยี่สิบกรัมขึ้นไปให้ถือว่า ผลิตส่งออก หรือมีไว้เพื่อจำหน่ายนั้น เป็นข้อสันนิษฐานโดยเด็ดขาด จำเลยจะนำสืบหักล้างข้อสันนิษฐานดังกล่าวหาได้ไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 706/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาจำกัดสิทธิในการอุทธรณ์/ฎีกาข้อเท็จจริงในคดีครอบครอง/จำหน่ายยาเสพติดที่ศาลชั้นต้น/อุทธรณ์พิพากษายกฟ้องบางส่วน
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดฐานมีเฮโรอีนและกัญชาไว้ในครอบครองโดยฝ่าฝืนกฎหมาย แต่ลงโทษบทหนักฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองโดยฝ่าฝืนกฎหมายและพิพากษายกฟ้องจำเลยที่ 2 ในความผิดฐานมีกัญชาไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสองฐานร่วมกันมีกัญชาไว้ในครอบครองโดยฝ่าฝืนกฎหมาย เช่นนี้เท่ากับศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องในความผิดฐานร่วมกันมีกัญชาไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย โจทก์ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงในข้อนี้ ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 220 จึงฎีกาว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันมีกัญชาไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายไม่ได้
การที่จำเลยที่ 2 ฎีกาขอให้ลดโทษจำเลยที่ 2 สำหรับความผิดฐานจำหน่ายเฮโรอีนลงกึ่งหนึ่งนั้นเป็นการฎีกาโต้เถียงดุลพินิจของศาลเป็นฎีกาปัญหาข้อเท็จจริง เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำคุกจำเลยที่ 2 ไม่เกิน 5ปี จึงต้องห้ามฎีกาตามป.วิ.อ. มาตรา 218.(ที่มา-ส่งเสริม)
of 46