คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
พนม พ่วงภิญโญ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 459 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2738/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนทรัพย์สินหลีกเลี่ยงชำระหนี้หลังใช้สิทธิเรียกร้อง: ข้อจำกัดการอุทธรณ์ตาม พ.ร.บ.ศาลแขวง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าการกระทำของจำเลยขาดเจตนา อันเป็นการพิพากษายกฟ้องโดยอาศัยข้อเท็จจริง โจทก์อุทธรณ์ว่า จำเลยที่ 1โอนกิจการโรงเรียนให้จำเลยที่ 2 ภายหลังจากโจทก์ใช้สิทธิเรียกร้องทางศาลแล้ว การกระทำของจำเลยทั้งสองมีเจตนาที่จะไม่ให้โจทก์ได้รับชำระหนี้ทั้งหมดหรือบางส่วน เป็นการอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งศาลต้องวินิจฉัยจากพยานหลักฐานในสำนวนต้องห้ามตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. 2499มาตรา 22

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2642/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การงดบังคับคดีเมื่อลูกหนี้ร่วมฟ้องคดีเรียกทรัพย์จากเจ้าหนี้ และการใช้ดุลพินิจของศาลตามมาตรา 292(2)
การงดการบังคับคดีตาม ป.วิ.พ. มาตรา 293 เป็นกรณีลูกหนี้ตามคำพิพากษาได้ฟ้องเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาไว้เป็นคดีอีกเรื่องหนึ่งในคราวเดียวกัน โดยมีเงื่อนไขว่าถ้าหากศาลพิพากษาให้ฝ่ายลูกหนี้ชนะคดีก็ไม่ต้องมีการขายทอดตลาดหรือจำหน่ายทรัพย์สินของลูกหนี้โดยวิธีอื่นเพราะสามารถจะหักกลบลบกันได้ ส่วนการงดบังคับคดีตามมาตรา 292(2) นั้นเป็นดุลพินิจของศาลโดยมีเงื่อนไขเพียงว่า ศาลต้องใช้ดุลพินิจให้เหมาะสมแก่รูปคดี การที่จำเลยที่ 1 ฟ้องโจทก์ต่อศาลชั้นต้น และศาลพิพากษาให้โจทก์คืนข้าวเปลือกหรือใช้ราคาแก่จำเลยที่ 1 แล้ว จำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ซึ่งเป็นลูกหนี้ร่วมกับจำเลยที่ 1 ในคดีนี้ขอให้ศาลงดการบังคับคดี ศาลย่อมใช้ดุลพินิจงดการบังคับคดีจำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ไว้ในระหว่างที่คดีจำเลยที่ 1 ฟ้องโจทก์ยังไม่ถึงที่สุดได้ เพราะหากคดีที่จำเลยที่ 1 ฟ้องโจทก์ดังกล่าวถึงที่สุดและศาลพิพากษาให้โจทก์ชำระหนี้แก่จำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 ก็อาจจะขอหักกลบลบหนี้กับโจทก์ได้ผลก็คือจำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ไม่ต้องชำระหนี้แก่โจทก์ กรณีจึงมีเหตุสมควรให้งดการบังคับคดีจำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ไว้จนกว่าคดีที่จำเลยที่ 1 ฟ้องโจทก์ ถึงที่สุดตามมาตรา 292(2).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2560/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้ทางโดยวิสาสะ ไม่เกิดภารจำยอม แม้ใช้ติดต่อกันเกิน 10 ปี
การที่ราษฎรได้ใช้ทางพิพาทเป็นทางโคกระบือเดินผ่านที่ดินจำเลยเป็นการใช้ชั่วคราวโดยวิสาสะตามประเพณีของชาวบ้าน โจทก์ซึ่งอยู่บ้านใกล้เคียงก็ได้ขออาศัยเดินผ่านที่ดินจำเลยออกสู่ถนนด้วยแต่ภายหลังโจทก์จะถมดินขยายทางเพื่อให้รถยนต์เข้าออกได้อย่างถาวรจำเลยจึงไม่ยอม ดังนี้ การที่โจทก์ขออาศัยเดินผ่านทางพิพาทในที่ดินจำเลยจึงเป็นการใช้ทางโดยอาศัยสิทธิของจำเลยผู้เป็นเจ้าของที่ดิน ทั้งตามพฤติการณ์ถือได้ว่าโจทก์ใช้ทางพิพาทโดยถือวิสาสะ แม้โจทก์จะใช้ทางพิพาทติดต่อกันเป็นเวลาเกินกว่า10 ปี ทางพิพาทก็ไม่ตกเป็นทางภารจำยอมแก่ที่ดินของโจทก์โดยอายุความ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2560/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้ทางโดยวิสาสะ ไม่เกิดภารจำยอม แม้ใช้ต่อเนื่องเกิน 10 ปี
การที่ราษฎรได้ใช้ทางพิพาทเป็นทางโคกระบือเดินผ่านที่ดินจำเลยเป็นการใช้ชั่วคราวโดยวิสาสะตามประเพณีของชาวบ้าน โจทก์ซึ่งอยู่บ้านใกล้เคียงก็ได้ขออาศัยเดินผ่านที่ดินจำเลยออกสู่ถนนด้วยแต่ภายหลังโจทก์จะถมดินขยายทางเพื่อให้รถยนต์เข้าออกได้อย่างถาวรจำเลยจึงไม่ยอม ดังนี้ การที่โจทก์ขออาศัยเดินผ่านทางพิพาทในที่ดินจำเลยจึงเป็นการใช้ทางโดยอาศัยสิทธิของจำเลยผู้เป็นเจ้าของที่ดินทั้งตามพฤติการณ์ถือได้ว่าโจทก์ใช้ทางพิพาทโดยถือวิสาสะ แม้โจทก์จะใช้ทางพิพาทติดต่อกันเป็นเวลาเกินกว่า 10 ปี ทางพิพาทก็ไม่ตกเป็นทางภารจำยอมแก่ที่ดินของโจทก์โดยอายุความ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2498/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คพิพาทเกิดจากการข่มขู่และแจ้งอายัดธนาคาร การออกเช็คโดยไม่มีเจตนาให้ใช้เงิน ไม่เป็นความผิดตาม พ.ร.บ. เช็ค
จำเลยออกเช็คพิพาทเพราะถูกข่มขู่ วันรุ่งขึ้นจำเลยได้ไปแจ้งอายัดต่อธนาคารมิให้จ่ายเงินตามเช็ค เป็นการแสดงให้เห็นว่าจำเลยออกเช็คไปโดยไม่มีเจตนาที่จะให้นำเช็คไป เรียกเก็บเงิน ทั้งการที่จำเลยสั่งธนาคารมิให้จ่ายเงินตามเช็คก็มิใช่เป็นการทุจริต แม้ผู้เสียหายนำเช็คพิพาทไปเรียกเก็บเงินไม่ได้จำเลยก็ไม่มีความผิดตามฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2479/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตการโต้แย้งฎีกา: การที่โจทก์มิได้โต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในส่วนใด ถือเป็นการยอมรับคำพิพากษาในส่วนนั้น
สัญญากู้ข้อ 4 ระบุว่า จะใช้เงินกู้เฉพาะวัตถุประสงค์เพื่อ (1) ปรับปรุงที่ดินขุดบ่อเลี้ยงปลา ขนาดกว้าง 40 เมตร ยาว 40 เมตร ลึก 2.50 เมตร เป็นเงิน 50,000 บาท(2) ปรับปรุงที่ดินทำสวนผลไม้เนื้อที่ 14 ไร่ เป็นเงิน 80,000 บาทเท่านั้น เมื่อจำเลยที่ 1 ได้ดำเนินการตามวัตถุประสงค์ จำเลยที่ 1 ย่อมมีสิทธิใช้ดุลพินิจเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสมและสัญญาข้อ 11 ให้สิทธิผู้จัดการสาขามีอำนาจลดหรือระงับการจ่ายเงินกู้ที่จะพึงมีต่อไปสำหรับเงินกู้รายนี้เท่านั้น จำเลยที่ 1 มิได้ผิดสัญญา โจทก์ยังไม่มีสิทธิเรียกเงินกู้คืนทั้งหมด
โจทก์โต้แย้งข้อวินิจฉัยเกี่ยวกับสัญญากู้เงินครั้งที่ 2 เท่านั้น มิได้โต้แย้งข้อวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์เกี่ยวกับสัญญากู้ครั้งที่ 1 แต่อย่างใด เพียงแต่โจทก์ขอให้ศาลฎีกาพิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ฎีกาของโจทก์เกี่ยวกับสัญญากู้เงินครั้งที่ 1 จึงมิได้โต้แย้งคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่าคำพิพากษาในส่วนที่เกี่ยวกับสัญญากู้ครั้งที่ 1 นั้น ไม่ชอบอย่างไร จึงไม่ชอบด้วยป.วิ.พ. มาตรา 249

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2479/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญากู้เงิน: การใช้ดุลพินิจเปลี่ยนแปลงโครงการได้หากเหมาะสม และโจทก์ไม่มีสิทธิเรียกเงินคืนทั้งหมด
สัญญากู้ข้อ 4 ระบุว่า จะใช้เงินกู้เฉพาะวัตถุประสงค์เพื่อ(1) ปรับปรุงที่ดินขุดบ่อเลี้ยงปลา ขนาดกว้าง 40 เมตร ยาว 40 เมตรลึก 2.50 เมตร เป็นเงิน 50,000 บาท (2) ปรับปรุงที่ดินทำสวนผลไม้เนื้อที่ 14 ไร่ เป็นเงิน 80,000 บาทเท่านั้น เมื่อจำเลยที่ 1ได้ดำเนินการตามวัตถุประสงค์ จำเลยที่ 1 ย่อมมีสิทธิใช้ดุลพินิจเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสมและสัญญาข้อ 11 ให้สิทธิผู้จัดการสาขามีอำนาจลดหรือระงับการจ่ายเงินกู้ที่จะพึงมีต่อไปสำหรับเงินกู้รายนี้เท่านั้น จำเลยที่ 1 มิได้ผิดสัญญา โจทก์ยังไม่มีสิทธิเรียกเงินกู้คืนทั้งหมด โจทก์โต้แย้งข้อวินิจฉัยเกี่ยวกับสัญญากู้เงินครั้งที่ 2เท่านั้น มิได้โต้แย้งข้อวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์เกี่ยวกับสัญญากู้ครั้งที่ 1 แต่อย่างใด เพียงแต่โจทก์ขอให้ศาลฎีกาพิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ฎีกาของโจทก์เกี่ยวกับสัญญากู้เงินครั้งที่ 1จึงมิได้โต้แย้งคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่าคำพิพากษาในส่วนที่เกี่ยวกับสัญญากู้ครั้งที่ 1 นั้น ไม่ชอบอย่างไร จึงไม่ชอบด้วยป.วิ.พ. มาตรา 249.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2411/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการครอบครองปรปักษ์ของผู้ร้องสอดในคดีขับไล่: การคุ้มครองสิทธิที่ดินและบ้าน
ในคดีที่โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยให้ออกไปจากที่ดินและบ้านพิพาทที่โจทก์อ้างว่าเป็นของโจทก์นั้น ผู้ร้องสอดย่อมมีสิทธิที่จะยื่นคำร้องอ้างว่าผู้ร้องได้เข้าครอบครองทำประโยชน์และอยู่อาศัยโดยสงบเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อมาเป็นเวลากว่า 10 ปีผู้ร้องสอดจึงเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์บ้านและมีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทไม่ใช่ของโจทก์ และขอให้ศาลมีคำสั่งว่าที่ดินและบ้านพิพาทเป็นของผู้ร้องสอดห้ามโจทก์เกี่ยวข้องได้ เพราะเป็นกรณีที่ผู้ร้องสอดเห็นว่าเป็นการจำเป็นเพื่อยังให้ได้รับความรับรองคุ้มครอง หรือบังคับตามสิทธิของตนที่มีอยู่เกี่ยวกับที่ดินและบ้านพิพาทนั้น ผู้ร้องสอดจึงย่อมยื่นคำร้องเข้ามาต่อสู้คดีกับโจทก์เพื่อวัตถุประสงค์ดังกล่าวได้ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 57(1).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2409/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปลอมแปลงและใช้บัตรประจำตัวประชาชนซึ่งเป็นเอกสารราชการปลอม
บัตรประจำตัวประชาชนเป็นเอกสารที่เจ้าพนักงานสำนักงานทะเบียนบัตรประชาชนกระทรวงมหาดไทยได้ทำขึ้น บัตรประจำตัวประชาชนจึงเป็นเอกสารราชการตามบทนิยามของประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 1(8)จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 5 กับพวกร่วมกันนำบัตรประจำตัวประชาชนของจำเลยที่ 1 ซึ่งเจ้าพนักงานได้ทำขึ้นสำหรับเป็นบัตรประจำตัวประชาชนของจำเลยที่ 1 ตามกฎหมาย มาทำปลอมให้หลงเชื่อว่าเป็นบัตรประจำตัวประชาชนของ ป. ที่แท้จริงแล้วสำเนาภาพถ่ายบัตรประจำตัวประชาชนที่ปลอมแล้วเอาไปใช้อ้างต่อโจทก์ร่วม จึงถือได้ว่าสำเนาภาพถ่ายบัตรประจำตัวประชาชนปลอมนั้นเป็นเอกสารราชการปลอมนั่นเอง จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 5 กับพวกจึงมีความผิดฐานร่วมกันปลอมและใช้เอกสารราชการปลอม.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2384/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปลอมเอกสารราชการต้องมีเจตนาทำให้ผู้อื่นเชื่อถือ และต้องก่อให้เกิดความเสียหายหรืออาจก่อให้เกิดความเสียหาย
พ. เจ้าของใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ยอมให้จำเลยเปลี่ยนภาพถ่ายของตนในใบขับขี่ดังกล่าวเป็นของคนอื่นเอาไปแสดงระหว่างกันเองเพื่อพนันหาเจ้ามือเลี้ยงสุรากัน พ. จึงไม่ได้รับความเสียหาย ทั้งไม่น่าก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด เมื่อจำเลยมิได้นำแสดงออกเพื่อให้ผู้ที่พบเห็นหลงเชื่อว่าตนคือ พ. ผู้ได้รับอนุญาตขับขี่ดังกล่าว จึงไม่เป็นความผิดฐานปลอมเอกสารราชการ.
of 46