พบผลลัพธ์ทั้งหมด 426 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2207/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทนายไม่มีอำนาจรับชำระหนี้แทนโจทก์หากไม่ได้รับมอบอำนาจ การชำระหนี้จึงไม่ผูกพันโจทก์
ทนายโจทก์ไม่มีอำนาจรับเงินชำระหนี้ตามคำพิพากษาจากจำเลยนอกศาลแทนโจทก์โดยไม่ได้รับมอบอำนาจจากโจทก์ให้รับเงินนั้นแทนการที่จำเลยชำระหนี้ให้แก่ทนายโจทก์เท่ากับเป็นการชำระหนี้ให้แก่บุคคลผู้ไม่มีอำนาจรับชำระหนี้ได้ เมื่อโจทก์ไม่ได้ให้สัตยาบันในการกระทำดังกล่าว การชำระหนี้ของจำเลยย่อมไม่ผูกพันโจทก์ โจทก์ชอบที่จะบังคับคดีต่อไปได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2207/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระหนี้ให้ทนายโจทก์โดยไม่ได้รับมอบอำนาจ ไม่ถือเป็นการชำระหนี้ที่ถูกต้องตามกฎหมาย
ทนายโจทก์ซึ่งไม่ได้รับมอบอำนาจจากโจทก์ให้รับเงินแทนไม่มีอำนาจรับเงินที่จำเลยชำระหนี้ตามคำพิพากษานอกศาลแทนโจทก์การที่จำเลยชำระหนี้ให้แก่ทนายโจทก์เท่ากับเป็นการชำระหนี้ให้แก่บุคคลผู้ไม่มีอำนาจรับชำระหนี้ได้ เมื่อโจทก์ไม่ได้ให้สัตยาบันในการกระทำดังกล่าว การชำระหนี้ของจำเลยจึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 315 ย่อมไม่ผูกพันโจทก์โจทก์ชอบที่จะบังคับคดีต่อไปได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2207/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระหนี้โดยทนายความไม่มีอำนาจ การชำระหนี้ไม่ผูกพันโจทก์
การที่ทนายโจทก์ได้ รับ ชำระหนี้จากจำเลยนอกศาลโดย ไม่ปรากฏ หลักฐานว่าโจทก์ได้ มอบอำนาจให้ทนายโจทก์รับเงินนั้นแทน ย่อมไม่ผูกพันโจทก์ เพราะทนายโจทก์ในฐานะ ทนายความไม่มีอำนาจรับเงินนอกศาลแทนโจทก์ซึ่ง เป็นตัวความ การที่จำเลยชำระหนี้ให้แก่ทนายโจทก์ เท่ากับเป็นการชำระหนี้ให้แก่บุคคลผู้ไม่มีอำนาจระงับหนี้ได้เมื่อโจทก์ไม่ได้ให้สัตยาบันในการกระทำดังกล่าวของทนายโจทก์ การชำระหนี้ของจำเลย จึงไม่ชอบด้วย ป.พ.พ. มาตรา 315 ดังนี้ ถือ ไม่ ได้ว่าจำเลยได้ ชำระหนี้แก่โจทก์ตาม กฎหมายแล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2206/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดชอบของผู้แต่งทนาย ความบกพร่องในการติดตามคดี และเหตุสมควรขอพิจารณาใหม่
การที่จำเลยได้ แต่งตั้ง ทนายความ แต่ ทนายความของจำเลยไม่ได้ยื่นคำให้การและไม่มาศาลในวันสืบพยานโจทก์ เป็นความบกพร่อง ของจำเลยเองที่ไม่หาผู้ที่รับมอบหมายที่เชื่อถือ ได้ และไม่สนใจ ติดตามเรื่องที่ตน ถูก ฟ้อง ดังนี้ ไม่ใช่เหตุสมควรที่จะขอให้ พิจารณาใหม่ ตามป.วิ.พ. มาตรา 209.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2195/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาที่ไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย ไม่สามารถนำมาใช้เป็นหลักฐานในคดีแพ่งได้
จำเลยทั้งสองให้การต่อสู้ ว่า จำเลยที่ 1 ไม่เคยกู้เงินโจทก์ และจำเลยทั้งสองไม่เคยทำสัญญากู้และสัญญาค้ำประกันกับโจทก์ตาม ฟ้อง โจทก์จะต้อง อ้างสัญญากู้และสัญญาค้ำประกันเป็นพยานหลักฐานในคดี เมื่อสัญญากู้ที่โจทก์อ้างจำนวนเงิน 55,816 บาทซึ่ง ตาม ป.รัษฎากรจะต้อง ปิด อากรแสตมป์ 28 บาท แต่ ปิดมาเพียง 20บาท ขาดไป 8 บาท ส่วนสัญญาค้ำประกันซึ่ง ค้ำประกันสัญญากู้ ซึ่ง ตามป.รัษฎากรต้อง ปิด อากรแสตมป์ 10 บาท แต่ ไม่ได้ปิด อากรแสตมป์เลยจึงถือ ได้ ว่าเป็นตราสารที่มิได้ปิดแสตมป์บริบูรณ์ และไม่อาจใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งได้ ตาม ป.รัษฎากร มาตรา 118 ดังนี้ ถือ ว่าโจทก์ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือที่มีลายมือชื่อผู้กู้และ ผู้ค้ำประกัน จึงไม่อาจฟ้องคดีให้จำเลยที่ 1 รับผิดตาม สัญญากู้ จำเลยที่ 2 รับผิดตามสัญญาค้ำประกันได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2170/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
บันดาลโทสะจากพฤติการณ์ข่มเหง การทำร้ายร่างกายต่อเนื่องเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย ศาลใช้ดุลพินิจลดโทษ
ผู้ตายชอบข่มขู่เรียกค่าคุ้มครองจากจำเลย และกลั่นแกล้งจำเลยต่าง ๆ นานา วันเกิดเหตุผู้ตายดึง เอากุญแจรถจักรยานยนต์ของจำเลยไปในขณะที่จำเลยกำลังจะออกไปส่งเนื้อสุกรให้แก่ลูกค้า จำเลยตาม ไปทวงคืน ผู้ตายทำท่าจะยื่นกุญแจรถให้แต่ แล้วกลับต่อย จำเลยก่อนผู้ตายมีลักษณะคล้ายเป็นคนอันธพาลและเป็นฝ่ายก่อเหตุขึ้นก่อน จำเลยจึงใช้ มีดหั่นเนื้อสุกรฟันและแทงผู้ตาย ดังนี้เป็นการกระทำโดย บันดาลโทสะเพราะถูก ข่มเหงอย่างร้ายแรง ด้วย เหตุไม่ เป็นธรรม ตามป.อ. มาตรา 72.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2140/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าหนี้ทราบฐานะลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัวแล้ว แต่ยังให้กู้ยืมเงินเพิ่มและรับเช็ค ย่อมไม่มีสิทธิขอรับชำระหนี้
เจ้าหนี้รู้อยู่แล้วว่า ลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัว และไม่มีเงินพอที่จะชำระหนี้ แต่เจ้าหนี้ยังเสี่ยงให้ลูกหนี้กู้ยืมเงินเพิ่มและยอมรับเช็คของลูกหนี้ไว้ หนี้ที่เจ้าหนี้ยอมให้ลูกหนี้กระทำขึ้นเมื่อเจ้าหนี้ได้รู้ถึงการที่ลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัวแล้วเช่นนี้เป็นกรณีที่ต้องห้ามมิให้ขอรับชำระหนี้ตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 94(2).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2140/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนี้ที่เกิดจากการให้กู้ยืมเมื่อลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัว เป็นหนี้ที่มิอาจขอรับชำระในคดีล้มละลาย
เจ้าหนี้รู้อยู่แล้วว่า ลูกหนี้มีหนี้สินพ้นตัวและไม่มีเงินพอที่จะชำระหนี้ แต่เจ้าหนี้ยังเสี่ยงให้ลูกหนี้กู้ยืมเงินเพิ่มและยอมรับเช็คของลูกหนี้ไว้ หนี้ที่เจ้าหนี้ยอมให้ลูกหนี้กระทำขึ้นเมื่อเจ้าหนี้ได้รู้ถึงการที่ลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัวแล้วเช่นนี้ เป็นกรณีที่ต้องห้ามมิให้ขอรับชำระหนี้ตามพระราชบัญญัติ ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 94(2)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1872/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความชอบด้วยกฎหมายของฟ้องอาญาเช็ค และการพิจารณาหลักฐานการปฏิเสธการจ่ายเงิน
แม้โจทก์ไม่ได้ระบุในฟ้องว่าจำเลยที่ 2 เขียนเช็ค มอบ ให้โจทก์วันใด และที่ใด เป็นค่าอะไรก็ตาม แต่ โจทก์ได้ บรรยายวันเดือน ปีที่ลงในเช็ค อัน เป็นวันที่ถึง กำหนดต้อง ชำระเงินซึ่ง ถือ ว่าเป็นวันออกเช็คตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯ มาตรา 3และได้ ระบุสถานที่เกิดเหตุไว้แล้ว ส่วนข้อที่ว่าโจทก์ ไม่ได้บรรยายว่า จำเลยที่ 2 มอบเช็ค ให้โจทก์ที่ใด เป็นการชำระหนี้ ค่าอะไรเป็นรายละเอียดที่จะต้อง นำสืบกันในชั้นพิจารณา หาใช่ สาระสำคัญที่โจทก์จำเป็นต้อง กล่าวในฟ้องไม่ ฟ้องโจทก์จึงเป็น ฟ้องที่ชอบด้วยป.วิ.อ. มาตรา 158(5) โจทก์บรรยายฟ้องว่า ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินเมื่อวันที่21 พฤศจิกายน 2528 จำเลยอ้างว่าหลงต่อสู้อ้างใบคืนเช็ค เพื่อพิสูจน์ให้ศาลเห็นว่า ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินครั้งแรกในวันที่18 พฤศจิกายน 2528 ดังนี้ เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่า ธนาคาร ปฏิเสธการจ่ายโดย ให้เหตุผลว่า "ยังรอเรียกเก็บอยู่ โปรดนำ มายื่นใหม่"โจทก์จึงมีสิทธินำเช็ค พิพาทไปเรียกเก็บเงินได้ อีก เมื่อธนาคารตามเช็ค ปฏิเสธการจ่ายเงินในวันที่ 21 พฤศจิกายน 2528 อีกโดย ให้เหตุผลว่าโปรดติดต่อ ผู้สั่งจ่าย ทั้งในวันที่ลงใน เช็ค พิพาทปรากฏว่าเงินในบัญชีของจำเลยไม่พอจ่าย คำฟ้องของโจทก์ ที่เกี่ยวกับเช็ค พิพาทจึงตรงกับข้อเท็จจริงที่ปรากฏในทางพิจารณา หาได้แตกต่าง ไปจากคำฟ้องของโจทก์ไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1304/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าซื้อ, การส่งมอบรถ, ค่าเสียหาย, เบี้ยปรับ, ดอกเบี้ย, ศาลลดเบี้ยปรับ
ตาม สัญญาเช่าซื้อระบุว่าผู้เช่าซื้อยอมเสียดอกเบี้ย ในค่าเสียหายร้อยละ 18 ต่อปี ข้อสัญญาดังกล่าวเป็นวิธีการกำหนดค่าเสียหายวิธีหนึ่ง มีลักษณะเป็นการกำหนดเบี้ยปรับ ซึ่ง ถ้าหากกำหนดไว้สูงเกินส่วนศาลอาจลดลงเป็นจำนวนที่พอสมควรได้ ตาม ป.พ.พ.มาตรา 383.