คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
จำลอง สุขศิริ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 525 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2628/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ตัวการร่วมปล้นทรัพย์: เจตนาตั้งแต่ต้นจนสิ้นสุด
จำเลยขับรถจักรยานยนต์โดยมี ห.และ พ.นั่งซ้อนท้ายแล่นแซงหน้ารถยนต์ของผู้เสียหายจนผู้เสียหายหยุดรถ เมื่อผู้เสียหายลงจากรถก็ถูกจำเลยชกที่ใบหน้า 1 ครั้ง และต่อมาถูกรุมทำร้ายถึงหมดสติ ห.ขับรถยนต์ของผู้เสียหายออกไป จำเลยขับรถจักรยานยนต์แล่นตามไป ครั้นรถยนต์ของผู้เสียหายยางล้อหลังด้านซ้ายแตกไม่อาจแล่นต่อไปได้ จำเลยก็หยุดรถจักรยานยนต์รับ ห.ไปด้วย เมื่อพ.ลงจากรถจักรยานยนต์ก็บอกจำเลยว่าได้กระเป๋าสตางค์ของผู้เสียหายมาด้วยการที่ ห.ขับรถยนต์ของผู้เสียหายไปนั้น จำเลยรู้เห็นด้วยจึงได้ขับรถจักรยานยนต์ติดตามไป และเมื่อรถยนต์ของผู้เสียหายเกิดยางแตกแล่นต่อไปไม่ได้ จำเลยก็จอดรถจักรยานยนต์รับ ห.ไปด้วยแล้วพากันหลบหนีไป พฤติการณ์เช่นนี้เห็นได้ว่าจำเลยมีเจตนาร่วมกระทำความผิดกับพวกมาตั้งแต่ต้นจนเหตุการณ์สิ้นสุดลง ถือได้ว่าจำเลยเป็นตัวการร่วมกับ ห.และ ส.กระทำความผิดฐานปล้นทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2628/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ร่วมกันปล้นทรัพย์: เจตนาตั้งแต่ต้นจนสิ้นสุดถือเป็นตัวการร่วม
จำเลยขับรถจักรยานยนต์โดยมีห. และพ. นั่งซ้อนท้ายแล่นแซงหน้ารถยนต์ของผู้เสียหายจนผู้เสียหายหยุดรถเมื่อผู้เสียหายลงจากรถก็ถูกจำเลยชกที่ใบหน้า1ครั้งและต่อมาถูกรุมทำร้ายถึงหมดสติห. ขับรถยนต์ของผู้เสียหายออกไปจำเลยขับรถจักรยานยนต์แล่นตามไปครั้นรถยนต์ของผู้เสียหายยางล้อหลังด้านซ้ายแตกไม่อาจแล่นต่อไปได้จำเลยก็หยุดรถจักรยานยนต์รับห. ไปด้วยเมื่อพ. ลงจากรถจักรยานยนต์ก็บอกจำเลยว่าได้กระเป๋าสตางค์ของผู้เสียหายมาด้วยการที่ห. ขับรถยนต์ของผู้เสียหายไปนั้นจำเลยรู้เห็นด้วยจึงได้ขับรถจักรยานยนต์ติดตามไปและเมื่อรถยนต์ของผู้เสียหายเกิดยางแตกแล่นต่อไปไม่ได้จำเลยก็จอดรถจักรยานยนต์รับห. ไปด้วยแล้วพากันหลบหนีไปพฤติการณ์เช่นนี้เห็นได้ว่าจำเลยมีเจตนาร่วมกระทำความผิดกับพวกมาตั้งแต่ต้นจนเหตุการณ์สิ้นสุดลงถือได้ว่าจำเลยเป็นตัวการร่วมกับห. และส. กระทำความผิดฐานปล้นทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2537/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความชอบด้วยกฎหมายของฟ้องอาญาที่ไม่ระบุวรรคของมาตราที่อ้างถึง ศาลมีหน้าที่ปรับบทมาตราให้ถูกต้อง
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา158(6)บัญญัติเพียงแต่ให้อ้างบทมาตราซึ่งกฎหมายบัญญัติว่าการกระทำเช่นนั้นเป็นความผิดก็เพียงพอแล้วหาจำต้องระบุวรรคด้วยไม่เพราะการกระทำของจำเลยจะเป็นความผิดวรรคใดเป็นหน้าที่ของศาลปรับบทมาตราและวรรคให้ถูกต้องตามฟ้องและข้อเท็จจริงที่พิจารณาได้ความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2537/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การระบุมาตราในฟ้องอาญา ไม่จำเป็นต้องระบุวรรค ศาลมีหน้าที่ปรับบทตามข้อเท็จจริง
ป.วิ.อ. มาตรา 158 บัญญัติว่า "ฟ้องต้องทำเป็นหนังสือและมี... (6) อ้างมาตราในกฎหมายซึ่งบัญญัติว่า การกระทำเช่นนั้นเป็นความผิด..." เห็นได้ว่าบทบัญญัติดังกล่าว เพียงแต่อ้างบทมาตราก็เพียงพอแล้วหาจำต้องระบุวรรคด้วยไม่ เพราะการกระทำของจำเลยจะเป็นความผิดวรรคใดเป็นหน้าที่ของศาลที่จะปรับบทมาตราและวรรคให้ถูกต้องตามฟ้องและข้อเท็จจริงที่พิจารณาได้ความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2537/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความชอบด้วยกฎหมายของฟ้องอาญาที่ไม่ระบุวรรคของมาตราที่อ้างถึง ศาลมีอำนาจปรับบทมาตราเองได้
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(6)บัญญัติเพียงแต่ให้อ้างบทมาตราซึ่งกฎหมายบัญญัติว่าการกระทำเช่นนั้นเป็นความผิดก็เพียงพอแล้วหาจำต้องระบุวรรคด้วยไม่เพราะการกระทำของจำเลยจะเป็นความผิดวรรคใดเป็นหน้าที่ของศาลปรับบทมาตราและวรรคให้ถูกต้องตามฟ้องและข้อเท็จจริงที่พิจารณาได้ความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1939/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเจ้าของกรรมสิทธิ์จากการประมูลซื้อและการละเมิดจากการไม่ยอมออกจากที่ดินหลังแจ้งให้ขนย้าย
โจทก์เป็นผู้ประมูลซื้อที่ดินและอาคารโรงงานได้จากการขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดีตามคำสั่งศาลชั้นต้นโดยสุจริตโจทก์ย่อมได้สิทธิในที่ดินและอาคารโรงงานตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1330แม้หลังจากทำการขายทอดตลาดไปแล้วจำเลยได้ยื่นคำร้องคัดค้านการขายทอดตลาดและคดีส่วนที่คัดค้านยังอยู่ระหว่างอุทธรณ์ก็เป็นเรื่องการเพิกถอนการขายทอดตลาดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา296อีกส่วนหนึ่งหาใช่เรื่องการขายทอดตลาดเป็นโมฆะไม่เมื่อศาลยังมิได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งให้เพิกถอนการขายทอดตลาดโจทก์ย่อมเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินและอาคารโรงงานโดยสมบูรณ์เมื่อโจทก์ไม่ประสงค์ให้จำเลยเจ้าของกรรมสิทธิ์เดิมซึ่งยังคงอาศัยอยู่ได้อยู่อาศัยในที่ดินและอาคารโรงงานต่อไปและได้แจ้งให้จำเลยขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกไปจำเลยเพิกเฉยการกระทำของจำเลยย่อมเป็นการละเมิดต่อโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1939/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์จากการประมูลซื้อ และการละเมิดจากการไม่ยอมขนย้ายทรัพย์สินออกจากที่ดิน
โจทก์เป็นผู้ประมูลซื้อที่ดินและอาคารโรงงานได้จากการขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดีตามคำสั่งศาลชั้นต้นโดยสุจริต โจทก์ย่อมได้สิทธิในที่ดินและอาคารโรงงานตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1330 แม้หลังจากทำการขายทอดตลาดไปแล้ว จำเลยได้ยื่นคำร้องคัดค้านการขายทอดตลาดและคดีส่วนที่คัดค้านยังอยู่ระหว่างอุทธรณ์ ก็เป็นเรื่อง การเพิกถอนการขายทอดตลาดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 296 อีกส่วนหนึ่งหาใช่เรื่องการขายทอดตลาดเป็นโมฆะไม่ เมื่อศาลยังมิได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งให้เพิกถอนการ ขายทอดตลาด โจทก์ย่อมเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินและอาคารโรงงานโดยสมบูรณ์ เมื่อโจทก์ไม่ประสงค์ให้จำเลยเจ้าของกรรมสิทธิ์เดิมซึ่งยังคงอาศัยอยู่ ได้อยู่อาศัยในที่ดินและอาคารโรงงานต่อไป และได้แจ้งให้จำเลยขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกไป จำเลยเพิกเฉย การกระทำของจำเลยย่อมเป็นการละเมิดต่อโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1903/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการเช่าหมดอายุ ผู้ครอบครองไม่มีอำนาจฟ้องเพิกถอนสัญญาเช่าระหว่างผู้อื่นกับเจ้าของทรัพย์
โจทก์เป็น ผู้ครอบครอง ตึกแถวตาม สัญญาเช่าเดิมซึ่งครบกำหนดไปแล้วไม่อาจอ้างสิทธิใดๆในตึกแถวพิพาทได้อีกแม้จำเลยจะหลอกลวงผู้ให้เช่าทำสัญญาให้จำเลยเช่าตึกแถวดังกล่าวผู้ให้เช่าเท่านั้นที่ใช้สิทธิบอกล้างหรือฟ้องให้เพิกถอนได้โจทก์ ไม่มี นิติสัมพันธ์ใดๆกับจำเลยจึงบอกล้างหรือฟ้องเพิกถอนสัญญาเช่าดังกล่าวมิได้และการที่จำเลยบอกกล่าวให้โจทก์ออกจากตึกแถวพิพาทโดยอ้างว่าจำเลยได้เป็นผู้เช่าแล้วถือไม่ได้ว่าจำเลย โต้แย้งสิทธิของโจทก์โจทก์จึง ไม่มี อำนาจฟ้องขอให้ศาลพิพากษาแสดงว่าโจทก์มี สิทธิการเช่าดีกว่า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1903/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิของอดีตผู้เช่า: ไม่มีอำนาจฟ้องเพิกถอนสัญญาเช่าระหว่างเจ้าของกับผู้เช่ารายใหม่
โจทก์เป็นผู้ครอบครองตึกแถวตามสัญญาเช่าเดิมซึ่งครบกำหนดไปแล้ว โจทก์จึงไม่อาจอ้างสิทธิใด ๆ ในตึกแถวพิพาทได้อีก การที่วัด ส.ซึ่งเป็นผู้ให้เช่าทำสัญญาให้จำเลยเช่าตึกแถวที่โจทก์ครอบครองอยู่ แม้หากจะฟังว่าเพราะถูกจำเลยหลอกลวง วัด ส.ซึ่งเป็นคู่สัญญากับจำเลยเท่านั้นที่จะใช้สิทธิบอกล้างหรือฟ้องให้เพิกถอนได้ โจทก์ไม่มีนิติสัมพันธ์ใด ๆ กับจำเลย จึงจะใช้สิทธิบอกล้างหรือฟ้องเพิกถอนสัญญาเช่าดังกล่าวมิได้ หากโจทก์เห็นว่าการที่วัด ส.ทำสัญญาให้จำเลยเช่าตึกแถวพิพาทเป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์ซึ่งเคยเป็นคู่สัญญาเช่าเดิมกับวัด ส. ก็ชอบที่โจทก์จะฟ้องวัด ส.มิใช่ฟ้องจำเลย ส่วนการที่จำเลยได้บอกกล่าวให้โจทก์ออกจากตึกแถวพิพาทโดยอ้างว่าจำเลยได้เป็นผู้เช่าตึกแถวกับวัด ส.แล้ว ก็ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยได้กระทำการอันเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1903/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องจำเลยในสัญญาเช่าซ้อน โจทก์ไม่มีนิติสัมพันธ์กับจำเลย สิทธิอยู่ที่ผู้ให้เช่า
โจทก์เป็นผู้ครอบครองตึกแถวตามสัญญาเช่าเดิมซึ่งครบกำหนดไปแล้วโจทก์จึงไม่อาจอ้างสิทธิใดๆในตึกแถวได้อีกการที่ส.ซึ่งเป็นผู้ให้เช่าทำสัญญาให้จำเลยเช่าตึกแถวแม้จะฟังว่าจำเลยหลอกลวงส. ให้จำเลยเช่าตึกแถวที่โจทก์ครอบครองอยู่ส.ซึ่งเป็นคู่สัญญากับจำเลยเท่านั้นจะใช้สิทธิบอกล้างหรือฟ้องให้เพิกถอนได้โจทก์ไม่มีนิติสัมพันธ์ใดๆกับจำเลยจึงจะใช้สิทธิบอกล้างหรือฟ้องเพิกถอนสัญญาเช่าดังกล่าวมิได้หากโจทก์เห็นว่าการที่ส. ทำสัญญาให้จำเลยเช่าตึกแถวเป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์ก็ชอบที่โจทก์จะฟ้องส. มิใช่ฟ้องจำเลยส่วนการที่จำเลยได้บอกกล่าวให้โจทก์ออกจากตึกแถวโดยอ้างว่าจำเลยได้เป็นผู้เช่าตึกแถวกับส. แล้วก็ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยได้กระทำการอันเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา55โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลย
of 53