พบผลลัพธ์ทั้งหมด 149 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3046/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องเรียกค่าเช็คโดยไม่ต้องอาศัยมูลความผิดอาญา ศาลไม่ต้องผูกพันตามคำพิพากษาคดีอาญา
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยรับผิดใช้เงินตามเช็คอันเป็นสิทธิเรียกร้องโดยไม่ต้องอาศัยมูลความผิดอาญาตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ.2497จึงไม่ใช่คดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาข้อที่จำเลยอ้างว่าศาลต้องฟังข้อเท็จจริงคดีนี้ตามคำพิพากษาส่วนอาญาของศาลชั้นต้นที่พิพากษาว่าลูกวงแชร์เป็นผู้ทรงเช็คจึงฟังไม่ขึ้น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3046/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องเรียกเงินตามเช็คโดยไม่ต้องอาศัยความผิดอาญา ผู้ครอบครองเช็คมีสิทธิเรียกร้องได้
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยรับผิดใช้เงินตามเช็คอันเป็นสิทธิเรียกร้องโดยไม่ต้องอาศัยมูลความผิดอาญาตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2497 จึงไม่ใช่คดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา ข้อที่จำเลยอ้างว่าศาลต้องฟังข้อเท็จจริงคดีนี้ตามคำพิพากษาส่วนอาญาของศาลชั้นต้นที่พิพากษาว่าลูกวงแชร์เป็นผู้ทรงเช็คจึงฟังไม่ขึ้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2286/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลคำพิพากษาคดีอาญาผูกพันคดีแพ่ง: กรรมสิทธิ์ที่ดิน – ประเด็นเดียวกันต้องวินิจฉัยสอดคล้องกัน
โจทก์เคยฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญาในข้อหาบุกรุกที่พิพาทซึ่งศาลอุทธรณ์พิพากษายืนให้ยกฟ้องโจทก์โดยวินิจฉัยว่าพยานหลักฐานโจทก์ไม่พอฟังว่าโจทก์เป็นเจ้าของที่ดินตามฟ้องซึ่งเท่ากับฟังว่าโจทก์ไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทและคดีถึงที่สุดแล้วโจทก์มาฟ้องจำเลยเป็นคดีแพ่งหาว่าจำเลยได้เข้าครอบครองที่ดินโจทก์ขอให้ขับไล่ซึ่งมีประเด็นที่ศาลจะต้องวินิจฉัยอย่างเดียวกันว่าโจทก์มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทหรือไม่ในการพิพากษาคดีส่วนแพ่งนี้ศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาส่วนอาญาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา46.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2286/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อพิพาทกรรมสิทธิ์ที่ดิน: ผลผูกพันคำพิพากษาคดีอาญาต่อคดีแพ่ง
โจทก์เคยฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญาในข้อหาบุกรุกที่พิพาทซึ่งศาลอุทธรณ์พิพากษายืนให้ยกฟ้องโจทก์โดยวินิจฉัยว่าพยานหลักฐานโจทก์ไม่พอฟังว่าโจทก์เป็นเจ้าของที่ดินตามฟ้องซึ่งเท่ากับฟังว่าโจทก์ไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทและคดีถึงที่สุดแล้วโจทก์มาฟ้องจำเลยเป็นคดีแพ่งหาว่าจำเลยได้เข้าครอบครองที่ดินโจทก์ขอให้ขับไล่ซึ่งมีประเด็นที่ศาลจะต้องวินิจฉัยอย่างเดียวกันว่าโจทก์มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทหรือไม่ในการพิพากษาคดีส่วนแพ่งนี้ศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาส่วนอาญาตามป.วิ.อ.มาตรา46.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4949/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยอมรับสารภาพในชั้นสอบสวนและการเปรียบเทียบปรับ ไม่ผูกพันคดีแพ่ง ศาลต้องพิจารณาพยานหลักฐานใหม่
การที่จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนในข้อหาขับรถประมาทเป็นเหตุให้ทรัพย์สินของผู้อื่นเสียหาย และยินยอมให้พนักงานสอบสวนเปรียบเทียบปรับ ผลของการเปรียบเทียบปรับดังกล่าวไม่ใช่คำพิพากษาในส่วนอาญาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46 ดังนั้นการพิพากษาคดีส่วนแพ่งศาลจึงไม่จำต้องถือข้อเท็จจริงตามดังที่บัญญัติไว้ในบทมาตราดังกล่าว และจำเลยอาจนำสืบโต้แย้งเป็นอย่างอื่นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3591/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อจำกัดการฎีกาในคดีที่ศาลชั้นต้นและอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง และคดีมีทุนทรัพย์น้อยกว่าที่กฎหมายกำหนด
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยบุกรุก ทำให้เสียทรัพย์ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง โดยฟังข้อเท็จจริงว่าที่พิพาทเป็นที่สาธารณประโยชน์ และฟังไม่ได้ว่าจำเลยทำให้เสียทรัพย์ตามฟ้อง โจทก์จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 คดีส่วนแพ่ง โจทก์เรียกร้องให้จำเลยร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายรวมทั้งสิ้นเป็นเงิน 32,600 บาท จึงเป็นคดีมีทุนทรัพย์ไม่เกิน 50,000 บาทต้องห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 ทั้งไม่ปรากฏข้อกฎหมายที่ยกขึ้นอ้างอิงในฎีกาโดยแจ้งชัดแต่อย่างใด จึงเป็นฎีกาที่ไม่ชอบด้วยมาตรา 249
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 914/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องละเมิดจากข้อกล่าวหาเท็จ การใช้พยานหลักฐานจากคดีอาญา และอำนาจศาลในการพิจารณาพยาน
แม้โจทก์จำเลยสืบพยานเสร็จและนัดฟังคำพิพากษาแล้วแต่คดีอาญาที่โจทก์ฟ้องจำเลย ศาลเพิ่งพิพากษา ดังนี้ จำเลยมีสิทธิยื่นคำร้องต่อศาลขออนุญาตอ้างสำเนาคำพิพากษาคดีอาญาดังกล่าว เป็นพยานหลักฐานเพิ่มเติมได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 วรรคสาม
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยใส่ความโจทก์ เป็นละเมิด เรียกค่าเสียหายเป็นคดีที่มีมูลมาจากการที่โจทก์ฟ้องกล่าวหาจำเลยกระทำผิดในคดีอาญาข้อหาแจ้งความเท็จ ดูหมิ่นเจ้าพนักงานหมิ่นประมาท คดีนี้ จึงเป็นคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยใส่ความโจทก์ เป็นละเมิด เรียกค่าเสียหายเป็นคดีที่มีมูลมาจากการที่โจทก์ฟ้องกล่าวหาจำเลยกระทำผิดในคดีอาญาข้อหาแจ้งความเท็จ ดูหมิ่นเจ้าพนักงานหมิ่นประมาท คดีนี้ จึงเป็นคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 45/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีแพ่งเกี่ยวเนื่องคดีอาญา: ศาลต้องยึดข้อเท็จจริงจากคำพิพากษาคดีอาญาถึงที่สุด หากคดีอาญาไม่พบว่าจำเลยกระทำละเมิด คดีแพ่งก็ต้องยกฟ้อง
อัยการฟ้องจำเลยว่าทำให้เกิดเพลิงไหม้โดยประมาทเป็นเหตุให้ทรัพย์สินของโจทก์ในคดีนี้เสียหาย ซึ่งโจทก์คดีนี้เข้าเป็นโจทก์ร่วมในคดีอาญาดังกล่าวด้วย คดีนี้จึงเป็นคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา เมื่อคดีอาญาศาลอุทธรณ์พิพากษายืนยกฟ้อง ถึงที่สุดแล้ว ก่อนศาลอุทธรณ์จะพิพากษาคดีนี้ ศาลอุทธรณ์จำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา46 ฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์ เมื่อศาลอุทธรณ์ยังคงพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ ศาลฎีกาต้องพิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3282/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการสั่งให้จำเลยออกจากที่ดินที่บุกรุกในคดีอาญา: ศาลสั่งได้เฉพาะโทษอาญา
ในคดีอาญาที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานบุกรุกและมีคำขอให้จำเลยและบริวารออกจากที่ดินที่บุกรุกด้วย แม้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยในความผิดฐานบุกรุก ก็ต้องยกคำขอที่ให้จำเลยและบริวารออกจากที่ดินที่บุกรุก เพราะไม่มีกฎหมายให้อำนาจศาลสั่งตามคำขอเช่นนั้นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 250/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลของการอุทธรณ์ในส่วนแพ่งต่อคำพิพากษาในคดีส่วนแพ่ง และสิทธิในการบังคับคดี
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 341 ให้จำเลยคืนที่ดินหรือใช้เงินแก่ผู้เสียหาย จำเลยอุทธรณ์ว่า จำเลยได้ชำระราคาที่ดินให้แก่ตัวแทนของผู้เสียหายครบถ้วนแล้ว ขอให้ยกฟ้องโจทก์ อุทธรณ์ของจำเลยดังกล่าวจึงเป็นอุทธรณ์ในส่วนแพ่งด้วย ดังนั้นการที่ศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาวินิจฉัยต้องกันว่า ข้อที่ฝ่ายผู้เสียหายอ้างว่าจำเลยยังมิได้ชำระเงินค่าที่ดินที่ยังค้างชำระชอบที่จะไปว่ากล่าวกันในทางแพ่งและพิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์นั้น ย่อมมีผลให้คำพิพากษาในคดีส่วนแพ่งของศาลชั้นต้นตกไปด้วย หาได้ถึงที่สุดไม่ผู้เสียหายจึงยังไม่ใช่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษา จะขอบังคับคดีแก่จำเลยหาได้ไม่