พบผลลัพธ์ทั้งหมด 378 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 400/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องของตัวแทน, อายุความละเมิด, และความรับผิดของผู้ละเวรยาม
ขณะโจทก์ฟ้องอธิบดีกรมโจทก์ไปราชการต่างจังหวัด รองอธิบดีกรมโจทก์เป็นผู้รักษาการแทนอธิบดีย่อมมีฐานะเป็นผู้แทนของโจทก์และมีอำนาจกระทำการต่าง ๆ แทนโจทก์ได้เช่นเดียวกับอธิบดีตามที่กำหนดไว้ในประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 218 ลงวันที่ 29 กันยายนพุทธศักราช 2515 ข้อ 42 วรรคสอง และข้อ 44 วรรคแรก รองอธิบดีจึงมีอำนาจลงนามในใบแต่งทนายความให้ฟ้องได้โดยมิต้องมีการมอบหมายจากอธิบดี ผู้แทนของกรมโจทก์คืออธิบดี จังหวัดเป็นนิติบุคคลต่างหากจากกรมโจทก์ ผู้ว่าราชการจังหวัดจึงมิใช่ผู้แทนของโจทก์ การที่ผู้ว่าราชการจังหวัดรู้ถึงตัวผู้ทำละเมิดนั้นจะถือว่าโจทก์รู้ยังไม่ได้ อธิบดีกรมโจทก์ได้รู้ถึงตัวผู้ทำละเมิดเมื่อวันที่ 8กุมภาพันธ์ 2526 โจทก์มาฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2527คดีของโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ วันเกิดเหตุจำเลยที่ 1 มีหน้าที่อยู่เวรยาม แต่ผู้กำกับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนมสั่งให้จำเลยที่ 1 ไปราชการที่กรุงเทพมหานครจำเลยที่ 1 จึงไปราชการโดยไม่แจ้งให้จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นหัวหน้าเวรทราบตามระเบียบซึ่งกำหนดว่า ผู้ใดไม่สามารถอยู่เวรวันใดได้ให้แจ้งหัวหน้าทราบ จึงไม่มีการจัดเวรยามอยู่รักษาการณ์ เป็นเหตุให้ทรัพย์สินของโจทก์ถูกคนร้ายลักไป การที่จำเลยที่ 1 ละเลยต่อหน้าที่ที่ต้องมีตามที่กำหนดไว้โดยไม่บอกกล่าวให้จำเลยที่ 2 จัดเวรยามแทนในเมื่อตนจะต้องไปราชการตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาไม่อาจมาอยู่เวรยามตามกำหนด จึงเป็นเหตุโดยตรงต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นของโจทก์ ต้องถือว่าจำเลยที่ 1 ได้ทำละเมิดต่อโจทก์ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 312/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือมอบอำนาจที่ไม่ชัดเจน และการให้สัตยาบันการซื้อขายสินค้าโดยตัวแทนที่ไม่มีอำนาจ
จำเลยให้การว่าหนังสือมอบอำนาจของโจทก์ไม่ชอบด้วยกฎหมายแต่มิได้ให้การว่าหนังสือมอบอำนาจของโจทก์ไม่ชอบด้วยกฎหมายอย่างไรจึงไม่มีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัย แม้ศาลล่างทั้งสองจะวินิจฉัยปัญหาข้อนี้ให้ ก็เป็นการไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา จำเลยให้การเพียงว่า จำเลยไม่ได้สั่งซื้อสินค้า โดยมิได้กล่าวถึงเรื่องที่โจทก์อ้างว่าได้ส่งสินค้ามาให้จำเลยรับไว้แล้วจึงต้องถือว่าจำเลยได้รับสินค้าตามที่โจทก์ส่งมาให้แล้ว แม้การกระทำของกรรมการเพียงคนเดียวของจำเลยจะขัดกับข้อบังคับของจำเลยซึ่งระบุไว้ว่าต้องมีกรรมการสองคนลงชื่อร่วมกัน อันถือไม่ได้ว่าเป็นการกระทำของผู้แทนนิติบุคคลก็ตาม แต่การสั่งซื้อสินค้าของกรรมการดังกล่าวก็ถือได้ว่าเป็นการกระทำของตัวแทนของจำเลยที่กระทำโดยปราศจากอำนาจ การที่จำเลยรับสินค้าไว้โดยมิได้อิดเอื้อนหรือส่งสินค้าคืนโจทก์ ถือว่าจำเลยให้ให้สัตยาบันแก่การสั่งซื้อสินค้านั้น จำเลยจึงต้องผูกพันชำระราคาสินค้าแก่โจทก์ การที่โจทก์กล่าวในฟ้องว่าจำเลยสั่งซื้อสินค้าจากโจทก์ แต่นำสืบว่ากรรมการของจำเลยเป็นตัวแทนสั่งซื้อสินค้าให้จำเลย ก็ไม่ใช่เป็นเรื่องนอกฟ้องนอกประเด็น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 312/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือมอบอำนาจไม่ชอบด้วยกฎหมาย และผลของการรับสินค้าโดยปราศจากอำนาจ สัญญาซื้อขาย
คำให้การของจำเลยที่ว่า หนังสือมอบอำนาจของโจทก์ไม่ชอบด้วยกฎหมาย โจทก์ไม่บรรยายฟ้องว่า โจทก์มีใครเป็นกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนโจทก์และลายมือชื่อของผู้มอบอำนาจในหนังสือมอบอำนาจท้ายฟ้องเป็นลายมือชื่อของผู้ใด มีอำนาจกระทำการแทนโจทก์ได้หรือไม่อย่างไร ทำให้จำเลยไม่สามารถเข้าใจและให้การแก้คดีได้ถูกต้อง จึงเป็นฟ้องเคลือบคลุมนั้น เป็นการต่อสู้ว่าฟ้องของโจทก์เคลือบคลุมเพียงอย่างเดียวจำเลยมิได้ให้การถึงเหตุที่อ้างว่าหนังสือมอบอำนาจของโจทก์ไม่ชอบด้วยกฎหมายอย่างไรจึงไม่มีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยในปัญหาดังกล่าว การที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยในปัญหาข้อนี้ให้เป็นการไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณาศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย โจทก์กล่าวในฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ได้สั่งซื้อสินค้าตามฟ้องจากโจทก์ต่อมาโจทก์ได้จัดส่งสินค้าดังกล่าวมาให้จำเลยรับไว้แล้วจำเลยให้การเพียงว่า จำเลยที่ 1 ไม่ได้สั่งซื้อสินค้าตามฟ้องโดยมิได้กล่าวถึงเรื่องที่โจทก์อ้างว่าได้ส่งสินค้ามาให้จำเลยรับไว้แล้ว จึงต้องถือว่าจำเลยที่ 1 ได้รับสินค้าดังกล่าวตามที่โจทก์ส่งมาให้แล้ว ข้อบังคับของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัท-จำกัดกำหนดไว้ว่า กรรมการสองคนลงลายมือชื่อร่วมกันและประทับตราสำคัญของบริษัท จึงจะทำการผูกพันบริษัทได้ ดังนั้น การที่กรรมการเพียงคนเดียวของจำเลยที่ 1 สั่งซื้อสินค้าจึงเป็นการกระทำของตัวแทนที่กระทำโดยปราศจากอำนาจ แต่เมื่อจำเลยที่ 1 ยอมรับสินค้าไว้โดยมิได้อิดเอื้อน หรือส่งสินค้าคืนโจทก์ ถือได้ว่าเป็นการให้สัตยาบันอันมีผลผูกพันจำเลยที่ 1 ในฐานะตัวการที่จะต้องชำระราคาสินค้าให้โจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 823 โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 สั่งซื้อสินค้าจากโจทก์ การที่โจทก์นำสืบว่า กรรมการของจำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนสั่งซื้อสินค้าให้จำเลยที่ 1 ถือว่าอยู่ในประเด็นตามที่โจทก์ฟ้อง หาใช่เป็นการนำสืบนอกฟ้องนอกประเด็นไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5479/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องบังคับตามสัญญาประกันของพนักงานสอบสวน: ทำสัญญาเอง ฟ้องเองได้
พนักงานสอบสวนมิใช่หน่วยงาน แต่เป็นบุคคลธรรมดามีฐานะเป็นเจ้าพนักงานซึ่งกฎหมายกำหนดให้มีอำนาจและหน้าที่ทำการสอบสวนคดีอาญา และมีอำนาจสั่งคำร้องขอให้ประกันตัวผู้ต้องหาตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดไว้ เมื่อจำเลยขอประกันตัวผู้ต้องหาต่อโจทก์ซึ่งเป็นพนักงานสอบสวนและทำสัญญาประกันแล้ว โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องบังคับตามสัญญาประกันได้ตามอำนาจหน้าที่ของพนักงานสอบสวนเอง มิใช่เป็นการกระทำแทนหรือกระทำในนามกรมตำรวจ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5479/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องบังคับตามสัญญาประกันของพนักงานสอบสวน: ไม่ใช่การกระทำแทนกรมตำรวจ
พนักงานสอบสวนมิใช่หน่วยงาน แต่เป็นบุคคลธรรมดามีฐานะเป็นเจ้าพนักงานซึ่งกฎหมายกำหนดให้มีอำนาจและหน้าที่ทำการสอบสวนคดีอาญา และมีอำนาจสั่งคำร้องขอให้ประกันตัวผู้ต้องหาตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดไว้ เมื่อจำเลยขอประกันตัวผู้ต้องหาต่อโจทก์ซึ่งเป็นพนักงานสอบสวนและทำสัญญาประกันแล้ว โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องบังคับตามสัญญาประกันได้ตามอำนาจหน้าที่ของพนักงานสอบสวนเอง มิใช่เป็นการกระทำแทนหรือกระทำในนามกรมตำรวจ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5454/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ระเบียบภายในหน่วยงานราชการไม่อาจใช้ต่อสู้บุคคลภายนอกที่ไม่ทราบได้
การที่จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้บัญชาการเรือนจำซื้อสินค้าจากโจทก์ไปใช้ในกิจการของเรือนจำแล้วมิได้จัดให้มีการตั้งบัญชีเจ้าหนี้ไว้ตามระเบียบปฏิบัติราชการของกรมราชทัณฑ์จำเลยที่ 2ที่วางไว้เพื่อให้มีผลผูกพันจำเลยที่ 2 นั้น เป็นเพียงระเบียบปฏิบัติภายในของจำเลยที่ 2 ไม่อาจยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้โจทก์ผู้เป็นบุคคลภายนอกและไม่ทราบถึงระเบียบดังกล่าวได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5454/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หน่วยราชการต้องรับผิดค่าสินค้า แม้มิได้ตั้งบัญชีเจ้าหนี้ หากซื้อสินค้าไปใช้ในกิจการ
การที่จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้บัญชาการเรือนจำซื้อสินค้าจากโจทก์ไปใช้ในกิจการของเรือนจำแล้วมิได้จัดให้มีการตั้งบัญชีเจ้าหนี้ไว้ตามระเบียบปฏิบัติราชการของกรมราชทัณฑ์จำเลยที่ 2 ที่วางไว้เพื่อให้มีผลผูกพันจำเลยที่ 2 นั้น เป็นเพียงระเบียบปฏิบัติภายในของจำเลยที่ 2 ไม่อาจยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้โจทก์ผู้เป็นบุคคลภายนอกและไม่ทราบถึงระเบียบดังกล่าวได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4977-4979/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องของผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสที่แต่งตั้งโดยอธิบดีสงฆ์พม่า: ไม่ชอบด้วยกฎหมายเมื่อขัดต่อ พ.ร.บ.คณะสงฆ์
โจทก์เป็นวัดที่อยู่ในความปกครองของคณะสงฆ์ไทย พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 มาตรา 46 บัญญัติว่า "การปกครองคณะสงฆ์อื่นนอกจากคณะสงฆ์ไทยให้เป็นไปตามกฎกระทรวง" แต่ก็ยังไม่ปรากฏว่าได้ออกกฎกระทรวงใช้บังคับแก่คณะสงฆ์อื่นนอกจากคณะสงฆ์จีนนิกายอนัมนิกายแต่อย่างใด การแต่งตั้งผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสของโจทก์จึงต้องปฏิบัติตาม พ.ร.บ. คณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 และกฎมหาเถรสมาคมดังนั้น การที่อธิบดีสงฆ์พม่าแต่งตั้งพระณรงค์ นันทิโยเป็นผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสของโจทก์จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะมิใช่เป็นการแต่งตั้งตาม พ.ร.บ. คณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 และกฎมหาเถรสมาคม พระณรงค์ นันทิโย จึงไม่มีอำนาจฟ้องในฐานะผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสของโจทก์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4822/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องขึ้นอยู่กับการพิสูจน์สถานะผู้มีอำนาจกระทำการแทนโจทก์ในขณะฟ้องคดี
จำเลยทั้งสองได้ปฏิเสธไว้โดยชัดแจ้งในคำให้การแล้วว่า ว.ไม่ใช่อธิบดีโจทก์ในขณะฟ้องคดี และมิใช่ผู้มีอำนาจกระทำการแทนโจทก์ ซึ่งศาลได้กำหนดเป็นประเด็นข้อพิพาทไว้แล้วข้อเท็จจริงดังกล่าวจึงเป็นข้อเท็จจริงที่โจทก์จะต้องนำสืบ มิใช่เป็นข้อเท็จจริงที่รู้กันอยู่ทั่วไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4822/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้อง: โจทก์ต้องพิสูจน์สถานะและอำนาจของผู้ลงชื่อฟ้อง หากจำเลยปฏิเสธ
จำเลยทั้งสองได้ปฏิเสธไว้โดยชัดแจ้งในคำให้การแล้วว่า ว.ไม่ใช่อธิบดีโจทก์ในขณะฟ้องคดี และมิใช่ผู้มีอำนาจกระทำการแทนโจทก์ซึ่งศาลได้กำหนดเป็นประเด็นข้อพิพาทไว้แล้วข้อเท็จจริงดังกล่าวจึงเป็นข้อเท็จจริงที่โจทก์จะต้องนำสืบ มิใช่เป็นข้อเท็จจริงที่รู้กันอยู่ทั่วไป.