คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 916

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 234 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1003/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับโอนเช็คพิพาทด้วยเจตนาฉ้อฉล โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเรียกเงินตามเช็ค
จำเลยที่1ได้ทำสัญญาจ้างจำเลยที่2ปลูกบ้านและได้ออกเช็คพิพาททั้งสองฉบับลงวันที่ล่วงหน้ามอบให้จำเลยที่2เป็นค่าจ้างปลูกบ้านงวดที่4เมื่อจำเลยที่2ได้รับเช็คพิพาทแล้วก็ทิ้งงานไปจำเลยที่1ได้แจ้งให้โจทก์ซึ่งเป็นผู้แนะนำจำเลยที่2ให้รู้จักกับจำเลยที่1ทราบและให้ช่วยติดตามจำเลยที่2ให้ด้วยดังนั้นการที่โจทก์รับเช็คพิพาทจากจำเลยที่2ซึ่งโจทก์ทราบดีอยู่แล้วว่าเช็คดังกล่าวเป็นเช็คที่จำเลยที่1จ่ายให้จำเลยที่2เป็นค่าจ้างสร้างบ้านงวดที่4และจำเลยที่2ได้ทิ้งงานไปไม่สร้างให้เสร็จตามสัญญาจำเลยที่1จึงไม่มีหนี้ที่จะต้องชำระตามเช็คพิพาทให้จำเลยที่2การรับโอนเช็คพิพาทของโจทก์จากจำเลยที่2เป็นการรับโอนด้วยคบคิดกันฉ้อฉลโจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องเรียกเงินตามเช็ค

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1003/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับโอนเช็คพิพาทด้วยคบคิดฉ้อฉลทำให้ขาดอำนาจฟ้อง
จำเลยที่ 1 ได้ทำสัญญาจ้างจำเลยที่ 2 ปลูกบ้านและได้ออกเช็คพิพาททั้งสองฉบับลงวันที่ล่วงหน้า มอบให้จำเลยที่ 2 เป็นค่าจ้างปลูกบ้านงวดที่ 4เมื่อจำเลยที่ 2 ได้รับเช็คพิพาทแล้วก็ทิ้งงานไป จำเลยที่ 1 ได้แจ้งให้โจทก์ซึ่งเป็นผู้แนะนำจำเลยที่ 2 ให้รู้จักกับจำเลยที่ 1 ทราบ และให้ช่วยติดตามจำเลยที่ 2ให้ด้วย ดังนั้นการที่โจทก์รับเช็คพิพาทจากจำเลยที่ 2 ซึ่งโจทก์ทราบดีอยู่แล้วว่าเช็คดังกล่าวเป็นเช็คที่จำเลยที่ 1 จ่ายให้จำเลยที่ 2 เป็นค่าจ้างสร้างบ้านงวดที่ 4 และจำเลยที่ 2 ได้ทิ้งงานไปไม่สร้างให้เสร็จตามสัญญา จำเลยที่ 1 จึงไม่มีหนี้ที่จะต้องชำระตามเช็คพิพาทให้จำเลยที่ 2 การรับโอนเช็คพิพาทของโจทก์จากจำเลยที่ 2เป็นการรับโอนด้วยคบคิดกันฉ้อฉล โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องเรียกเงินตามเช็ค

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5163/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ โมฆียะสัญญาเช่าจากสำคัญผิดในคุณสมบัติทรัพย์สิน ผู้รับเช็คทราบมูลหนี้ระงับ ฟ้องเรียกเงินไม่ได้
การทำสัญญาเช่าที่ดินเพื่อขุดหาพลอยนั้นคุณสมบัติของที่ดินที่เช่าที่ว่ามีการขุดหาพลอยมาก่อนแล้วหรือไม่ย่อมเป็นสาระสำคัญเมื่อที่ดินที่เช่ามีการขุดหาพลอยมาก่อนแล้วแต่ผู้เช่าทำสัญญาเช่าโดยเข้าใจว่าที่ดินที่เช่ายังไม่ได้มีการขุดหาพลอยมาก่อนจึงเป็นการแสดงเจตนาโดยสำคัญผิดในคุณสมบัติของทรัพย์สินซึ่งตามปกติถือว่าเป็นสาระสำคัญสัญญาเช่าที่ดินเป็นโมฆียะเมื่อผู้เช่าบอกล้างโมฆียะกรรมโดยการบอกเลิกสัญญาเช่าและขอเช็คที่มอบให้เพื่อชำระค่าเช่าคืนจากผู้ให้เช่าสัญญาเช่าจึงเป็นโมฆะมาแต่เริ่มแรกคู่สัญญาต้องกลับคืนสู่ฐานะเดิมผู้ให้เช่าต้องคืนเช็คที่ชำระค่าเช่าแก่ผู้เช่า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4695/2538 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของผู้สลักหลังเช็ค: การผูกพันในฐานะผู้รับอาวัลเมื่อลงลายมือชื่อสลักหลัง
โจทก์ฟ้องขอบังคับให้จำเลยที่ 2 รับผิดในฐานะผู้สลักหลังเช็คพิพาท จำเลยที่ 2 ให้การว่ามิได้ค้ำประกันเป็นอาวัลเช็คพิพาทโดยไม่ได้อ้างเหตุแห่งการปฏิเสธให้ชัดแจ้งว่าลายมือชื่อด้านหลังเช็คพิพาทไม่ใช่ลายมือชื่อของจำเลยที่ 2 เพราะเหตุใด จำเลยที่ 2 จึงไม่มีประเด็นที่จะนำสืบว่าลายมือชื่อด้านหลังเช็คพิพาทเป็นของจำเลยที่ 2 หรือไม่
แม้ผู้ที่โอนเช็คพิพาทให้โจทก์จะได้รับเช็คพิพาทมาจากจำเลยที่ 1ตามมูลหนี้กู้ยืมเงิน โจทก์ก็ไม่จำต้องมีหลักฐานแห่งการกู้มานำสืบ เพราะโจทก์ไม่ได้ฟ้องบังคับให้จำเลยที่ 2 ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ตามสัญญากู้ยืมเงิน
จำเลยที่ 2 ฎีกาว่า ต. โอนเช็คพิพาทให้โจทก์โดยคบคิดกันฉ้อฉล และจำเลยที่ 1 ออกเช็คพิพาทโดยไม่ได้ลงชื่อร่วมกับ ป.เป็นการผิดเงื่อนไขที่ตกลงไว้กับธนาคาร โดยที่ไม่ได้ให้การต่อสู้ไว้ จึงเป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ และมิใช่ปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
จำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อสลักหลังเช็คที่สั่งให้ใช้เงินแก่ผู้ถือจึงต้องผูกพันในฐานะผู้รับอาวัลสำหรับผู้สั่งจ่ายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 921 ประกอบมาตรา 989

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4695/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของผู้สลักหลังเช็คในฐานะผู้รับอาวัล แม้จะโต้แย้งเรื่องการฉ้อฉลและการผิดสัญญาธนาคาร
โจทก์ฟ้องขอบังคับให้จำเลยที่2รับผิดในฐานะผู้สลักหลังเช็คพิพาทจำเลยที่2ให้การว่ามิได้ค้ำประกันเป็นอาวัลเช็คพิพาทโดยไม่ได้อ้างเหตุแห่งการปฏิเสธให้ชัดแจ้งว่าลายมือชื่อด้านหลังเช็คพิพาทไม่ใช่ลายมือชื่อของจำเลยที่2เพราะเหตุใดจำเลยที่2จึงไม่มีประเด็นที่จะนำสืบว่าลายมือชื่อด้านหลังเช็คพิพาทเป็นของจำเลยที่2หรือไม่ แม้ผู้ที่โอนเช็คพิพาทให้โจทก์จะได้รับเช็คพิพาทมาจากจำเลยที่1ตามมูลหนี้กู้ยืมเงินโจทก์ก็ไม่จำต้องมีหลักฐานแห่งการกู้มานำสืบเพราะโจทก์ไม่ได้ฟ้องบังคับให้จำเลยที่2ร่วมรับผิดกับจำเลยที่1ตามสัญญากู้ยืมเงิน จำเลยที่2ฎีกาว่า ต. โอนเช็คพิพาทให้โจทก์โดยคบคิดกันฉ้อฉลและจำเลยที่1ออกเช็คพิพาทโดยไม่ได้ลงชื่อร่วมกับ ป.เป็นการผิดเงื่อนไขที่ตกลงไว้กับธนาคารโดยที่ไม่ได้ให้การต่อสู้ไว้จึงเป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์และมิใช่ปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย จำเลยที่2ลงลายมือชื่อสลักหลังเช็คที่สั่งให้ใช้เงินแก่ผู้ถือจึงต้องผูกพันในฐานะผู้รับอาวัลสำหรับผู้สั่งจ่ายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา921ประกอบมาตรา989

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4695/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของผู้สลักหลังเช็คในฐานะผู้รับอาวัล แม้จะปฏิเสธการค้ำประกัน
โจทก์ฟ้องขอบังคับให้จำเลยที่ 2 รับผิดในฐานะผู้สลักหลังเช็คพิพาท จำเลยที่ 2 ให้การว่ามิได้ค้ำประกันเป็นอาวัลเช็คพิพาทโดยไม่ได้อ้างเหตุแห่งการปฏิเสธให้ชัดแจ้งว่าลายมือชื่อด้านหลังเช็คพิพาทไม่ใช่ลายมือชื่อของจำเลยที่ 2 เพราะเหตุใด จำเลยที่ 2จึงไม่มีประเด็นที่จะนำสืบว่าลายมือชื่อด้านหลังเช็คพิพาทเป็นของจำเลยที่ 2 หรือไม่ แม้ผู้ที่โอนเช็คพิพาทให้โจทก์จะได้รับเช็คพิพาทมาจากจำเลยที่ 1 ตามมูลหนี้กู้ยืมเงิน โจทก์ก็ไม่จำต้องมีหลักฐานแห่งการกู้มานำสืบ เพราะโจทก์ไม่ได้ฟ้องบังคับให้จำเลยที่ 2 ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ตามสัญญากู้ยืมเงิน จำเลยที่ 2 ฎีกาว่า ต. โอนเช็คพิพาทให้โจทก์โดยคบคิดกันฉ้อฉล และจำเลยที่ 1 ออกเช็คพิพาทโดยไม่ได้ลงชื่อร่วมกับ ป.เป็นการผิดเงื่อนไขที่ตกลงไว้กับธนาคาร โดยที่ไม่ได้ให้การต่อสู้ไว้จึงเป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์และมิใช่ปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย จำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อสลักหลังเช็คที่สั่งให้ใช้เงินแก่ผู้ถือจึงต้องผูกพันในฐานะผู้รับอาวัลสำหรับผู้สั่งจ่ายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 921 ประกอบมาตรา 989

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4695/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของผู้สลักหลังเช็คในฐานะผู้รับอาวัล แม้ผู้รับเช็คโอนต่อ และข้อจำกัดในการยกเหตุใหม่ในฎีกา
โจทก์ฟ้องขอบังคับให้จำเลยที่2รับผิดในฐานะผู้สลักหลังเช็คพิพาทจำเลยที่2ให้การว่ามิได้ค้ำประกันเป็นอาวัลเช็คพิพาทโดยไม่ได้อ้างเหตุแห่งการปฏิเสธให้ชัดแจ้งว่าลายมือชื่อด้านหลังเช็คพิพาทไม่ใช่ลายมือชื่อของจำเลยที่2เพราะเหตุใดจำเลยที่2จึงไม่มีประเด็นที่จะนำสืบว่าลายมือชื่อด้านหลังเช็คพิพาทเป็นของจำเลยที่2หรือไม่ แม้ผู้ที่โอนเช็คพิพาทให้โจทก์จะได้รับเช็คพิพาทมาจากจำเลยที่1ตามมูลหนี้กู้ยืมเงินโจทก์ก็ไม่จำต้องมีหลักฐานแห่งการกู้มานำสืบเพราะโจทก์ไม่ได้ฟ้องบังคับให้จำเลยที่2ร่วมรับผิดกับจำเลยที่1ตามสัญญากู้ยืมเงิน จำเลยที่2ฎีกาว่า ต. โอนเช็คพิพาทให้โจทก์โดยคบคิดกันฉ้อฉลและจำเลยที่1ออกเช็คพิพาทโดยไม่ได้ลงชื่อร่วมกับ ป.เป็นการผิดเงื่อนไขที่ตกลงไว้กับธนาคารโดยที่ไม่ได้ให้การต่อสู้ไว้จึงเป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์และมิใช่ปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย จำเลยที่2ลงลายมือชื่อสลักหลังเช็คที่สั่งให้ใช้เงินแก่ผู้ถือจึงต้องผูกพันในฐานะผู้รับอาวัลสำหรับผู้สั่งจ่ายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา921ประกอบมาตรา989

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3217/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผู้ทรงเช็คโดยชอบธรรมต่อสู้คดีได้ เว้นแต่โอนด้วยฉ้อฉล ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยข้อเท็จจริงเกิน 200,000 บาท
โจทก์เป็นผู้ครอบครองเช็คผู้ถือ จึงเป็นผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมาย จำเลยซึ่งเป็นผู้สั่งจ่ายเช็คพิพาทไม่อาจจะต่อสู้โจทก์ด้วยข้อต่อสู้อันอาศัยความเกี่ยวพันเฉพาะบุคคลระหว่างจำเลยกับผู้ทรงคนก่อน ๆ เว้นแต่การโอนจะมีขึ้นด้วยคบคิดกันฉ้อฉล เมื่อศาลอุทธรณ์ฟังว่า พยานหลักฐานจำเลยฟังไม่ได้ว่าโจทก์รับโอนเช็คพิพาทด้วยคบคิดกันฉ้อฉล ซึ่งเป็นดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐาน จึงเป็นปัญหาข้อเท็จจริง หาใช่ปัญหากฎหมายไม่ ดังนั้น เมื่อทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกามีไม่เกิน 200,000 บาท จึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวล-กฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคหนึ่ง ที่ศาลชั้นต้นรับฎีกาของจำเลยเป็นข้อกฎหมายไว้พิจารณาจึงเป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3213/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การต่อสู้คดีเช็คโดยอ้างว่ามีมูลหนี้จากการพนันและมีการฉ้อฉล ทำให้ต้องมีการสืบพยานเพิ่มเติม
ศาลชั้นต้นพิเคราะห์จากคำฟ้องของโจทก์และคำให้การของจำเลยแล้วยกปัญหาข้อกฎหมายขึ้นวินิจฉัยให้โจทก์ชนะคดีคำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวจึงเป็นคำสั่งวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในปัญหาข้อกฎหมายซึ่งทำให้คดีเสร็จไปทั้งเรื่องไม่ใช่คำสั่งระหว่างพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 24,227 โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยซึ่งเป็นผู้สั่งจ่ายให้รับผิดใช้เงินตามเช็คที่จำเลยนำมาแลกเงินสดไปจากโจทก์ จำเลยให้การว่าจำเลยไม่เคยออกเช็คให้โจทก์ จำเลยสั่งจ่ายเช็คให้แก่ส.เพื่อชำระหนี้การพนันโดยส.สมคบกับถ.น้องของโจทก์ฉ้อฉลการเล่นการพนันกับจำเลย และส.กับถ.สมคบกับโจทก์นำเช็คทั้งสามฉบับมาฟ้องจำเลยในคดีนี้โจทก์จึงไม่มีสิทธิที่จะนำเอาเช็คทั้งสามฉบับอันเกิดจากการพนันมาฟ้องจำเลยได้ เพราะเป็นการออกเช็คที่มิได้เกิดจากหนี้ที่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นคำให้การที่แสดงโดยชัดแจ้งว่าจำเลยปฏิเสธข้ออ้างของโจทก์ รวมทั้งเหตุแห่งการนั้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสองแล้ว และเป็นคำให้การที่แสดงให้เห็นว่า โจทก์นำเช็คมาฟ้องจำเลยโดยคบคิดกันฉ้อฉลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 916 คดีจึงมีประเด็นที่จะต้องนำสืบพยานกันต่อไป ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งงดสืบพยานมานั้นจึงไม่ชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3213/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำสั่งงดสืบพยานไม่ชอบเมื่อมีประเด็นฉ้อฉล เช็คเกิดจากการพนัน
ศาลชั้นต้นพิเคราะห์จากคำฟ้องของโจทก์และคำให้การของจำเลยแล้วยกปัญหาข้อกฎหมายขึ้นวินิจฉัยให้โจทก์ชนะคดี คำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวจึงเป็นคำสั่งวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในปัญหาข้อกฎหมายซึ่งทำให้คดีเสร็จไปทั้งเรื่องไม่ใช่คำสั่งระหว่างพิจารณาตาม ป.วิ.พ.มาตรา 24, 227
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยซึ่งเป็นผู้สั่งจ่ายให้รับผิดใช้เงินตามเช็คที่จำเลยนำมาแลกเงินสดไปจากโจทก์ จำเลยให้การว่าจำเลยไม่เคยออกเช็คให้โจทก์ จำเลยสั่งจ่ายเช็คให้แก่ ส.เพื่อชำระหนี้การพนัน โดย ส.สมคบกับ ถ.น้องของโจทก์ฉ้อฉลการเล่นการพนันกับจำเลย และ ส.กับ ถ.สมคบกับโจทก์นำเช็คทั้งสามฉบับมาฟ้องจำเลยในคดีนี้ โจทก์จึงไม่มีสิทธิที่จะนำเอาเช็คทั้งสามฉบับอันเกิดจากการพนันมาฟ้องจำเลยได้ เพราะเป็นการออกเช็คที่มิได้เกิดจากหนี้ที่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นคำให้การที่แสดงโดยชัดแจ้งว่าจำเลยปฏิเสธข้ออ้างของโจทก์ รวมทั้งเหตุแห่งการนั้น ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 177 วรรคสอง แล้ว และเป็นคำให้การที่แสดงให้เห็นว่า โจทก์นำเช็คมาฟ้องจำเลยโดยคบคิดกันฉ้อฉลตาม ป.พ.พ.มาตรา916 คดีจึงมีประเด็นที่จะต้องนำสืบพยานกันต่อไป ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งงดสืบพยานมานั้นจึงไม่ชอบ
of 24