คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 238

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 137 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 621/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ แบบพินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมืองไม่สมบูรณ์ ศาลฎีกาตัดสินเกินประเด็น
คู่ความขอให้ศาลวินิจฉัยเพียงข้อเดียวว่าพินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมืองที่จำเลยอ้าง จะเป็นการชอบด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1658หรือไม่ การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า พินัยกรรมฉบับนี้ตกเป็นโมฆะในฐานะเป็นพินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมือง แต่สมบูรณ์ในฐานะเป็นพินัยกรรมธรรมดาตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 136 ดังนี้เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นที่คู่ความโต้เถียงกัน เพราะคู่ความมิได้แถลงว่าถ้าพินัยกรรมฉบับนี้ไม่เป็นพินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมือง ก็ขอให้ศาลวินิจฉัยว่าจะเข้าแบบสมบูรณ์ เป็นพินัยกรรมอย่างอื่นหรือไม่
พินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมืองมีปลัดอำเภอลงลายมือชื่อในฐานะเป็นพยานรับรองพินัยกรรมอีกฐานะหนึ่งกับมีนายสุดเซ็นเป็นพยานอีกคนหนึ่ง เมื่อตัดชื่อนายสุวัธน์ออกจากฐานะเป็นพยาน โดยเหตุที่เป็นกรมการอำเภอผู้กระทำกิจการตามหน้าที่ราชการแล้ว ก็คงเหลือแต่นายสุดผู้เดียวลงลายมือชื่อเป็นพยานแต่เป็นผู้ที่ได้รับรู้การแจ้งความประสงค์ของผู้ทำพินัยกรรมต่อกรมการอำเภอพยานขาดจำนวนไปคนหนึ่งจึงไม่ครบจำนวนตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ พินัยกรรมจึงตกเป็นโมฆะในฐานะพินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมือง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1022/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยินยอมให้รวมเงินที่ถูกยักยอกเป็นราคาสินค้า ทำให้สิทธิเรียกร้องในความผิดยักยอกระงับ
จำเลยได้ทำใบรับเงินให้แก่ผู้เสียหาย 1 ฉบับ มีข้อความว่าจำเลยได้รับเงินจากผู้เสียหาย 1 หมื่นบาท เพื่อซื้อแร่จากจังหวัดยะลามาให้ผู้เสียหาย แล้วจำเลยได้กลับมาแจ้งแก่ผู้เสียหายว่าได้เอาเงิน 7000 บาท ไปวางมัดจำสำหรับทำสัญญาซื้อแร่ และได้นำเงินที่เหลือมาคืน ต่อมาจำเลยจึงได้ทำสัญญาขายฝากโรงงานถลุงแร่ของจำเลยแก่ผู้เสียหาย จำนวนราคาขายฝากให้ถือเอาหลักฐานที่จำเลยทำไว้กับผู้เสียหาย คือ สัญญากู้ยืม และรับเงินรวม 3 ฉบับ และจำนวนเงิน 1 หมื่นบาท ดังกล่าวข้างต้นได้รวมอยู่เป็นค่าซื้อฝากโรงงานด้วย หลังจากทำสัญญาขายฝากแล้ว ผู้เสียหายจึงได้ทราบว่าจำเลยยักยอกเอาเงิน 7000 บาทซึ่งอ้างว่าไปวางมัดจำซื้อแร่นั้น เอาไปเป็นประโยชน์ส่วนตัวเสีย
การที่ผู้เสียหายตกลงทำสัญญากับจำเลย เอาเงินที่หาว่าจำเลยยักยอกไปรวมเป็นราคาค่าซื้อฝากขอโรงงานของจำเลยเสร็จไปแล้วนั้น ผู้เสียหายจะกลับรื้อฟื้นขึ้นมาว่ากล่าวฟ้องร้องไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นทางแพ่งขอให้คืนเงินรายนี้ หรือทางอาญาขอให้ลงโทษฐานยักยอก เพราะการตกลงกับจำเลยดังกล่าวข้างต้นนั้น มีผลเป็นการยินยอมไม่ติดใจว่ากล่าวในเงินรายนี้แล้ว
ศาลล่างทั้งสองฟังข้อเท็จจริงผิดจากพยานหลักฐานในท้องสำนวน ศาลฎีกาไม่จำต้องถือตามและมีอำนาจฟังข้อเท็จจริงใหม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1022/2491

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ยินยอมไม่ติดใจว่ากล่าวหลังทำสัญญาซื้อฝากแล้ว แม้มีการยักยอกก่อนหน้า สิทธิเรียกร้องย่อมระงับ
จำเลยได้ทำใบรับเงินให้แก่ผู้เสียหาย 1 ฉบับ มีข้อความว่าจำเลยได้รับเงินจากผู้เสียหาย 1 หมื่นบาทเพื่อซื้อแร่จากจังหวัดยะลามาให้ผู้เสียหายแล้วจำเลยได้กลับมาแจ้งแก่ผู้เสียหายว่าได้เอาเงิน 7000 บาท ไปวางมัดจำสำหรับทำสัญญาซื้อแร่ และได้นำเงินที่เหลือมาคืน ต่อมาจำเลยจึงได้ทำสัญญาขายฝากโรงงานถลุงแร่ของจำเลยแก่ผู้เสียหายจำนวนราคาขายฝากให้ถือเอาหลักฐานที่จำเลยทำไว้กับผู้เสียหาย คือสัญญากู้ยืม และรับเงินรวม 3 ฉบับและเงินจำนวน 1 หมื่นบาทดังกล่าวข้างต้นได้รวมอยู่เป็นค่าซื้อฝากโรงงานด้วย หลังจากทำสัญญาขายฝากแล้วผู้เสียหายจึงได้ทราบว่า จำเลยยักยอกเอาเงิน 7000 บาทซึ่งอ้างว่าไปวางมัดจำซื้อแร่นั้น เอาไปเป็นประโยชน์ส่วนตัวเสีย
การที่ผู้เสียหายตกลงทำสัญญากับจำเลยเอาเงินที่หาว่าจำเลยยักยอกไปรวมเป็นราคาค่าซื้อฝากของโรงงานของจำเลยเสร็จไปแล้วนั้น ผู้เสียหายจะกลับรื้อฟื้นขึ้นมาว่ากล่าวฟ้องร้องไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นทางแพ่งขอให้คืนเงินรายนี้หรือทางอาญาขอให้ลงโทษฐานยักยอก เพราะการตกลงกับจำเลยดังกล่าวข้างต้นนั้น มีผลเป็นการยินยอมไม่ติดใจว่ากล่าวในเงินรายนี้แล้ว
ศาลล่างทั้งสองฟังข้อเท็จจริงผิดจากพยานหลักฐานในท้องสำนวนศาลฎีกาไม่จำต้องถือตามและมีอำนาจฟังข้อเท็จจริงใหม่ได้(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 24/2491)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 242/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตการคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯ: สถานะผู้เช่าและการใช้ประโยชน์จากสถานที่เช่า
ศาลชั้นต้นเห็นว่า พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯลฯ 2489 ใช้คุ้มครองแก่กรณีย์ของจำเลย ได้แต่ข้อเท็จจริงที่ปรากฏ จำเลยไม่ได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ. นั้น เพราะจำเลยมิได้ใช้สถานที่เช่าเป็นที่อยู่อาศัย ส่วนศาลอุทธรณ์เห็นว่า จำเลยไม่อยู่ในฐานะเป็นผู้เช่าแล้ว พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่านั้น จึงไม่คุ้มครองแก่ฐานะของจำเลยเสียเลย ดังนี้ เป็นการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายโดยตรง ไม่ใช่วินิจฉัยข้อเท็จจริง ต่างกับที่ศาลล่างได้วินิจฉัยไว้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 242/2491

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตความคุ้มครอง พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯ: ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยถูกต้อง ไม่เป็นการวินิจฉัยข้อเท็จจริง
ศาลชั้นต้นเห็นว่า พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่า ฯลฯ 2489 ใช้คุ้มครองแก่กรณีของจำเลยได้แต่ข้อเท็จจริงที่ปรากฏ จำเลยไม่ได้รับความคุ้มครองตาม พระราชบัญญัตินั้นเพราะจำเลยมิได้ใช้สถานที่เช่าเป็นที่อยู่อาศัยส่วนศาลอุทธรณ์เห็นว่า จำเลยไม่อยู่ในฐานะเป็นผู้เช่าแล้วพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่านั้นจึงไม่คุ้มครองแก่ฐานะของจำเลยเสียเลยดังนี้ เป็นการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายโดยตรง ไม่ใช่วินิจฉัยข้อเท็จจริงต่างกับที่ศาลล่างได้วินิจฉัยไว้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 742-743/2489

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลของความตายของจำเลยหลังศาลพิพากษา: คำพิพากษายังสมบูรณ์และดำเนินการกับทายาทได้
ข้อเท็จจริงที่ว่า จำเลยตายเสียก่อนที่ศาลพิพากษานั้นเมื่อไม่มีฝ่ายใดกล่าวอ้างขึ้นมา จะถือว่าศาลได้รู้ข้อเท็จจริงนี้แล้วไม่ได้
จำเลยตายก่อนศาลพิพากษาแต่ความปรากฏต่อศาลภายหลังศาลพิพากษาแล้วนั้น คำพิพากษานั้นก็คงสมบูรณ์
ในคดีแพ่งเมื่อปรากฏต่อศาลว่า คู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตายเป็นอำนาจของศาลชั้นต้นดำเนินคดีหาทายาทเข้ารับมรดกความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 742-743/2489 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลของมรณกรรมของจำเลยหลังศาลพิพากษา: คำพิพากษายังสมบูรณ์
ข้อเท็จจริงที่ว่า จำเลยตายเสียก่อนที่ศาลพิพากษานั้น เมื่อไม่มีฝ่ายใดกล่าวอ้างขึ้นมา จะถือว่าศาลได้รู้ข้อเท็จจริงนี้แล้วไม่ได้
จำเลยตายก่อนศาลพิพากษาแต่ความปรากฎต่อศาลภายหลังศาลพิพากษาแล้วนั้นคำพิพากษานั้นก็คงสมบูรณ์
ในคดีแพ่งเมื่อปรากฏต่อศาลว่า คู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตายเป็นอำนาจของศาลชั้นต้นดำเนินคดีหาทายาทเข้ารับมฤดกความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 158/2488

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์ความเป็นที่วัด ไม่จำกัดเฉพาะเอกสาร หลักฐานพยานบุคคลใช้ได้
ประเด็นที่ว่าที่พิพาทเป็นที่วัดหรือไม่นั้นไม่มีกฎหมายบังคับว่าต้องมีเอกสารมาแสดง
ฉะนั้นแม้อีกฝ่ายหนึ่งจะมีเอกสารแสดงว่าเป็นที่ป่าอีกฝ่ายหนึ่งก็นำพยานบุคคลมาสืบได้ว่าเป็นที่วัด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 86/2488 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ที่ดินจากการครอบครองปรปักษ์และการแบ่งมรดก
ให้การต่อสู้ว่าผู้ตายยกที่ให้ จะนำสืบว่าตนได้ปกครองปรปักษ์มา 10 ปี โดยผู้ตายรู้เห็นแต่ไม่ว่ากระไรนั้น สืบไม่ได้.
ฟ้องว่าที่ดินที่พิพาทเป็นของตนทั้งหมด ทางพิจารณาได้ความว่าเป็นมฤดก ศาลย่อมพิพากษาให้แบ่งกันได้ไม่เกินคำขอ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 86/2488

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การต่อสู้เรื่องการครอบครองปรปักษ์และขอบเขตการแบ่งมรดก ศาลต้องพิพากษาตามคำขอ
ให้การต่อสู้ว่าผู้ตายยกที่ให้ จะนำสืบว่าตนได้ปกครองปรปักษ์มา 10 ปี โดยผู้ตายรู้เห็นแต่ไม่ว่ากระไรนั้น สืบไม่ได้
ฟ้องว่าที่ดินที่พิพาทเป็นของตนทั้งหมด ทางพิจารณาได้ความว่าเป็นมรดก ศาลย่อมพิพากษาให้แบ่งกันได้ไม่เกินคำขอ
of 14