พบผลลัพธ์ทั้งหมด 7 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10632/2554
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การล่อซื้อบริการค้าประเวณีเพื่อจับกุมผู้กระทำผิด และความผิดฐานจัดหาเด็กเพื่อค้าประเวณี
การใช้เจ้าพนักงานตำรวจไปล่อซื้อบริการค้าประเวณีเป็นเพียงการกระทำเท่าที่จำเป็นและสมควรในการแสวงหาหลักฐานในการกระทำความผิดของจำเลยตามอำนาจใน ป.วิ.อ. มาตรา 2 (10) ชอบที่เจ้าพนักงานตำรวจจะกระทำได้เพื่อให้ได้โอกาสจับกุมจำเลยพร้อมด้วยพยานหลักฐาน ดังนั้นการใช้เจ้าพนักงานตำรวจไปล่อซื้อบริการค้าประเวณีจากจำเลยจึงเป็นเพียงวิธีพิสูจน์ความผิดของจำเลย ไม่เป็นการแสวงหาหลักฐานโดยมิชอบ จึงมิใช่เป็นการก่อหรือใช้ให้จำเลยกระทำความผิด
การที่จำเลยเป็นธุระจัดหาเด็กหญิง ก. ซึ่งอายุยังไม่เกินสิบห้าปี เพื่อทำการค้าประเวณีให้แก่ ณ. แม้ ณ. ยังไม่ได้ร่วมประเวณีกับเด็กหญิง ก. ก็ตาม การกระทำของจำเลยก็เป็นความผิดสำเร็จแล้ว
การที่จำเลยเป็นธุระจัดหาเด็กหญิง ก. ซึ่งอายุยังไม่เกินสิบห้าปี เพื่อทำการค้าประเวณีให้แก่ ณ. แม้ ณ. ยังไม่ได้ร่วมประเวณีกับเด็กหญิง ก. ก็ตาม การกระทำของจำเลยก็เป็นความผิดสำเร็จแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 81/2551
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การล่อซื้อยาเสพติดโดยสายลับชอบด้วยกฎหมาย และพยานหลักฐานเพียงพอต่อการพิพากษา
การใช้สายลับล่อซื้อเมทแอมเฟตามีนเป็นเพียงการกระทำเท่าที่จำเป็นและสมควรในการแสวงหาพยานหลักฐานในการกระทำความผิดของจำเลยตามอำนาจใน ป.วิ.อ. มาตรา 2 (10) ชอบที่เจ้าพนักงานตำรวจจะกระทำได้เพื่อให้ได้โอกาสจับกุมจำเลยพร้อมด้วยพยานหลักฐาน อันเป็นเพียงวิธีการพิสูจน์ความผิดของจำเลย ไม่เป็นการแสวงหาพยานหลักฐานโดยมิชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8470/2544
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การล่อซื้อยาเสพติดด้วยสายลับชอบด้วยกฎหมาย หากมีเหตุผลจำเป็นและแสวงหาหลักฐานอย่างถูกต้อง
การใช้สายลับช่วยล่อซื้อเมทแอมเฟตามีนเป็นเพียงการกระทำเท่าที่จำเป็นและสมควรในการแสวงหาหลักฐานในการกระทำความผิดของจำเลยตามอำนาจใน ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 2(10) ชอบที่เจ้าพนักงานตำรวจจะกระทำได้เพื่อให้ได้โอกาสจับกุมจำเลยพร้อมด้วยพยานหลักฐาน ดังนี้ การใช้สายลับไปล่อซื้อเมทแอมเฟตามีนจากจำเลย จึงเป็นเพียงวิธีการพิสูจน์ความผิดของจำเลยไม่เป็นการแสวงหาหลักฐานโดยมิชอบ จึงมิใช่เป็นการใช้ให้ไปกระทำความผิดและแม้จะไม่ได้นำตัวสายลับมาเป็นพยานในชั้นศาลเนื่องจากเพื่อประโยชน์แก่ราชการในภายหน้าหรือเพื่อความปลอดภัยของสายลับก็ตาม ย่อมอยู่ในดุลพินิจของโจทก์ซึ่งหากโจทก์เห็นว่าพยานหลักฐานที่นำสืบมาเพียงพอที่จะพิสูจน์ความผิดของจำเลยได้แล้ว ก็หาจำต้องนำตัวสายลับดังกล่าวมาเป็นพยานในชั้นศาลด้วยไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6471/2543
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตรวจค้นและยึดของกลางที่ไม่ถูกต้อง การพิสูจน์ความผิดฐานละเมิดลิขสิทธิ์ต้องอาศัยพยานหลักฐานที่ถูกต้อง
โจทก์ร่วมพบซองถ่ายรูปของร้านจำเลยจากการค้นห้องของนาย ย.จำเลยในคดีละเมิดลิขสิทธิ์คดีอื่น แต่โจทก์และโจทก์ร่วมไม่ได้นำสืบว่าในการสืบสวนว่าร้านถ่ายรูปของจำเลยเป็นผู้ปลอมปกเทปนั้นมีข้อเท็จจริงและหลักฐานรายละเอียดแห่งความผิดใดที่เกี่ยวข้องมาถึงจำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(10) และมาตรา 17 และจำเลยเกี่ยวข้องหรือมีความสัมพันธ์กับนาย ย. อย่างไร ร้านของจำเลยเป็นร้านถ่ายรูปเช่นร้านถ่ายรูปทั่วๆ ไป ตั้งอยู่ในที่เปิดเผยมีชื่อติดอยู่หน้าร้าน และมีตัวอักษรเขียนข้อความการให้บริการว่าล้างอัดภาพสีด่วน จึงเป็นสถานที่ที่ผู้ใดก็สามารถว่าจ้างล้างอัดภาพสีได้ เครื่องล้างและอัดภาพที่ร้านของจำเลยมีคุณภาพสูงย่อมเป็นที่แสวงหาของคนร้ายที่ประสงค์จะทำปกเทปเพลงปลอมให้เหมือนของจริงมากที่สุด ในขณะที่เจ้าพนักงานตำรวจเข้าค้นร้านของจำเลยจำเลยก็ให้ค้นแต่โดยดี ช่างในร้านกำลังล้างภาพสีอยู่ เครื่องอัดกำลังอัดภาพปกเทปเพลงของผู้เสียหายที่2อยู่มีภาพปกเทปเพลงที่อัดเสร็จแล้ววางอยู่ข้างเครื่องอัดภาพจำนวน 2,520 แผ่น มีแผ่นฟิล์ม 4 ชุด วางอยู่บนเครื่องอัดส่วนประตูกระจกเข้าร้านก็ไม่มีการล็อกไว้ เครื่องอัดภาพวางอยู่ในร้านชั้นล่างอย่างเปิดเผย จำเลยรับงานมาทำในทางการค้าโดยปกติ ได้ค่าจ้างในอัตราปกติและทำงานในเวลาปกติและเปิดเผย ลูกจ้างของจำเลยเป็นผู้รับคำสั่งอัดรูปจากนาย จ. ซึ่งเป็นผู้นำฟิล์มปกเทปเพลงมาเอง จึงมีเหตุผลทำให้จำเลยเข้าใจว่านาย จ. เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในฟิล์ม ปกเทปเพลงที่นำมาว่าจ้างให้จำเลยอัดรูปหรือได้รับมอบหมายจากเจ้าของลิขสิทธิ์ในปกเทปเพลงให้มาว่าจ้างจำเลยอัดรูป พยานหลักฐานเท่าที่โจทก์และโจทก์ร่วมนำสืบยังไม่พอให้รับฟังได้ว่า จำเลยมีเจตนากระทำผิดฐานละเมิดลิขสิทธิ์แก่งานศิลปกรรมภาพพิมพ์ปกเทปอันมีลิขสิทธิ์ของโจทก์ร่วม
ขณะที่เจ้าพนักงานกำลังตรวจค้นร้านถ่ายรูปของจำเลยเกี่ยวกับการละเมิดลิขสิทธิ์ภาพปกเทปเพลงอยู่นั้นนายพ. ขับรถจักรยานยนต์รับจ้างนำกล่องกระดาษเข้ามาในร้านจำเลยจำนวน 2 กล่อง เพื่อส่งให้จำเลย แต่จำเลยบอกว่าไม่ใช่ของจำเลย ปรากฏว่าในกล่องมีเทปเพลงบรรจุอยู่เต็มทั้งสองกล่อง จำนวน 157 ม้วน เจ้าพนักงานจึงยึดไว้เป็นของกลางและทำบันทึกการตรวจค้นจับกุมไว้ดังนี้ การยึดเทปของกลางและทำบันทึกการตรวจค้นจับกุมว่าเป็นของกลางที่ตรวจค้นได้ในร้านของจำเลยจึงไม่ถูกต้องตรงกับข้อเท็จจริงและไม่อาจรับฟังได้ว่าเทปเพลงของกลางเป็นของที่ยึดได้จากการตรวจค้นร้านของจำเลยเทปของกลางที่เจ้าพนักงานยึดมาดังกล่าวไม่อาจใช้เป็นพยานหลักฐานเพื่อพิสูจน์ว่าจำเลยกระทำความผิดได้ ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศฯมาตรา 26 ประกอบ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 226 พยานหลักฐานของโจทก์และโจทก์ร่วมจึงไม่อาจรับฟังได้ว่าจำเลยมีเทปเพลงของกลางที่ได้ทำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่นไว้เพื่อขายโดยรู้อยู่แล้วหรือมีเหตุอันควรรู้ว่าเทปเพลงดังกล่าวได้ทำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่นเพื่อการค้า
ขณะที่เจ้าพนักงานกำลังตรวจค้นร้านถ่ายรูปของจำเลยเกี่ยวกับการละเมิดลิขสิทธิ์ภาพปกเทปเพลงอยู่นั้นนายพ. ขับรถจักรยานยนต์รับจ้างนำกล่องกระดาษเข้ามาในร้านจำเลยจำนวน 2 กล่อง เพื่อส่งให้จำเลย แต่จำเลยบอกว่าไม่ใช่ของจำเลย ปรากฏว่าในกล่องมีเทปเพลงบรรจุอยู่เต็มทั้งสองกล่อง จำนวน 157 ม้วน เจ้าพนักงานจึงยึดไว้เป็นของกลางและทำบันทึกการตรวจค้นจับกุมไว้ดังนี้ การยึดเทปของกลางและทำบันทึกการตรวจค้นจับกุมว่าเป็นของกลางที่ตรวจค้นได้ในร้านของจำเลยจึงไม่ถูกต้องตรงกับข้อเท็จจริงและไม่อาจรับฟังได้ว่าเทปเพลงของกลางเป็นของที่ยึดได้จากการตรวจค้นร้านของจำเลยเทปของกลางที่เจ้าพนักงานยึดมาดังกล่าวไม่อาจใช้เป็นพยานหลักฐานเพื่อพิสูจน์ว่าจำเลยกระทำความผิดได้ ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศฯมาตรา 26 ประกอบ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 226 พยานหลักฐานของโจทก์และโจทก์ร่วมจึงไม่อาจรับฟังได้ว่าจำเลยมีเทปเพลงของกลางที่ได้ทำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่นไว้เพื่อขายโดยรู้อยู่แล้วหรือมีเหตุอันควรรู้ว่าเทปเพลงดังกล่าวได้ทำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่นเพื่อการค้า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6951/2540
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ร่วมกันมียาเสพติดไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย: พยานหลักฐานแน่นชัด ศาลยืนตามคำพิพากษาศาลล่าง
พยานโจทก์ที่รู้เห็นและเป็นพยานในคดีเป็นเจ้าพนักงานตำรวจผู้มีหน้าที่จับกุมและปราบปรามการกระทำความผิดตามอำนาจหน้าที่ของตน หากเบิกความบิดเบือนจากข้อเท็จจริงอาจมีความผิดและได้รับโทษ จึงมีเหตุผลน่าเชื่อว่าเบิกความไปตามสัตย์จริงส่วนการมีสายลับมาช่วยในการล่อซื้อด้วยเป็นแต่เพียงการกระทำเท่าที่จำเป็นและสมควรในการสืบหาพยานหลักฐาน ตามอำนาจในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 2(10) ชอบที่เจ้าพนักงานตำรวจจะกระทำได้เพื่อให้ได้โอกาสจับกุมพร้อมด้วยพยานหลักฐาน แม้จะไม่นำตัวสายลับมาสืบเนื่องจากเพื่อประโยชน์แก่ราชการในภายหน้าหรือเพื่อความปลอดภัยของสายลับ ก็รับฟังพยานบุคคลและของกลางที่เกี่ยวข้องกับสายลับนั้นได้ว่ามีสายลับช่วยในการล่อซื้อจริงพยานหลักฐานโจทก์ที่นำสืบมาจึงมีน้ำหนักมั่นคงฟังได้โดยปราศจากสงสัยว่าจำเลยที่ 1 ได้กระทำผิดจริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6951/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานมียาเสพติดไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย: พยานหลักฐานสนับสนุนการกระทำผิดร่วมกัน
พยานโจทก์ที่รู้เห็นและเป็นพยานในคดีเป็นเจ้าพนักงานตำรวจผู้มีหน้าที่จับกุมและปราบปรามการกระทำความผิดตามอำนาจหน้าที่ของตน หากเบิกความบิดเบือนจากข้อเท็จจริงอาจมีความผิดและได้รับโทษ จึงมีเหตุผลน่าเชื่อว่าเบิกความไปตามสัตย์จริงส่วนการมีสายลับมาช่วยในการล่อซื้อด้วยเป็นแต่เพียงการกระทำเท่าที่จำเป็นและสมควรในการสืบหาพยานหลักฐาน ตามอำนาจในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 2(10) ชอบที่เจ้าพนักงานตำรวจจะกระทำได้เพื่อให้ได้โอกาสจับกุมพร้อมด้วยพยานหลักฐาน แม้จะไม่นำตัวสายลับมาสืบเนื่องจากเพื่อประโยชน์แก่ราชการในภายหน้าหรือเพื่อความปลอดภัยของสายลับ ก็รับฟังพยานบุคคลและของกลางที่เกี่ยวข้องกับสายลับนั้นได้ว่ามีสายลับช่วยในการล่อซื้อจริงพยานหลักฐานโจทก์ที่นำสืบมาจึงมีน้ำหนักมั่นคงฟังได้โดยปราศจากสงสัยว่าจำเลยที่ 1 ได้กระทำผิดจริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 460/2490
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตอำนาจหน้าที่ตำรวจในการสืบสวนนอกเขตพื้นที่: การยึดของกลางเป็นเจ้าพนักงานทุจริต
ตำรวจจับผู้กระทำผิด แล้วยึดของกลางไว้เป็นประโยชน์ส่วนตัวไม่นำส่งเจ้าพนักงานสอบสวนแม้การจับนั้นอยู่นอกเขตท้องที่ที่ตนประจำการก็คงมีความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่(อ้างฎีกาที่ 140/2490)