พบผลลัพธ์ทั้งหมด 125 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1393/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำกัดความรับผิดทายาทในหนี้สินเจ้ามรดก: รับผิดเฉพาะส่วนทรัพย์มรดกที่ได้รับ
จำเลยเป็นแต่เพียงทายาทโดยธรรมแต่ไม่ได้เป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายดังนั้นแม้จำเลยจะทำหนังสือยอมรับชำระหนี้สินต่าง ๆ ของผู้ตายให้แก่โจทก์จนครบถ้วนก็ตามแต่ความรับผิดของจำเลยในฐานะทายาทเกี่ยวกับหนี้สินของผู้ตายไม่จำต้องรับผิดเกินกว่าทรัพย์มรดกที่ตกทอดได้แก่ตน จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดเป็นส่วนตัว
ทายาทไม่ได้ตกลงแต่งตั้งจำเลยเป็นผู้จัดการมรดก และจำเลยก็ไม่ได้เป็นผู้จัดการมรดกโดยพินัยกรรมหรือโดยคำสั่งศาล จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดในฐานะผู้จัดการมรดกชำระหนี้ของผู้ตายให้แก่โจทก์
ทายาทไม่ได้ตกลงแต่งตั้งจำเลยเป็นผู้จัดการมรดก และจำเลยก็ไม่ได้เป็นผู้จัดการมรดกโดยพินัยกรรมหรือโดยคำสั่งศาล จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดในฐานะผู้จัดการมรดกชำระหนี้ของผู้ตายให้แก่โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1393/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำกัดความรับผิดทายาท: ทายาทรับผิดชอบหนี้สินเจ้ามรดกไม่เกินทรัพย์มรดกที่ได้รับ แม้ลงชื่อรับสภาพหนี้
จำเลยเป็นแต่เพียงทายาทโดยธรรมแต่ไม่ได้เป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายดังนั้นแม้จำเลยจะทำหนังสือยอมรับชำระหนี้สินต่าง ๆ ของผู้ตายให้แก่โจทก์จนครบถ้วนก็ตามแต่ความรับผิดของจำเลยในฐานะทายาทเกี่ยวกับหนี้สินของผู้ตายไม่จำต้องรับผิดเกินกว่าทรัพย์มรดกที่ตกทอดได้แก่ตน จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดเป็นส่วนตัว
ทายาทไม่ได้ตกลงแต่งตั้งจำเลยเป็นผู้จัดการมรดก และจำเลยก็ไม่ได้เป็นผู้จัดการมรดกโดยพินัยกรรมหรือโดยคำสั่งศาล จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดในฐานะผู้จัดการมรดกชำระหนี้ของผู้ตายให้แก่โจทก์
ทายาทไม่ได้ตกลงแต่งตั้งจำเลยเป็นผู้จัดการมรดก และจำเลยก็ไม่ได้เป็นผู้จัดการมรดกโดยพินัยกรรมหรือโดยคำสั่งศาล จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดในฐานะผู้จัดการมรดกชำระหนี้ของผู้ตายให้แก่โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2690/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งประกาศขายทอดตลาดให้ผู้มีส่วนได้เสีย การไม่แจ้งครบถ้วนทำให้การขายทอดตลาดไม่ชอบ
จำเลยทั้งสองต่างเป็นผู้จัดการมรดกและต่างอยู่ในฐานะของลูกหนี้ตามคำพิพากษา ย่อมเป็นผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีแก่ทรัพย์มรดกที่จะขายทอดตลาด ซึ่งเจ้าพนักงานบังคับคดีจะต้องแจ้งประกาศการขายทอดตลาดทรัพย์มรดกให้ทราบ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 306 การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีแจ้งประกาศให้จำเลยทราบแต่เพียงคนเดียวจึงขัดต่อบทกฎหมายดังกล่าว เป็นการขายทอดตลาดที่ไม่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2690/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งประกาศขายทอดตลาดแก่ผู้มีส่วนได้เสีย: ผู้จัดการมรดกในฐานะลูกหนี้ตามคำพิพากษา
จำเลยทั้งสองต่างเป็นผู้จัดการมรดกและต่างอยู่ในฐานะของลูกหนี้ตามคำพิพากษา ย่อมเป็นผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีแก่ทรัพย์มรดกที่จะขายทอดตลาด ซึ่งเจ้าพนักงานบังคับคดีจะต้องแจ้งประกาศการขายทอดตลาดทรัพย์มรดกให้ทราบ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 306 การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีแจ้งประกาศให้จำเลยทราบแต่เพียงคนเดียวจึงขัดต่อบทกฎหมายดังกล่าว เป็นการขายทอดตลาดที่ไม่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1127/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
นิติบุคคลเป็นผู้จัดการมรดกได้ หากไม่ขัดวัตถุประสงค์ และไม่เป็นหน้าที่เฉพาะบุคคล
สิทธิและหน้าที่ของผู้จัดการมรดกนั้นโดยสภาพมิใช่สิทธิและหน้าที่ที่จะพึงมีพึงเป็นได้เฉพาะแก่บุคคลธรรมดา
บุคคลที่ต้องห้ามมิให้เป็นผู้จัดการมรดกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1718 ย่อมนำมาใช้แก่นิติบุคคลได้เท่าที่ไม่ขัดกับสภาพของนิติบุคคล
ไม่มีบทกฎหมายใดห้ามนิติบุคคลมิให้เป็นผู้จัดการมรดก ฉะนั้น ถ้าไม่ขัดกับวัตถุประสงค์ตามที่กำหนดไว้ในข้อบังคับหรือตราสารจัดตั้งของนิติบุคคลนั้นแล้ว ศาลย่อมตั้งนิติบุคคล
เป็นผู้จัดการมรดกได้ตามที่เห็นสมควร ผู้ร้องซึ่งเป็นวัดขอเป็นผู้จัดการมรดกซึ่งจะเป็นสมบัติของวัด วัดจึงเป็นผู้มีส่วนได้เสีย ย่อมกระทำโดยเจ้าอาวาสซึ่งเป็นผู้แทนของวัดเป็นผู้แสดงให้ปรากฏตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 75 จึงเห็นสมควรทั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกได้ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 7/2524)
บุคคลที่ต้องห้ามมิให้เป็นผู้จัดการมรดกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1718 ย่อมนำมาใช้แก่นิติบุคคลได้เท่าที่ไม่ขัดกับสภาพของนิติบุคคล
ไม่มีบทกฎหมายใดห้ามนิติบุคคลมิให้เป็นผู้จัดการมรดก ฉะนั้น ถ้าไม่ขัดกับวัตถุประสงค์ตามที่กำหนดไว้ในข้อบังคับหรือตราสารจัดตั้งของนิติบุคคลนั้นแล้ว ศาลย่อมตั้งนิติบุคคล
เป็นผู้จัดการมรดกได้ตามที่เห็นสมควร ผู้ร้องซึ่งเป็นวัดขอเป็นผู้จัดการมรดกซึ่งจะเป็นสมบัติของวัด วัดจึงเป็นผู้มีส่วนได้เสีย ย่อมกระทำโดยเจ้าอาวาสซึ่งเป็นผู้แทนของวัดเป็นผู้แสดงให้ปรากฏตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 75 จึงเห็นสมควรทั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกได้ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 7/2524)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1127/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
นิติบุคคลเป็นผู้จัดการมรดกได้ หากไม่ขัดต่อวัตถุประสงค์และกฎหมาย
สิทธิและหน้าที่ของผู้จัดการมรดกนั้นโดยสภาพมิใช่สิทธิและหน้าที่ที่จะพึงมีพึงเป็นได้เฉพาะแก่บุคคลธรรมดา
บุคคลที่ต้องห้ามมิให้เป็นผู้จัดการมรดกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1718 ย่อมนำมาใช้แก่นิติบุคคลได้เท่าที่ไม่ขัดกับสภาพของนิติบุคคล
ไม่มีบทกฎหมายใดห้ามนิติบุคคลมิให้เป็นผู้จัดการมรดกฉะนั้น ถ้าไม่ขัดกับวัตถุประสงค์ตามที่กำหนดไว้ในข้อบังคับหรือตราสารจัดตั้งของนิติบุคคลนั้นแล้ว ศาลย่อมตั้งนิติบุคคลเป็นผู้จัดการมรดกได้ตามที่เห็นสมควร ผู้ร้องซึ่งเป็นวัดขอเป็นผู้จัดการมรดกซึ่งจะเป็นสมบัติของวัด วัดจึงเป็นผู้มีส่วนได้เสีย ย่อมกระทำโดยเจ้าอาวาสซึ่งเป็นผู้แทนของวัดเป็นผู้แสดงให้ปรากฏตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 75 จึงเห็นสมควรตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกได้ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 7/2524)
บุคคลที่ต้องห้ามมิให้เป็นผู้จัดการมรดกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1718 ย่อมนำมาใช้แก่นิติบุคคลได้เท่าที่ไม่ขัดกับสภาพของนิติบุคคล
ไม่มีบทกฎหมายใดห้ามนิติบุคคลมิให้เป็นผู้จัดการมรดกฉะนั้น ถ้าไม่ขัดกับวัตถุประสงค์ตามที่กำหนดไว้ในข้อบังคับหรือตราสารจัดตั้งของนิติบุคคลนั้นแล้ว ศาลย่อมตั้งนิติบุคคลเป็นผู้จัดการมรดกได้ตามที่เห็นสมควร ผู้ร้องซึ่งเป็นวัดขอเป็นผู้จัดการมรดกซึ่งจะเป็นสมบัติของวัด วัดจึงเป็นผู้มีส่วนได้เสีย ย่อมกระทำโดยเจ้าอาวาสซึ่งเป็นผู้แทนของวัดเป็นผู้แสดงให้ปรากฏตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 75 จึงเห็นสมควรตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกได้ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 7/2524)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2095/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิผู้จัดการมรดก: ผู้ไม่มีส่วนได้เสียและพฤติการณ์ไม่สมควรเป็นผู้จัดการ
โจทก์อยู่กินกับผู้ตายภายหลังประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 ใช้บังคับโดยมิได้จดทะเบียนสมรส โจทก์จึงไม่เป็นภรรยาที่ชอบด้วยกฎหมายไม่เป็นทายาทของผู้ตาย ทั้งระหว่างอยู่กินด้วยกันไม่มีทรัพย์สินใหม่เกิดขึ้น ซึ่งมีความหมายว่าไม่มีทรัพย์สินที่โจทก์กับผู้ตายร่วมกันทำมาหาได้โจทก์จึงเป็นผู้ไม่มีส่วนได้เสียในทรัพย์มรดกอีกไม่มีสิทธิร้องต่อศาลขอให้ตั้งผู้จัดการมรดก
จำเลยเป็นพี่ผู้ตาย ดื่มสุราจนจิตฟั่นเฟือน มีผู้สนับสนุนให้จำเลยเป็นผู้จัดการมรดก โดยจัดหาทนายความให้ เพราะจำเลยไม่ค่อยมีเงินและจะจัดหาคนมาสร้างตึกแถวในที่ดินมรดกเพื่อหาประโยชน์ต่อไปตามพฤติการณ์ดังกล่าวไม่สมควรตั้งจำเลยเป็นผู้จัดการมรดก
จำเลยเป็นพี่ผู้ตาย ดื่มสุราจนจิตฟั่นเฟือน มีผู้สนับสนุนให้จำเลยเป็นผู้จัดการมรดก โดยจัดหาทนายความให้ เพราะจำเลยไม่ค่อยมีเงินและจะจัดหาคนมาสร้างตึกแถวในที่ดินมรดกเพื่อหาประโยชน์ต่อไปตามพฤติการณ์ดังกล่าวไม่สมควรตั้งจำเลยเป็นผู้จัดการมรดก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 431/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตคำฟ้องคดีมรดก: โจทก์ต้องขอแบ่งมรดกในฐานะทายาทชัดเจน หากมิได้ขอ ศาลไม่สามารถพิพากษาให้แบ่งมรดกได้
ตามคำฟ้องของโจทก์ขอให้ศาลบังคับให้จำเลยส่งมอบทรัพย์สินทั้งหมดของจ.ให้กับโจทก์ โดยอ้างว่าทรัพย์สินทั้งนั้นเป็นสินเดิมของ จ.ตกเป็นมรดก โจทก์เป็นผู้จัดการทรัพย์สินของ จ.ผู้สาบสูญตามคำสั่งศาล จะได้จัดแบ่งให้กับทายาทของ จ.ต่อไป แม้โจทก์จะอ้างว่าเป็นบุตรของ จ.ซึ่งมีฐานะเป็นทายาทของ จ.ด้วย และทรัพย์สินของ จ.ตกเป็นมรดกแต่โจทก์มิได้แสดงโดยแจ้งชัดในคำฟ้องว่า โจทก์ขอให้แบ่งมรดกให้โจทก์ในฐานะที่โจทก์เป็นทายาท และมิได้มีคำขอบังคับท้ายฟ้องเช่นนั้น ดังนั้น ศาลจะพิพากษาให้แบ่งทรัพย์สินของ จ.เป็นกรณีมรดกไม่ได้ เป็นการเกินคำขอ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 วรรคแรก และกรณีไม่เข้าข้อยกเว้นตาม (2) เพราะโจทก์มิได้ฟ้องเรียกทรัพย์มรดกเป็นของตนทั้งหมด ซึ่งศาลอาจพิพากษาให้โจทก์ได้รับแต่เพียงบางส่วนได้ (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1360/2517 ประชุมใหญ่)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 431/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตคำขอในคดีมรดก: โจทก์ต้องขอแบ่งมรดกในฐานะทายาทอย่างชัดเจน มิเช่นนั้นเป็นการเกินคำขอ
ตามคำฟ้องของโจทก์ขอให้ศาลบังคับให้จำเลยส่งมอบทรัพย์สินทั้งหมดของ จ. ให้กับโจทก์ โดยอ้างว่าทรัพย์สินทั้งนั้นเป็นสินเดิมของ จ. ตกเป็นมรดก โจทก์เป็นผู้จัดการทรัพย์สินของ จ. ผู้สาบสูญตามคำสั่งศาล จะได้จัดแบ่งให้กับทายาทของ จ. ต่อไปแม้โจทก์จะอ้างว่าเป็นบุตรของ จ. ซึ่งมีฐานะเป็นทายาทของ จ. ด้วย และทรัพย์สินของ จ. ตกเป็นมรดกแต่โจทก์มิได้แสดงโดยแจ้งชัดในคำฟ้องว่า โจทก์ขอให้แบ่งมรดกให้โจทก์ในฐานะที่โจทก์เป็นทายาท และมิได้มีคำขอบังคับท้ายฟ้องเช่นนั้น ดังนั้น ศาลจะพิพากษาให้แบ่งทรัพย์สินของ จ. เป็นกรณีมรดกไม่ได้ เป็นการเกินคำขอ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142วรรคแรก และกรณีไม่เข้าข้อยกเว้นตาม (2) เพราะโจทก์มิได้ฟ้องเรียกทรัพย์มรดกเป็นของตนทั้งหมด ซึ่งศาลอาจพิพากษาให้โจทก์ได้รับแต่เพียงบางส่วนได้ (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1360/2517ประชุมใหญ่)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2372/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสิ้นสุดสถานะผู้จัดการมรดกเมื่อผู้รับมอบหมายถึงแก่กรรม และผลกระทบต่อคดีความ
ผู้ร้องได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายหลังจากนั้นผู้ร้องกับผู้คัดค้านมีข้อพิพาทเกี่ยวกับทรัพย์สินหลายประการ จนเป็นเหตุให้ผู้ร้องไม่สามารถจัดการแบ่งปันมรดกได้ ตามคำแถลงของผู้ร้องและผู้คัดค้านนั้น เมื่อผู้ร้องถึงแก่กรรมในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา คำสั่งของศาลที่แต่งตั้งให้ผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกจึงไม่มีผลต่อไป และการเป็นผู้จัดการมรดกเป็นการเฉพาะตัวของผู้ร้อง จะรับมรดกความกันไม่ได้ จึงไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยฎีกาของผู้คัดค้านที่ขอให้บังคับผู้ร้องให้จัดการแบ่งมรดกตามคำสั่งของศาลชั้นต้นอีก ให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ