พบผลลัพธ์ทั้งหมด 122 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 18/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์: การกระทำต่อเนื่องและเจตนาครอบครองที่พิพาท
โจทก์อุทธรณ์ว่าจำเลยเข้าไปปั้นคันนาในที่พิพาทแล้วออกไปไม่ยุ่งเกี่ยวกับที่พิพาทอีกระยะเวลาหลังจากนั้นมาจึงมิใช่การครอบครองหรือแย่งการครอบครองตามกฎหมายแม้ต่อมาจำเลยจะเข้าไปตัดฟันต้นชาดจำเลยก็ไม่ได้ครอบครองต่อเนื่องนับจากเข้าไปปั้นคันนาจำเลยมีเจตนารบกวนเพื่อให้โจทก์ดำเนินคดีแต่มิใช่เจตนาครอบครองที่พิพาทเพื่อตนถือไม่ได้ว่าเป็นการครอบครองตามกฎหมายเป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลชั้นต้นเป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงเมื่อทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นอุทธรณ์ไม่เกิน50,000บาทจึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา224วรรคหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6169/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อพิพาทอัตราดอกเบี้ยตามสัญญา กู้เบิกเงินเกินบัญชี ศาลฎีกาแก้ไขคำพิพากษาให้เป็นไปตามอัตราดอกเบี้ยที่ตกลงกัน
โจทก์ฟ้องขอ ดอกเบี้ย อัตราร้อยละ 19 ต่อปี แต่ศาลชั้นต้นให้ดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ปัญหาที่ว่าโจทก์มีสิทธิเรียกให้ลูกหนี้ชำระดอกเบี้ยในอัตราตามฟ้องได้หรือไม่เป็นปัญหาข้อกฎหมาย แม้ทุนทรัพย์ที่พิพาทในชั้นอุทธรณ์ไม่เกิน 50,000 บาท คดีก็ไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 วรรคหนึ่งที่ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของโจทก์ในปัญหานี้เป็นการไม่ชอบและศาลฎีกาเห็นควรวินิจฉัยให้โดยไม่ต้องย้อนสำนวน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5497/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอุทธรณ์คดีที่มีทุนทรัพย์ไม่เกินห้าหมื่นบาท และการฎีกาเมื่อข้อเท็จจริงยุติแล้ว
โจทก์ทั้งสามฟ้อง ขอให้พิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ทั้งสามและเพิกถอนคำคัดค้านของจำเลยทั้งสอง จำเลยทั้งสองให้การต่อสู้ว่า ที่พิพาทเป็นที่ดินหวงห้ามอยู่ในความดูแลของจำเลยขอให้ยกฟ้อง จึงเป็นคดีมีทุนทรัพย์ เมื่อทุนทรัพย์ที่พิพาทของโจทก์แต่ละคนไม่เกินห้าหมื่นบาท จึงต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 วรรคหนึ่งโจทก์ทั้งสามอุทธรณ์ว่าที่พิพาทเป็นที่ดินที่โจทก์ทั้งสามได้รับจัดสรรจากทางราชการซึ่งเป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์และศาลอุทธรณ์ภาค 2 รับวินิจฉัยให้ก็เป็นการไม่ชอบ ถือว่าข้อเท็จจริงยุติไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นแล้วจึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตาม มาตรา 249 วรรคแรก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 217/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับรองอุทธรณ์ต้องชัดแจ้ง การไม่คืนค่าฤชาธรรมเนียมเมื่ออุทธรณ์ต้องห้าม
การรับรองให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงได้นั้น ต้องเป็นการรับรองโดยชัดแจ้งว่ามีเหตุอันควรอุทธรณ์ได้ คำสั่งของผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นที่สั่งรับอุทธรณ์เพียงว่า "รับอุทธรณ์สำเนาให้โจทก์" เฉย ๆ เท่านั้น ย่อมไม่ต้องด้วยข้อยกเว้นของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 224 วรรคหนึ่ง พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ 6)พ.ศ.2518 มาตรา 3
เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกอุทธรณ์ของจำเลยเพราะเป็นอุทธรณ์ที่ต้องห้าม ศาลอุทธรณ์ก็อาจใช้ดุลพินิจไม่คืนค่าฤชาธรรมเนียมให้จำเลยได้
เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกอุทธรณ์ของจำเลยเพราะเป็นอุทธรณ์ที่ต้องห้าม ศาลอุทธรณ์ก็อาจใช้ดุลพินิจไม่คืนค่าฤชาธรรมเนียมให้จำเลยได้