พบผลลัพธ์ทั้งหมด 371 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 561/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าที่ดินปลูกตึกและตึกตกเป็นของเจ้าของที่ดินเมื่อครบกำหนด สิทธิในตึกเป็นส่วนควบของที่ดิน ไม่ต้องโอน
เช่าที่ดินปลูกตึกโดยมีข้อสัญญาว่าจะให้ตึกที่ปลูกตกเป็นของเจ้าของที่ดินในภายหน้านั้น เมื่อถึงกำหนดแล้วตึกย่อมตกเป็นของเจ้าของที่ดินตามสัญญาในฐานะเป็นส่วนควบที่ดินหาจำต้องไปทำการโอนไม่(อ้างฎีกาที่ 561/2488)
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเช่าที่ดินปลูกตึกโดยตกลงให้ตึกตกเป็นของโจทก์ครบกำหนดตามสัญญาแล้วจำเลยไม่ยอมโอนตึกให้เป็นของโจทก์ จึงขอให้ศาลแสดงว่า ตึกตกเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์และขอให้จำเลยไปทำการโอนให้ดังนี้เป็นเรื่องขอให้ศาลแสดงสิทธิตามสัญญาและบังคับให้จำเลยไปทำการโอนตามสัญญา แม้จำเลยจะต่อสู้ว่าตามสัญญาตึกยังคงเป็นของจำเลย ก็เป็นเรื่องต่อสู้ในทางแปลสัญญา จึงเป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์ ตกอยู่ในอำนาจศาลแขวงตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม
โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์ต่อศาลแขวง แม้จำเลยจะฟ้องแย้งเรียกจำนวนเงินเกินอำนาจของศาลแขวง ก็ไม่ทำให้คดีเดิมที่โจทก์ฟ้องเสียไปเพราะคดีเดิมโจทก์ฟ้องอยู่ในอำนาจศาลแขวงอยู่แล้ว เมื่อจำเลยนำคดีของตนไปฟ้องแย้งยังศาลแขวง ศาลแขวงก็บังคับให้ตามคำฟ้องแย้งของจำเลยไม่ได้ คงถือว่า ข้อที่จำเลยฟ้องแย้งเป็นแต่เพียงข้อต่อสู้ฟ้องเดิมของโจทก์ข้อหนึ่งเท่านั้น
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเช่าที่ดินปลูกตึกโดยตกลงให้ตึกตกเป็นของโจทก์ครบกำหนดตามสัญญาแล้วจำเลยไม่ยอมโอนตึกให้เป็นของโจทก์ จึงขอให้ศาลแสดงว่า ตึกตกเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์และขอให้จำเลยไปทำการโอนให้ดังนี้เป็นเรื่องขอให้ศาลแสดงสิทธิตามสัญญาและบังคับให้จำเลยไปทำการโอนตามสัญญา แม้จำเลยจะต่อสู้ว่าตามสัญญาตึกยังคงเป็นของจำเลย ก็เป็นเรื่องต่อสู้ในทางแปลสัญญา จึงเป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์ ตกอยู่ในอำนาจศาลแขวงตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม
โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์ต่อศาลแขวง แม้จำเลยจะฟ้องแย้งเรียกจำนวนเงินเกินอำนาจของศาลแขวง ก็ไม่ทำให้คดีเดิมที่โจทก์ฟ้องเสียไปเพราะคดีเดิมโจทก์ฟ้องอยู่ในอำนาจศาลแขวงอยู่แล้ว เมื่อจำเลยนำคดีของตนไปฟ้องแย้งยังศาลแขวง ศาลแขวงก็บังคับให้ตามคำฟ้องแย้งของจำเลยไม่ได้ คงถือว่า ข้อที่จำเลยฟ้องแย้งเป็นแต่เพียงข้อต่อสู้ฟ้องเดิมของโจทก์ข้อหนึ่งเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 611/2489
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจผู้พิพากษาหัวหน้าศาลแขวงในการพิพากษาคดี แม้มิได้นั่งพิจารณา
เมื่อกฎหมายให้ผู้พิพากษาลงนามในคำพิพากษาได้แล้วก็ย่อมเป็นผู้ทำคำพิพากษาได้ด้วย
ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลแขวงนั้น แม้มิได้นั่งพิจารณาก็มีอำนาจพิพากษาคดีเพียงคนเดียวได้
ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 2/2489
ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลแขวงนั้น แม้มิได้นั่งพิจารณาก็มีอำนาจพิพากษาคดีเพียงคนเดียวได้
ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 2/2489
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 611/2489 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้พิพากษาลงนามคำพิพากษา = ผู้ทำคำพิพากษา แม้ไม่ได้นั่งพิจารณา
เมื่อกฎหมายให้ผู้พิพากษาลงนามในคำพิพากษาได้แล้วก็ย่อมเป็นผู้ทำคำพิพากษาได้ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 177/2488
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีไม่มีทุนทรัพย์: คำขอไถ่ทรัพย์สินขายฝากและรับเงิน ไม่ถือเป็นราคาเงินที่ชัดเจน
ฟ้องขอให้ศาลบังคับจำเลยให้โจทก์ไถ่ทรัพย์สินขายฝากคืนและรับเงิน 2,600 บาท ดังนี้เป็นคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์กำหนดลงเป็นราคาเงินมิได้ เพราะจำนวนเงินมิใช่วัตถุประสงค์ของโจทก์ทั้งเป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นนายเดียวนั่งพิจารณาได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 177/2488 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีไม่มีทุนทรัพย์: การบังคับไถ่ทรัพย์สินขายฝากและข้อจำกัดการฎีกา
ฟ้องขอให้ศาลบังคับจำเลยให้ให้โจทก์ไถ่ทรัพย์สินขายฝากคืนและรับเงิน 2600 บาท ดังนี้เป็นคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์กำหนดลงเป็นราคาเงินมิได้ เพราะจำนวนเงินมิใช่วัตถุประสงค์ของโจทก์ ทั้งเป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นนายเดียวนั่งพิจารณาได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 398/2486
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาล: คดีอาญาที่เกิดคาบเกี่ยวระหว่างศาลพลเรือนและศาลทหาร ให้ขึ้นศาลพลเรือนหากไม่ชัดเจนว่าเป็นคดีทหาร
คดีอาญาที่การกระทำผิดเกิดขึ้นคาบเกี่ยวกับศาลพลเรือนและศาลทหารเมื่อไม่ปรากฏแน่ชัดว่าเป็นกรณีที่เกิดขึ้นภายในเวลาที่บัญญัติว่าจะต้องดำเนินคดีทางศาลทหารเช่นนี้ ต้องนำคดีขึ้นศาลพลเรือน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 398/2486 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เขตอำนาจศาล: คดีอาญาคาบเกี่ยวระหว่างศาลพลเรือนและทหาร ต้องพิจารณาเวลาเกิดเหตุอย่างชัดเจนเพื่อกำหนดเขตอำนาจ
คดีอาญาที่การกะทำผิดเกิดขึ้นคาบเกี่ยวกับสาลพลเรือนและสาลทหาน เมื่อไม่ปรากดแน่ชัดว่าเปนกรนีที่เกิดขึ้นพายไหเวลาที่บัญญัติว่าจะต้องดำเนินคดีทางสาลทหานเช่นนี้ ต้องนำคดีขึ้นสาลพลเรือน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 321-322/2483
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลแขวงไต่สวนมูลฟ้องคดีอาญา แม้มีอัตราโทษสูงกว่าที่กำหนด
คดีอาญาซึ่งมีอัตราโทษเกินอำนาจศาลแขวงที่จะพิจารณาพิพากษาได้นั้น ศาลแขวงมีอำนาจไต่สวนมูลฟ้องและเห็นว่าไม่มีมูลก็มีอำนาจพิพากษายกฟ้องได้ บทบัญญัติในมาตรา 167 แห่ง ประมวล วิธีพิจารณาความอาญานั้น เป็นบทบัญญัติเกี่ยวแก่กระบวนพิจารณาบรรยายกระบวน พิจารณาบรรยายวิธีการที่จะพึงปฏิบัติ มิใช่เป็นบทกำหนดอำนาจศาล
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 809/2481
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิฟ้องคดีใหม่เมื่อศาลสั่งไม่รับฟ้องโดยไม่มีอำนาจ แม้คดีเดิมยังไม่สิ้นสุด
+คดีที่ศาลสั่งไม่รับฟ้องของโจทก์โดยเกินอำนาจศาลนั้น เมื่อโจทก์ไม่อุทธรณ์ฎีกา แต่ได้ยื่นฟ้องใหม่ในศาลที่มีอำนาจแล้วถึงแม้คดีเดิมยังไม่เสร็จเด็ดขาดเพราะจำเลยฎีกาก็ดี ก็ไม่เป็นเหตุขัดขวางคือการดำเนินคดีใหม่ของโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 218/2481
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำต้องห้าม แม้เปลี่ยนตัวโจทก์จำเลย และการคัดค้านองค์คณะไม่ชอบ
นำเอาประเด็นข้อพิพาทที่ศาลพิพากษาเด็ดขาดแล้วมาฟ้องอีก ถึงแม้ว่าจะเปลี่ยนข้ออ้างในกฎหมายเสียละเป็นการกลับตัวโจทก์จำเลยกันกับคดีเรื่องก่อนก็ตามก็ต้องถือว่าเป็นฟ้องซ้ำต้องห้ามตามกฎหมายข้างต้นการคัดค้านว่าผู้พิพากษานั่งพิจารณาไม่ครบคณะนั้นต้องคัดค้านเสียแต่ในชั้นแรกจะยกขึ้นมาคัดค้านในชั้นศาลสูงมิได้