พบผลลัพธ์ทั้งหมด 146 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 693/2559
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำความผิดฐานข่มขืนใจ ทำร้ายร่างกาย และความผิดตาม พ.ร.บ.อาญา มาตรา 309 ไม่สามารถระงับได้ด้วยการยอมความ
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 1 ก่อให้ผู้อื่นกระทำความผิดด้วยการโฆษณาหรือประกาศแก่บุคคลทั่วไปให้กลุ่มคนชมรม ค. กระทำความผิดในคดีนี้ โดยบรรยายครบองค์ประกอบความผิดในแต่ละข้อหา จึงเป็นฟ้องที่ชอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 158 (5) แล้ว โดยหาจำต้องระบุตัวบุคคลผู้ถูกใช้หรือลงมือกระทำความผิดไม่
ความผิดตาม ป.อ. มาตรา 309 ที่ได้กระทำโดยมีอาวุธและโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไปตามวรรคสอง ไม่ใช่ความผิดต่อส่วนตัวหรือความผิดอันยอมความได้ตาม ป.อ. มาตรา 321 สิทธินำคดีอาญามาฟ้องไม่ระงับไปตาม ป.วิ.อ. มาตรา 39 (2) ส่วนความผิดตาม ป.อ. มาตรา 358 ซึ่งเป็นความผิดอันยอมความได้นั้น แม้จะได้ความว่าฝ่ายโจทก์ตกลงยอมความกับจำเลยที่ 2 แต่ไม่ปรากฏว่าฝ่ายโจทก์ได้ตกลงให้ความผิดของจำเลยที่ 1 ระงับไปด้วย ความผิดของจำเลยที่ 1 จึงหาระงับไปไม่
ความผิดตาม ป.อ. มาตรา 309 ที่ได้กระทำโดยมีอาวุธและโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไปตามวรรคสอง ไม่ใช่ความผิดต่อส่วนตัวหรือความผิดอันยอมความได้ตาม ป.อ. มาตรา 321 สิทธินำคดีอาญามาฟ้องไม่ระงับไปตาม ป.วิ.อ. มาตรา 39 (2) ส่วนความผิดตาม ป.อ. มาตรา 358 ซึ่งเป็นความผิดอันยอมความได้นั้น แม้จะได้ความว่าฝ่ายโจทก์ตกลงยอมความกับจำเลยที่ 2 แต่ไม่ปรากฏว่าฝ่ายโจทก์ได้ตกลงให้ความผิดของจำเลยที่ 1 ระงับไปด้วย ความผิดของจำเลยที่ 1 จึงหาระงับไปไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 22714/2555
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องในคดีข่มขืนใจ: การแจ้งความร้องทุกข์ของผู้ปกครองที่ไม่ชอบตามกฎหมาย
แม้โจทก์จะฟ้องจำเลยในข้อหาข่มขืนใจผู้อื่น โดยมีอาวุธ ตาม ป.อ. มาตรา 309 วรรคสอง ซึ่งเป็นความผิดอันยอมความไม่ได้ แต่ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยกระทำความผิดข้อหาข่มขืนใจผู้อื่น ตาม ป.อ. มาตรา 309 วรรคแรก โจทก์มิได้อุทธรณ์ว่า จำเลยกระทำความผิดตาม ป.อ. มาตรา 309 วรรคสอง ความผิดดังกล่าวจึงถึงที่สุดตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ข้อเท็จจริงจึงรับฟังได้เพียงว่า จำเลยกระทำความผิดข้อหาข่มขืนใจผู้อื่นตาม ป.อ. มาตรา 309 วรรคแรก ซึ่งเป็นความผิดอันยอมความได้ตามมาตรา 321 เมื่อไม่ปรากฏว่าผู้เสียหายเป็นผู้เยาว์ หรือผู้ไร้ความสามารถซึ่งในความดูแลของ ค. บิดาผู้เสียหาย หรือผู้เสียหายถูกทำร้ายถึงตายหรือบาดเจ็บจนไม่สามารถจะจัดการเองได้ อันจะทำให้ ค. เป็นผู้มีอำนาจจัดการแทนผู้เสียหายได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 5 การที่ ค. ไปแจ้งความร้องทุกข์จึงไม่ชอบ ถือได้ว่าไม่มีคำร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีแก่จำเลยในความผิดดังกล่าว พนักงานสอบสวนจึงไม่มีอำนาจสอบสวน และพนักงานอัยการโจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลย ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 120, 121
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5521/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยอมความของผู้เสียหายในคดีอาญา ทำให้สิทธิการฟ้องคดีอาญาเป็นอันระงับ
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำเลยฐานกระทำอนาจารตามมาตรา 278 กระทงหนึ่ง ฐานร่วมกันกระทำผิดต่อเสรีภาพและฐานร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังทำให้ปราศจากเสรีภาพตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 309 วรรคสอง,310 วรรคแรก,83เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษฐานกระทำผิดต่อเสรีภาพ ตามมาตรา 309 วรรคสอง ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดอีกกระทงหนึ่ง จำเลยฎีกา คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาผู้เสียหายยื่นคำร้องมีข้อความว่าผู้เสียหายไม่มีความประสงค์จะดำเนินคดีแก่จำเลยทุกข้อหา ศาลฎีกามีคำสั่งให้จำหน่ายคดีเฉพาะความผิดตามมาตรา 278 และ 310 วรรคแรก ออกจากสารบบความคงมีปัญหาที่ศาลฎีกาต้องวินิจฉัยเพียงว่า จำเลยกระทำผิดตามมาตรา 309 วรรคสอง หรือไม่ เมื่อศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามมาตรา 309 วรรคแรก เท่านั้นซึ่งความผิดดังกล่าวเป็นความผิดอันยอมความได้ และคดียังไม่ถึงที่สุดการที่ผู้เสียหายยื่นคำร้องมีข้อความดังกล่าวนั้นถือได้ว่าเป็นการยอมความกันในความผิดที่ศาลฎีกาวินิจฉัยนี้ด้วย สิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมเป็นอันระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 39(2) ศาลฎีกาต้องพิพากษายกฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5521/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยอมความในคดีอาญาและการระงับการฟ้องร้องตาม ป.วิ.อ. มาตรา 39(2)
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำเลยฐานกระทำอนาจารตามมาตรา 278 กระทงหนึ่ง ฐานร่วมกันกระทำผิดต่อเสรีภาพและฐานร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังทำให้ปราศจากเสรีภาพตาม ป.อ. มาตรา 309วรรคสอง, 310 วรรคแรก, 83 เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษฐานกระทำผิดต่อเสรีภาพ ตามมาตรา 309 วรรคสอง ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด อีกกระทงหนึ่ง จำเลยฎีกา คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา ผู้เสียหายยื่นคำร้องมีข้อความว่าผู้เสียหายไม่มีความประสงค์จะดำเนินคดีแก่จำเลยทุกข้อหาศาลฎีกามีคำสั่งให้จำหน่ายคดีเฉพาะความผิดตามมาตรา 278 และ 310 วรรคแรกออกจากสารบบความ คงมีปัญหาที่ศาลฎีกาต้องวินิจฉัยเพียงว่า จำเลยกระทำผิดตามมาตรา 309 วรรคสอง หรือไม่ เมื่อศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามมาตรา 309 วรรคแรก เท่านั้น ซึ่งความผิดดังกล่าวเป็นความผิดอันยอมความได้ และคดียังไม่ถึงที่สุด การที่ผู้เสียหายยื่นคำร้องมีข้อความดังกล่าวนั้นถือได้ว่าเป็นการยอมความกันในความผิดที่ศาลฎีกาวินิจฉัยนี้ด้วย สิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมเป็นอันระงับไปตาม ป.วิ.อ. มาตรา 39 (2) ศาลฎีกาต้องพิพากษายกฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 609/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การร้องทุกข์ในความผิดต่อส่วนตัว การให้การพยานไม่ถือเป็นการร้องทุกข์โดยปริยาย
ป.ให้การเป็นพยานในเรื่องที่จำเลยถูกหาว่า ฆ่าคนตาย คำให้การพาดพิงถึงการที่ ป. ถูกจำเลยจับไปกักขังไว้ด้วย จะถือว่าเป็นการร้องทุกข์ว่าจำเลยหน่วงเหนี่ยวกักขังให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพ ในร่างกายด้วยโดยปริยาย หาได้ไม่ เมื่อไม่มีการร้องทุกข์ ของผู้เสียหาย แล้ว โจทก์ก็ฟ้องคดีนี้ซึ่งเป็นความผิดต่อส่วนตัวไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 609/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การร้องทุกข์ความผิดฐานหน่วงเหนี่ยวฯ ต้องเป็นการกล่าวหาโดยมีเจตนาให้ผู้กระทำผิดได้รับโทษ การให้การพยานในคดีอื่นไม่ถือเป็นการร้องทุกข์
ป. ให้การเป็นพยานในเรื่องที่จำเลยถูกหาว่าฆ่าคนตายคำให้การพาดพิงถึงการที่ ป. ถูกจำเลยจับไปกักขังไว้ด้วย จะถือว่าเป็นการร้องทุกข์ว่าจำเลยหน่วงเหนี่ยวกักขังให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกายด้วยโดยปริยายหาได้ไม่ เมื่อไม่มีการร้องทุกข์ของผู้เสียหายแล้วโจทก์ฟ้องคดีนี้ซึ่งเป็นความผิดต่อส่วนตัวไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 250/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความไม่ชัดเจนของฟ้องที่ระบุข้อหาลักทรัพย์และรับของโจร ทำให้จำเลยไม่เข้าใจข้อหา เป็นฟ้องที่ไม่ชอบ
บรรยายฟ้องข้อ 1 ว่าจำเลยลักทรัพย์ แต่กล่าวในฟ้องข้อ 2 ว่าจำเลยลักทรัพย์หรือรับของโจร เช่นนี้เป็นฟ้องที่ขัดกัน ทำให้จำเลยไม่เข้าใจข้อหาได้ดี เป็นฟ้องที่ไม่ชอบด้วย ป.วิ.อาญา ม.158 (5) .
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1073/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับของโจร: ความรู้หรือเจตนาในการรับทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำความผิด
เมื่อปรากฎว่าปืนคาไบร์สองกระบอกนี้เป็นปืนไม่มีทะเบียนและเป็นปืนชนิดที่ใช้ในราชการทหารเช่นนี้จำเลยก็น่าจะต้องรู้ว่าปืนนั้นได้พ้นมาจากการครอบครองของทางราชการโดยมิชอบประกอบด้วยพฤติการณ์ของจำเลยแสดงความพิรุธ จึงทำให้เห็นได้ชัดว่าจำเลยรู้อยู่แล้วว่าปืนนั้นเป็นของร้ายได้มาจากการกระทำความผิด จึงต้องมีผิดฐานสมคบกันรับของโจร ตาม ม.321
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 578/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจดทะเบียนยานพาหนะเท็จ แม้ซื้อรถโดยสุจริต ก็มีความผิดฐานบอกให้เจ้าพนักงานจดข้อความเท็จ
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยลักจักรยานสามล้อหรือรับไว้โดยรู้ว่าเป็นของร้ายและนำความเท็จไปแจ้งแก่เจ้าพนักงานยานพาหนะว่าจำเลยซื้อมาจากร้านชนนิยมจำเลยต่อสู้ว่าซื้อมาโดยสุจริต
เมื่อข้อเท็จจริงฟังว่าจำเลยได้ซื้อมาโดยไม่รู้ว่าเป็นของร้ายจำเลยก็ไม่มีความผิดฐานรับของโจรแต่เมื่อจำเลยนำรถไปจดทะเบียนต่อเจ้าพนักงานจำเลยนำความเท็จไปแจ้งต่อเจ้าพนักงานทะเบียนว่าซื้อมาจากร้านชนนิยม ซึ่งความจริงจำลยหาได้ซื้อมาจากที่ร้านนี้ไม่ เพียงเท่านี้จำเลยก็มีความผิดตาม ม.226 แล้วเพราะการกระทำของจำเลยอาจเกิดความเสียหายแก่เจ้าทรัพย์และเจ้าพนักงานได้.
เมื่อข้อเท็จจริงฟังว่าจำเลยได้ซื้อมาโดยไม่รู้ว่าเป็นของร้ายจำเลยก็ไม่มีความผิดฐานรับของโจรแต่เมื่อจำเลยนำรถไปจดทะเบียนต่อเจ้าพนักงานจำเลยนำความเท็จไปแจ้งต่อเจ้าพนักงานทะเบียนว่าซื้อมาจากร้านชนนิยม ซึ่งความจริงจำลยหาได้ซื้อมาจากที่ร้านนี้ไม่ เพียงเท่านี้จำเลยก็มีความผิดตาม ม.226 แล้วเพราะการกระทำของจำเลยอาจเกิดความเสียหายแก่เจ้าทรัพย์และเจ้าพนักงานได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 330/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
องค์ประกอบความผิดฐานรับของโจร: ต้องพิสูจน์ได้ว่าของที่รับมาได้มาจากการกระทำผิดกฎหมาย
อันจะเป็นความผิดฐานรับของโจรนั้นต้องประกอบด้วยองค์สำคัญว่าของซึ่งได้รับไว้เป็นของที่ได้มาด้วยการกระทำผิดต่อ ก.ม.เมื่อทางพิจารณาไม่ได้ความว่ากระบือของกลางเป็นของที่ได้มาจากการกระทำผิด ก.ม.คือถูกลักมาดังฟ้องแล้วก็ย่อมลงโทษจำเลยฐานรับของโจรหาได้ไม่.