คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.อ. ม. 221

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 288 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1931/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาในการกระทำความผิดฐานกระทำอนาจาร: การกระชากเพื่อทำร้ายไม่ใช่ความผิด
ศาลชั้นต้นอนุญาตให้จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงโดยสั่งว่า "..พิเคราะห์เห็นว่าข้อความที่ตัดสิน นั้นเป็นปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลสูงสุด จึงอนุญาตให้ฎีกา" คำสั่งดังนี้ตรงตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 221 แล้ว ศาลฎีการับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาได้
ชายจับมือหญิงสาวกระชากมาเพื่อจะทำร้ายไม่ใช่เจตนาจะทำอนาจาร นั้นย่อมไม่เป็นความผิดฐานกระทำอนาจารตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 246

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1931/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาในการกระทำความผิดฐานกระทำอนาจาร การกระชากเพื่อทำร้าย ไม่ถือเป็นความผิดฐานอนาจาร
ศาลชั้นต้นอนุญาตให้จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงโดยสั่งว่า "...พิเคราะห์เห็นข้อความที่ตัดสินนั้น เป็นปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลสูงสุด จึงอนุญาตให้ฎีกา" คำสั่งดังนี้ตรงตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 221 แล้ว ศาลฎีการับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาได้
ชายจับมือหญิงสาว กระชากมาเพื่อจะทำร้ายไม่ใช่เจตนาจะทำอนาจาร นั้นย่อมไม่เป็นความผิดฐานกระทำอนาจารตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 246

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 149/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีอาญา, การพิสูจน์หลักฐาน, และการอนุญาตฎีกาของผู้พิพากษา
ผู้พิพากษาซึ่งเคยนั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้น แม้จะถูกย้ายไปอยู่ศาลอื่นก็ตาม ถ้าหากยังคงเป็นผู้พิพากษาอยู่ ก็ย่อมอนุญาตให้คู่ความในคดีนั้นฎีกาได้ตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา221.
คดีของโจทก์มีพะยานเอกสารมากมาย เมื่อศาลอุทธรณ์เห็นว่าพะยานบุคคลรับฟังไม่ได้ แม้มีพะยานเอกสารสารมาเจือสมก็ไม่มีผลดีแก่คดีของโจทก์แล้ว ศาลอุทธรณ์จะไม่พิจารณาพะยานเอกสารนั้น ๆ ต่อไปก็ได้ ไม่เป็นการผิดกฎหมาย
คดีลักทรัพย์ ถ้าปรากฎว่าจำเลยได้กระทำผิดก่อนเจ้าทรัพย์ถึงแก่กรรม ทายาทหรือผู้จัดการมฤดกของเจ้าทรัพย์ย่อมไม่มีอำนาจฟ้องร้อง เพราะไม่ใช่ผู้เสียหาย
ฟ้องโจทก์ได้กล่าวหาว่าจำเลยปลอมหนังสือสัญญากู้และกระทำพะยานหลักฐานเท็จตั้งแต่ระยะเวลาก่อนผู้เสียหายถึงแก่กรรมตลอดมาจนภายหลังถึงแก่กรรม คดีไม่อาจชี้ได้ว่าจำเลยกระทำผิดในระยะใด คดีไม่มีทางที่จะรู้ได้ว่าโจทก์จะมีอำนาจฟ้องได้หรือไม่ เช่นนี้ในชั้นฎีกาก็ไม่จำเป็นต้องพิจารณาข้อเท็จจริงต่อไป
ในข้อหาที่ว่าจำเลยอ้างหลักฐานเท็จในคดีแพ่ง คือหาว่าจำเลยอ้างสัญญากู้ที่จำเลยทำปลอมขึ้นโดยเจตนาจะใช้แทนสัญญากู้ฉะบับที่จำเลยกู้เงินจากผู้ตาย ดังนี้เมื่อเป็นคดีที่จำเลยฟ้องร้องกันเองในคดีแพ่ง โจทก์ซึ่งเป็นทายาทหรือผู้จัดการมฤดกของผู้ตาย ย่อมไม่ใช่เป็นผู้เสียหายในคดีนั้น จึงไม่มีอำนาจฟ้องคดีอาญาในข้อหาฐานอ้างหลักฐานเท็จ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 149/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีอาญาหลังเจ้าของสิทธิถึงแก่กรรม และการอนุญาตฎีกาของผู้พิพากษาที่ย้ายศาล
ผู้พิพากษาซึ่งเคยนั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้น แม้จะถูกย้ายไปอยู่ศาลอื่นก็ตาม ถ้าหากยังคงเป็นผู้พิพากษาอยู่ ก็ย่อมอนุญาตให้คู่ความในคดีนั้นฎีกาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 221
คดีของโจทก์มีพยานเอกสารมากมาย เมื่อศาลอุทธรณ์เห็นว่าพยานบุคคลรับฟังไม่ได้ แม้มีพยานเอกสารมาเจือสมก็ไม่มีผลดีแก่คดีของโจทก์แล้ว ศาลอุทธรณ์จะไม่พิจารณาพยานเอกสารนั้นๆ ต่อไปก็ได้ ไม่เป็นการผิดกฎหมาย
คดีลักทรัพย์ ถ้าปรากฏว่าจำเลยได้กระทำผิดก่อนเจ้าทรัพย์ถึงแก่กรรมทายาทหรือผู้จัดการมรดกของเจ้าทรัพย์ย่อมไม่มีอำนาจฟ้องร้องเพราะไม่ใช่ผู้เสียหาย
ฟ้องโจทก์ได้กล่าวหาว่าจำเลยปลอมหนังสือสัญญากู้และกระทำพยานหลักฐานเท็จตั้งแต่ระยะเวลาก่อนผู้เสียหายถึงแก่กรรมตลอดมาจนภายหลังถึงแก่กรรม คดีไม่อาจชี้ได้ว่าจำเลยกระทำผิดในระยะใด คดีไม่มีทางที่จะรู้ได้ว่าโจทก์จะมีอำนาจฟ้องได้หรือไม่ เช่นนี้ในชั้นฎีกาก็ไม่จำเป็นต้องพิจารณาข้อเท็จจริงต่อไป
ในข้อหาที่ว่าจำเลยอ้างหลักฐานเท็จในคดีแพ่ง คือหาว่าจำเลยอ้างสัญญากู้ที่จำเลยทำปลอมขึ้นโดยเจตนาจะใช้แทนสัญญากู้ฉบับที่จำเลยกู้เงินจากผู้ตาย ดังนี้เมื่อเป็นคดีที่จำเลยฟ้องร้องกันเองในคดีแพ่ง โจทก์ซึ่งเป็นทายาทหรือผู้จัดการมรดกของผู้ตาย ย่อมไม่ใช่เป็นผู้เสียหายในคดีนั้นจึงไม่มีอำนาจฟ้องคดีอาญาในข้อหาฐานอ้างหลักฐานเท็จ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 51/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่รับวินิจฉัยเนื่องจากฎีกาในประเด็นข้อเท็จจริงต้องห้ามตามกฎหมาย และไม่มีผู้รับรองฎีกา
ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลย 3 เดือน ศาลอุทธรณ์ฟังว่า จำเลยทำผิดจริงดังฟ้อง และพิพากษาลงโทษจำเลย แต่ให้รอการลงอาญาไว้ตาม มาตรา 41,42 ก.ม. ลักษณะอาญา โจทก์จะฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้ ต้องห้ามตาม ป.ม.วิ.อาญา มาตรา 220 ฎีกาโจทก์ไม่มีผู้รับรองตามมาตรา 221 ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัย./

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 51/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฎีกาที่ไม่เป็นไปตามขั้นตอนและข้อกำหนดของกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ทำให้ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลย 3 เดือน ศาลอุทธรณ์ฟังว่า จำเลยทำผิดจริงดังฟ้อง และพิพากษาลงโทษจำเลยแต่ให้รอการลงอาญาไว้ตาม มาตรา 41,42 กฎหมายลักษณะอาญา โจทก์จะฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 ฎีกาโจทก์ไม่มีผู้รับรองตามมาตรา 221 ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 130/2490 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง และการยกประโยชน์แห่งความสงสัยในคดีอาญา
ปัญหาว่า ยางของกลางเป็นของหลวงหรือไม่และจำเลยได้ยักยอกไปจริงหรือไม่ เป็นปัญหาข้อเท็จจริง
ปัญหาว่า คดีโจทก์มีเหตุสงสัย ควรยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลยตามวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 227 หรือไม่ เป็นปัญหาข้อเท็จจริง
การที่ศาลชั้นต้นสั่งในฎีกาว่า "สำเนาให้โจทก์" นั้นไม่ใช่คำอนุญาตให้ฎีกาได้ เป็นแต่คำสั่งรับฎีกาตามปรกติเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 130/2490

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาข้อเท็จจริง – การยักยอกทรัพย์ของหลวงและเหตุสงสัย – ศาลฎีกายกข้อฎีกา
ปัญหาว่า ยางของกลางเป็นของหลวงหรือไม่และจำเลยได้ยักยอกไปจริงหรือไม่ เป็นปัญหาข้อเท็จจริง
ปัญหาว่า คดีโจทก์มีเหตุสงสัย ควรยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 227 หรือไม่เป็นปัญหาข้อเท็จจริง
การที่ศาลชั้นต้นสั่งในฎีกาว่า "สำเนาให้โจทก์"นั้น ไม่ใช่คำอนุญาตให้ฎีกาได้ เป็นแต่คำสั่งรับฎีกาตามปกติเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 522/2489

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสมรู้ร่วมคิดรับสินบน เจ้าพนักงานออกบัตรโดยมิชอบ และความผิดฐานปลอมแปลงเอกสาร
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยที่ 2 สมคบกับจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ออกบัตรให้กรรมกรหยุดงานได้โดยมิได้กล่าวในฟ้องด้วยว่า จำเลยที่ 2 มีอำนาจออกบัตรนั้นด้วย ดังนี้ศาลก็คงลงโทษจำเลยที่ 2 ฐานสมรู้กับจำเลยที่ 1 ได้
ฟ้องตอนแรกบรรยายว่าจำเลยรับเงินไว้เป็นสินน้ำใจตอนหลังว่าเป็นสินบน ดังนี้ไม่ใช่ฟ้องเคลือบคลุม
เมื่อได้ความว่า จำเลยมีอำนาจออกบัตรให้กรรมกรหยุดงานเพราะป่วยได้แล้ว แม้ปรากฏว่าจำเลยได้ทำเตรียมบัตรนั้นไว้ก่อนได้รับมอบตัวกรรมกรก็ตาม จำเลยก็ต้องมีความผิดฐานปลอมหนังสือในตำแหน่งหน้าที่ราชการ
ศาลอุทธรณ์มีความเห็นแย้ง แต่มิได้อนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ดังนี้จำเลยฎีกาข้อเท็จจริงไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 522/2489 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสมคบกันเรียกรับสินบนและปลอมแปลงเอกสารราชการ โดยจำเลยมีหน้าที่ออกบัตรอนุญาต
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยที่ 2 สมคบกับจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ออกบัตร์ให้กรรมกรหยุดงานได้โดยมิได้กล่าวในฟ้องด้วยว่า จำเลยที่ 2 มีอำนาจออกบัตร์นั้นด้วย ดังนี้ศาลก็คงลงโทษจำเลยที่ 2 ฐานสมรู้กับจำเลยที่ 1 ได้
ฟ้องตอนแรกบรรยายว่าจำเลยรับเงินไว้เป็นสินน้ำใจ ตอนหลังว่าเป็นสินบน ดังนี้ไม่ใช่ฟ้องเคลือบคลุม
เมื่อได้ความว่า จำเลยมีอำนาจออกบัตร์ให้กรรมกรหยุดงานเพราะป่วยได้แล้ว แม้ปรากฏว่าจำเลยได้ทำเตรียมบัตร์นั้นไว้ก่อนได้รับมอบตัวกรรมกรก็ตาม จำเลยก็ต้องมีความผิดฐานปลอมหนังสือในตำแหน่งหน้าที่ราชการ
ศาลอุทธรณ์มีความเห็นแย้ง แต่มิได้อนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ดังนี้จำเลยฎีกาข้อเท็จจริงไม่ได้
of 29