คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ธรรมบัณฑิต

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,185 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 185/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สมคบกันมีไม้หวงห้าม: การรับรองความเป็นเจ้าของไม้เป็นเหตุให้ฟังได้ว่าสมคบกันมีไม้ไว้ในครอบครอง
จับไม้หวงห้ามไม่มีตราค่าภาคหลวงได้บนรถบรรทุกซึ่งจอดอยู่ใกล้บ้านเจ้าของรถผู้ซึ่งได้รับอนุญาตตัดไม้มาหลายปีแล้วขณะจับภรรยามาทำบันทึกรับรองว่าเป็นไม้ของเจ้าของรถ ต่อมาตนเองยังได้มาพูดรับรองต่อเจ้าพนักงานว่าเป็นไม้ของตนอีกดังนี้ย่อมถือได้ว่เจ้าของรถบรรทุกไม้สมคบกับจำเลยอื่นมีไม้รายนี้ไว้ในความครอบครองด้วย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 84/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสอบสวนผู้ต้องหา, การแจ้งข้อหา, และความผิดของเจ้าพนักงาน, รวมถึงการกระทำหน้าที่พ้นตำแหน่ง
ป.วิ.อาญา ม.134 ที่บัญญัติให้พนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาให้ผู้ต้องหาทราบก่อนทำการสอบสวน หมายความว่า กฎหมายต้องการให้ผู้ต้องหารู้ตัวก่อนสอบสวนว่าตนต้องถูกสอบสวนเรื่องอันใดเป็นประธานที่ต้องทำการสอบสวน มิได้หมายความว่าจะต้องแจ้งทุก ๆ กะทงความผิดแม้เดิมจะตั้งข้อหาฐานหนึ่ง แต่เมื่อสอบสวนแล้วปรากฏว่าเป็นความผิดฐานอื่นด้วย ก็เรียกว่าได้มีการสอบสวนในความผิดนั้นด้วยแล้ว
เดิมพยานโจทก์ถูกสอบสวนในฐานผู้ต้องหา ต่อมาอัยการผู้สอบสวนพูดว่าจะให้การตามความจริงได้ไหม ถ้าให้การตามความจริงจะเอาเป็นพยาน ๆ โจทก์ปากนี้เกรงว่าจะตกเป็นผู้ต้องหาจึงให้การใหม่ และกลับให้การใหม่เปลี่ยนข้อเท็จจริงโยนบรรดาการกระทำผิดทั้งหลายที่ให้การไว้เดิมอันเป็นข้อพิรุธของตนนั้นให้เป็นการกระทำของจำเลยโดยสิ้นเชิง เช่นนี้เป็นการไม่ชอบด้วยวิธีการสอบสวนตาม ป.วิ.อาญา ม.133
จำเลยเป็นอัยการแต่ไม่มีหน้าที่เกี่ยวกับคดี แม้จะฟังว่าจำเลยเป็นผู้บอกให้พยานกลับ เมื่อพยานนั้นเป็นพยานที่ศาลหมายเรียกมา ไม่ใช่อัยการนำไปให้ศาลสืบ ดังนั้นการที่จะให้พยานรอเพื่อเบิกความหรือให้กลับย่อมเป็นเรื่องของศาล ทั้งได้ความจากพยานโจทก์ว่าการบอกให้พยานกลับไม่จำเป็นต้องเฉพาะอัยการเป็นผู้บอกทั้งไม่ได้ความว่าจำเลยแสดงต่อพยานนั้นว่าจำเลยเป็นอัยการคงทำหน้าที่นั้นอยู่ ดังนี้จึงเรียกไม่ได้ว่าจำเลยยังขืนกระทำการตามตำแหน่งหน้าที่อัยการอันเป็นความผิดตาม ก.ม.อาญา ม.127 วรรค 2.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 30/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความชัดเจนของฟ้องละเมิด: การบรรยายเหตุและจำนวนเงินเรียกคืนเพียงพอต่อการดำเนินคดี
การที่โจทก์บรรยายฟ้องเป็นใจความว่าจำเลยหลอกลวงให้โจทก์หลงเชื่อว่าจำเลยเป็นเจ้าของเครื่องสูบน้ำสองเครื่องและโจทก์ตกลงรับซื้อจ่ายราคาให้ 26,640 บาท แล้วโจทก์ขายต่อให้นายอุทัย.ภายหลังปรากฏว่าเครื่องสูบน้ำนี้เป็นของกรมชลประทาน จำเลยยักยอกมา ตำรวจจึงไปเอาคืนมา.โจทก์ได้ชดใช้ราคาเครื่องสูบน้ำแก่นายอุทัยไปแล้วจึงฟ้องให้จำเลยรับไปจากโจทก์ข้างต้น ดังนี้ถือว่าโจทก์บรรยายเหตุที่จำเลยกระทำละเมิดไว้ชัดเจน และเรียกจำนวนเงินที่จำเลยรับไปจากโจทก์คืนนับว่าเป็นฟ้องที่มีมูลกรณีชัดแจ้งแล้ว
ส่วนข้อทีโจทก์มิได้บรรยายว่าได้จ่ายเงินค่าสูบน้ำแก่นายอุทัยผู้ซื้อจากโจทก์เท่าใดและเมื่อใดนั้นตามฟ้องก็กล่าวพอจะให้เข้าใจได้ว่าใช้ตามราคาที่ขายแก่นายอุทัยและตาม 2 ข้อนี้ไม่ใช่ประเด็นโดยตรงของการละเมิด.ฉนั้นจึงถือได้ว่าฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สมคบคิดร่วมกันทำร้ายร่างกายและพยายามฆ่า โดยมีพฤติการณ์สนับสนุนการกระทำผิด
จำเลยทั้งสามกับพวกได้เข้าไปในส่วนผู้มีชื่อพร้อมกัน ขณะนั้นเป็นเวลาดึกมากไม่ใช่เวลาที่จำเลยกับพวกจะไปปรากฏตัวอยู่,ได้ก่อเหตุระรานผู้เสียหายกล่าวคือพวกของจำเลยคนหนึ่งตีผู้เสียหายอีกคนหนึ่ง ยิงผู้เสียหาย-อีกคนหนึ่งต่อหน้าต่อตาจำเลยทั้งสาม แต่จำเลยทั้งสามไม่มีใครห้ามปรามเลย กลับยังอยู่เป็นกำลังใจให้พรรคพวก แล้วพวกของตนก็ยิงกระหน่ำเข้าไปในใต้ถุนเรือนซึ่งมีผู้เสียหายซ่อนอยู่อีก 6 นัด เมื่อชาวบ้านมาร้องขอ จำเลยทั้งสามกับพวกจึงพากันออกจากบ้านผู้มีชื่อไปพร้อมกันพฤติการณ์เช่นนี้แสดงชัดว่าจำเลยทั้งสามได้สมคบกันกับพวกของจำเลยไปกระทำความผิด.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1752/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเช่าเรือนพิพาทเพื่อค้า ยุติว่าไม่ใช่เคหะ พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯ ไม่คุ้มครอง และนิติกรรมอำพรางไม่มีผล
คดีที่ฎีกาได้เฉพาะปัญหาข้อ ก.ม.ศาลฎีกาจะต้องฟังข้อเท็จจริงซึ่งยุติแล้วตามที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมา
เมื่อเริอนพิพาทอยู่ในทำเลที่มีการค้าและเป็นสถานที่ซึ่งทำการติดต่อกับกาค้าทั้งได้เคยทำการค้ามาก่อนกับจำเลยก็ได้เช่าไว้เพื่อทำการค้า ถึงแม้ว่าจำเลยและครอบครัวจะอยู่ด้วยก็อยู่เพื่อประกอบการค้านั่นเอง ดังนั้นเรือนพิพาทจึงมิใ่ช่เคหะอันจะได้รับความคุ้มครอง พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯ
เมื่อฟังว่าจำเลยเช่าเรือนพิพาทเพื่อทำการค้าจริง ๆ ดังสัญญาเช่าที่โจทก์อ้างประกอบฟ้องแล้ว ประเด็นเรื่องนิติกรรมอำพรางตามข้อต่อสู้จำเลยก็ย่อมตกไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1664/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคดีอาญาต้องระบุรายละเอียดการกระทำผิดให้ชัดเจน แม้จำเลยรับสารภาพ หากฟ้องไม่สมบูรณ์ ศาลต้องยกฟ้อง
ฟ้องว่าจำเลยตัดไม้หวงห้ามประเภท ก. แต่ไม่ได้บรรยายฟ้องว่าตัดไม้ในที่หวงห้ามซึ่งทางการได้ประกาศตาม ก.ม.แล้วเช่นนี้เป็นฟ้องที่ไม่สมบูรณ์
(ประชุมใหญ่คครั้งที่ 4/2499)
ฟ้องไม่สมบูรณ์นั้นแม้จำเลยจะรับสารภาพก็ลงโทษไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1654/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเรียกร้องค่าเช่าหลังจดทะเบียนนิติบุคคล, ฟ้องซ้ำ, ฟ้องเคลือบคลุม และผลของการอุทิศที่ดิน
คดีเดิมโจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยต่อสู้กรรมสิทธิศาลพิพากษาขับไล่ โจทก์จึงฟ้องเรียกค่าเช่าที่จำเลย+ยังค้างอยู่ในคดีเดิมเป็นคดีใหม่ขึ้นเช่นนี้ไม่เป็นฟ้องซ้ำต้องห้าม
ผู้ที่อุทิศที่ดินให้แก่ผู้อื่น (นิติบุคคล) ไปแล้วและเข้าร่วมกับนิติบุคคลเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยเช่นนี้ไม่ทำให้เป็นฟ้องเคลือบคลุม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1650/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้พื้นที่เช่าเพื่อประกอบการค้าขัดต่อ พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯ แม้มีส่วนเป็นที่อยู่อาศัยก็ไม่คุ้มครอง
จำเลยให้คนอื่นจัดตั้งกลึงเหล็กเครื่องเรือยนต์ โดยใช้เครื่องยนต์น้ำมันก๊าสเป็นกำลังเช่นนี้ก็ดี หรือแม้ว่าได้ทำโรงกลึงแต่ชั้นล่าง ใช้ชั้นบนเป็นที่อยู่ก็ดี ก็ถือว่าได้ใช้ส่วนหนึ่งของเรือนเป็นที่ประกอบการค้าจึงไม่ได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน
ฎีกาที่ 301/2494
ฏีกาที่ 1933/2494

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1640/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาคดีแพ่งเมื่อจำเลยขาดนัด และการเพิกถอนการสืบพยาน: สิทธิในการขอพิจารณาใหม่
จำเลยหลายคนขาดนัดยื่นคำให้การทุกคน แต่ถึงวันนัดพิจารณาจำเลยคนหนึ่งมาศาล ศาลสืบพยานโจทก์ไป แต่แล้วต่อมาได้เพิกถอนกระบวนพิจารณาที่สืบพยานโจทก์นับเสีย นัดสืบพยานโจทก์ใหม่ ถึงวันนัดจำเลยทุกคนไม่มาศาล ศาลจึงสืบพยานโจทก์และพิพากษาคดีกรณีเช่นนี้ไม่ต้องด้วย วิ.แพ่ง ม.204 จำเลยมีสิทธิขอให้ศาลพิจารณาคดีนั้นใหม่ตาม ม.202,207 วรรคแรก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1621/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาโทษจำคุกในคดีฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา อายุไม่ถึง 20 ปี และการไม่ลดโทษตาม ม.58 ทวิ
การที่จำเลยใช้มีดแทงผู้ตายเป็นแผลกว้างใหญ่ลึกถึง 10 ซม. จนใส้หลัก เนื่องจากเหตุที่จำเลยเองประพฤติเป็นพาล นับว่าเป็นการร้ายแรงมาก ถึงแม้จำเลยมีอายุไม่ถึง 20 ปี ก็ไม่มีเหตุสมควรที่ ศาลจะลดโทษให้ตาม ม. 58 ทวิอีก
of 219