พบผลลัพธ์ทั้งหมด 40 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1450/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ลำดับการชำระหนี้: เจ้าหนี้จำนอง, เจ้าหนี้บุริมสิทธิสามัญ และการเฉลี่ยเงินจากการขายทอดตลาด
โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้จำนองมีสิทธิได้รับชำระหนี้จำนองจากเงินที่ขายทอดตลาดทรัพย์สินของจำเลยที่จำนองโจทก์ไว้ก่อนเจ้าหนี้อื่นส่วนหนี้ของโจทก์นอกจากหนี้จำนองเป็นหนี้สามัญที่เจ้าหนี้อื่น ๆ มีสิทธิขอเฉลี่ยจากเงินที่เหลือ แต่กรมสรรพากรเป็นเจ้าหนี้บุริมสิทธิสามัญตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 253(3) ย่อมมีสิทธิ ได้รับชำระหนี้ก่อนเจ้าหนี้คนอื่น ๆ จากเงินที่เหลือจากการชำระหนี้ จำนองใช้แก่โจทก์แล้วและจากเงินที่ขายทอดตลาดทรัพย์สินอื่นของจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2266-2278/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ, ปลอมเอกสาร, และการกระทำกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท
โจทก์ฟ้องจำเลย 13 สำนวน สำนวนละหลายข้อหา เมื่อข้อหาฐานความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 147 ศาลพิพากษาจำคุกจำเลยสำนวนละ 5 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ลงโทษจำคุกสำนวนละ 2 ปี 6 เดือน และข้อหาความผิดเกี่ยวกับเอกสาร ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกสำนวนละ 2 ปี 6 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ลงโทษจำคุกสำนวนละ 1 ปี นั้น เป็นการแก้ไขเล็กน้อยและโทษของแต่ละกระทงความผิดและของแต่ละสำนวนที่ศาลอุทธรณ์ลงโทษจำเลยไม่เกิน 5 ปี คดีจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218
จำเลยฎีกาว่า การสอบสวนตามฟ้องจำเลยไม่ได้รับแจ้งข้อหาและปรึกษาทนายความกับจำเลยไม่ได้กระทำผิดตามฟ้อง และที่โจทก์จำเลยต่างฎีกาว่า กำหนดโทษที่ศาลอุทธรณ์ลงมานั้นหนักหรือเบาเกินไป เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ใบเสร็จรับเงินซึ่งทางราชการออกให้แก่ผู้มีหน้าที่ต้องชำระค่าภาษีรถยนต์ เป็นหลักฐานแสดงว่าทางราชการได้รับชำระค่าภาษีรถยนต์ไว้แล้วและมีผลทำให้การเก็บภาษีรถยนต์ของรัฐเอ็นอันเสร็จสิ้นไป จึงเป็นเอกสารสิทธิ์อันเป็นเอกสารราชการ
การที่จำเลยซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตำรวจแผนกทะเบียนยานพาหนะปลอมใบเสร็จรับเงินแล้วใช้ดวงตราของเจ้าพนักงานประทับลงในใบเสร็จรับเงินนั้น ก็โดยเจตนาทำใบเสร็จรับเงินปลอมทั้งฉบับ เพื่อให้เห็นว่าเป็นใบเสร็จรับเงินที่แท้จริง การกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทตามมาตรา 266 และ 253
จำเลยฎีกาว่า การสอบสวนตามฟ้องจำเลยไม่ได้รับแจ้งข้อหาและปรึกษาทนายความกับจำเลยไม่ได้กระทำผิดตามฟ้อง และที่โจทก์จำเลยต่างฎีกาว่า กำหนดโทษที่ศาลอุทธรณ์ลงมานั้นหนักหรือเบาเกินไป เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ใบเสร็จรับเงินซึ่งทางราชการออกให้แก่ผู้มีหน้าที่ต้องชำระค่าภาษีรถยนต์ เป็นหลักฐานแสดงว่าทางราชการได้รับชำระค่าภาษีรถยนต์ไว้แล้วและมีผลทำให้การเก็บภาษีรถยนต์ของรัฐเอ็นอันเสร็จสิ้นไป จึงเป็นเอกสารสิทธิ์อันเป็นเอกสารราชการ
การที่จำเลยซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตำรวจแผนกทะเบียนยานพาหนะปลอมใบเสร็จรับเงินแล้วใช้ดวงตราของเจ้าพนักงานประทับลงในใบเสร็จรับเงินนั้น ก็โดยเจตนาทำใบเสร็จรับเงินปลอมทั้งฉบับ เพื่อให้เห็นว่าเป็นใบเสร็จรับเงินที่แท้จริง การกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทตามมาตรา 266 และ 253
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1889/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีอาญาและการพิพากษาที่ไม่ตรงกับคำฟ้อง โจทก์ขอให้ลงโทษฐานฆ่าคน แต่ศาลไม่สามารถลงโทษได้
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนโดยเจตนาตาม ก.ม.อาญา ม.249 ทางพิจารณาได้ความว่าเป็นเรื่องวิวาทกันกว่า 3 คนแล้วผู้ตายถูกทำร้ายถึงตาย โดยไม่ปรากฎว่าใครเป็นผู้ทำร้าย ศาลจะลงโทษจำเลยตาม ม.253 ไม่ได้ ต้องห้ามตาม ป.วิ.อาญา ม.192.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 850/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายกลุ่มบุคคล: ความรับผิดทางอาญาเมื่อไม่สามารถระบุตัวผู้กระทำและสาเหตุการตายได้
คดีได้ความว่าจำเลยที่ 1,2 ฝ่ายหนึ่งกับจำเลยที่ 3 กับผู้ตายอีกฝ่ายหนึ่งวิวาททำร้ายร่างกายซึ่งกันและกันแต่เหตุที่ผู้ตายตายเนื่องจากกระทำของใครไม่ปรากฏ จะตายเพราะบาดแผลใดใครเป็นผู้กระทำก็ไม่ปรากฏและได้ความว่าพยานโจทก์เห็นคน 5 - 6 คนกลุ้มรุมตีกัน ใครทำใครอย่างไรก็ไม่ปรากฏว่าผู้ตายได้ตายเพราะการกระทำของจำเลยที่ 1,2 ยังไม่ได้ จำเลยที่ 3 ทั้งสอง คงผิดตาม ม.253 เท่านั้น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 819/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การวิวาทชุลมุนและการร่วมกันกระทำความผิด การพิพากษาความผิดฐานร่วมกันทำร้ายร่างกาย
จำเลยทั้งสองฝ่ายวิวาทต่อสู้กับพวกของจำเลยฝ่ายหนึ่งใช้ปืนยิงอีกฝ่ายหนึ่ง ขณะหนี้เองจำเลยอีกฝ่ายหนึ่งอ้างว่าได้ผละหนีออกมาจาการต่อสู้แล้ว เมื่อความปรากฏว่าการวิวาทได้ชุลมุนติดพันกันอยู่ตลอดมาชั่วเวลาเล็กน้อยจึงไม่อาจแยกว่าจำเลยนั้นได้ผละหนีจากการต่อสู้ขณะมีการยิงกันขึ้นแล้ว ดังนี้จำเลยอีกฝ่ายหนึ่งที่อ้างว่าผละหนี้ออกมาแล้วนั้นย่อมมีความผิดตาม ม.253 ด้วย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1619/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์ข้อเท็จจริงเรื่องการวิวาท หากสืบไม่ได้ว่ามีการต่อสู้จริง โจทก์ต้องเป็นฝ่ายยกฟ้อง
โจทก์ฟ้องว่าวิวาทต่อสู้กันมีผู้บาดเจ็บถึงตาย + ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยกลุ้มรุมทำร้ายผู้ตายฝ่ายเดียว ดังนี้จึงเป็นเรื่องที่โจทก์สืบฟังไม่ได้ว่ามีการวิวาทต่อสู้กันดังฟ้อง ย่อมถือว่าโจทก์สืบไม่สมฟ้อง ต้องยกฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1712/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายในคดีวิวาท: ศาลลงโทษได้แม้ข้อเท็จจริงต่างจากฟ้อง หากพิสูจน์ได้ว่าจำเลยมีส่วนทำร้าย
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทำร้ายร่างกายผู้เสียหาย ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยและผู้เสียหายวิวาททำร้ายร่างกายซึ่งกันและตัวต่อตัว ศาลก็ลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกายได้ (ม.+) ไม่ใช่เป็นเรื่องข้อเท็จจริงที่ได้ความตามทางพิจารณาต่างกับฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 529/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิโจทก์ฟ้องคดีอาญาของบุตรผู้ถูกทำร้ายถึงแก่ความตาย แม้มีภรรยา และการพิพากษาลงโทษตามพฤติการณ์
บุตรผู้ถูกทำร้ายตาย+จะมีสามีแล้ว ก็มีสิทธิเป็นโจทก์ฟ้องคดีอาญาหรือเข้าร่วมเป็นโจทก์กับพนักงานอัยยการในคดีที่ฟ้องผู้ที่ทำให้ตายได้ ตาม ป.วิ.อาญามาตรา 3(2) และมาตรา 5(2) การที่ภรรยาผู้ถูกทำร้ายตายไม่ขอร่วมเป็นโจทก์กับอัยยการ ไม่ทำให้สิทธิของบุตรผู้ตายดังกล่าวแล้วเสียไป
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยใช้ปืนยิงและใช้มีดแทงผู้ตายตาย แต่ทางพิจารณาได้ความชัดว่าจำเลยใช้มีดแทงผู้ตายอย่างเดียวนั้นไม่เป็นเหตุพอจะให้ยกฟ้องโจทก์เสียได้ และคดีก็ต้องลงโทษจำเลยตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 252, 259
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยใช้ปืนยิงและใช้มีดแทงผู้ตายตาย แต่ทางพิจารณาได้ความชัดว่าจำเลยใช้มีดแทงผู้ตายอย่างเดียวนั้นไม่เป็นเหตุพอจะให้ยกฟ้องโจทก์เสียได้ และคดีก็ต้องลงโทษจำเลยตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 252, 259
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 43/2490 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดในคดีวิวาททำให้ถึงแก่ความตาย: การใช้มาตรา 253 แทนมาตรา 254
ในกรณีที่ปรากฏการตายขึ้นในที่วิวาท ปรากฏว่าจำเลยทั้งสองทำร้าย แต่ไม่ปรากฏว่าผู้ตายได้ตายเพราะใครเป็นผู้ทำดังนี้ ศาลลงโทษตาม ม. 253.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 616/2489 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงคำขอท้ายฟ้องและผลกระทบต่อการลงโทษฐานวิวาท
โจทย์ฟ้องจำเลยหลายคนว่าสมัคร์ใจเข้าทำร้ายกันบาดเจ็บ ขอให้ลงโทษฐานวิวาทตาม ม.253 ซึ่งเดิมอ้าง ม.254 ด้วย แต่ฆ่าออก ทางพิจารณาได้ความว่ามีผู้ถูกทำร้ายเพียงบาดเจ็บดังนี้ จะลงโทษตาม ม.254 ไม่ได้ เพราะแสดงชัดว่าโจทก์ไม่ประสงค์ให้ลงโทษตามมาตรานี้