คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.อ. ม. 22

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 643 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 929/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเริ่มนับโทษจำคุกและการฎีกาในชั้นบังคับคดี: ศาลสั่งนับโทษตามกฎหมายเมื่อไม่ได้ระบุในคำพิพากษา
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยมีกำหนด 2 ปี มิได้กล่าวว่าให้นับโทษจำคุกตั้งแต่วันใด จำเลยจะฎีกาว่าศาลไม่นับระยะเวลาที่จำเลยถูกควบคุมตัวตามประกาศคณะปฏิวัติหาได้ไม่ เพราะการเริ่มนับวันจำคุกวันใด ต้องเป็นไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 22 บัญญัติไว้ ซึ่งศาลจะสั่งในชั้นบังคับคดี เมื่อจำเลยมิได้ฎีกาขอให้ศาลสั่งนับโทษเป็นอย่างอื่นนอกจากที่กฎหมายบัญญัติไว้ ดังนี้ จึงถือว่าฎีกาของจำเลยมิใช่ฎีกาคัดค้านคำพิพากษา แต่เป็นการฎีกาในการบังคับคดี จำเลยจะฎีกาล่วงหน้ามาก่อนหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 576/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขอให้นับโทษต่อหลังศาลอุทธรณ์แก้พิพากษา โจทก์ต้องฎีกาหรือแก้ฎีกาในข้อนั้นทันที
ฟ้องขอให้ลงโทษและขอให้นับโทษต่อศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษและให้นับโทษต่อศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยผิดจริง แต่พิพากษาแก้ไม่นับโทษต่อให้ จำเลยฎีกา โจทก์ไม่ฎีกาหรือแก้ฎีกาในข้อที่ศาลอุทธรณ์ไม่นับโทษต่อครั้นศาลฎีกาวินิจฉัยเสร็จส่งคำพิพากษาพร้อมสำนวนคืน โจทก์เพิ่งยื่นคำร้องขอให้นับโทษต่อในวันเดียวกับที่ศาลชั้นต้นได้รับสำนวน เช่นนี้ไม่ได้ เพราะเป็นคำร้องที่เป็นโทษแก่จำเลยและโจทก์ชอบที่จะฎีกาหรือแก้ฎีกาดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 576/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขอให้นับโทษต่อหลังศาลอุทธรณ์แก้พิพากษา โจทก์ต้องฎีกาหรือแก้ฎีกา หากไม่ทำตามสิทธิจะระงับ
ฟ้องขอให้ลงโทษและขอให้นับโทษต่อ ศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยผิดจริง แต่พิพากษาแก้ไม่นับโทษต่อให้จำเลยฎีกา โจทก์ไม่ฎีกาหรือแก้ฎีกาในข้อที่ศาลอุทธรณ์ไม่นับโทษต่อครั้นศาลฎีกาวินิจฉัยเสร็จส่งคำพิพากษาพร้อมสำนวนคืนโจทก์เพิ่งยื่นคำร้องขอให้นับโทษต่อในวันเดียวกับที่ศาลชั้นต้นได้รับสำนวน เช่นนี้ไม่ได้เพราะเป็นคำร้องที่เป็นโทษแก่จำเลย และโจทก์ชอบที่จะฎีกาหรือแก้ฎีกาดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 213/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยอันธพาลต้องมีข้อหาละเมิดกฎหมายชัดเจน และหักวันควบคุมออกจากโทษได้
(1) ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 21 นั้นมุ่งหมายให้อำนาจพนักงานสอบสวนที่จะควบคุมบุคคลอันธพาลผู้กระทำละเมิดกฎหมายได้มากขึ้น โดยให้อำนาจควบคุมครั้งแรกถึง 30 วัน กล่าวคือ เป็นการขยายอำนาจการควบคุมครั้งแรกในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 87 นั่นเอง แต่หาได้มุ่งหมายให้อำนาจที่จะควบคุมบุคคลอันธพาลไว้เฉย ๆ โดยไม่มีข้อหาว่าละเมิดกฎหมายและโดยไม่มีการสอบสวนไม่ เพราะฉะนั้นเจ้าพนักงานจึงไม่อาจที่จะควบคุมผู้ใดโดยอ้างว่าเป็นบุคคลอันธพาล แต่ปราศจากข้อกล่าวหาว่าผู้นั้นได้กระทำการละเมิดต่อกฎหมาย
(2) ด้วยเหตุผลในข้อ 1 ข้างบนนี้ เมื่อได้ความชัดว่าจำเลยถูกควบคุมมา 30 วัน ฐานเป็นบุคคลอันธพาลนั้น ก็เพราะเนื่องมาจากถูกกล่าวหาว่ากระทำการละเมิดกฎหมาย เช่น ลักทรัพย์หรือรับของโจร เป็นต้น ก็ชอบที่จะต้องหักวันที่ถูกควบคุมในฐานเป็นบุคคลอันธพาล 30 วันนั้นออกจากกำหนดโทษตามคำพิพากษาให้จำเลยด้วย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 22
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 1/2508)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 213/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยในฐานะบุคคลอันธพาลต้องมีข้อหาละเมิดกฎหมายและต้องมีการสอบสวน จึงจะชอบด้วยกฎหมาย
(1)ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 21 นั้นมุ่งหมายให้อำนาจพนักงานสอบสวนที่จะควบคุมบุคคลอันธพาลผู้กระทำละเมิดกฎหมายได้มากขึ้นโดยให้อำนาจควบคุมครั้งแรกถึง 30 วันกล่าวคือ เป็นการขยายอำนาจการควบคุมครั้งแรกในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 87 นั้นเองแต่หาได้มุ่งหมายให้อำนาจที่จะควบคุมบุคคลอันธพาลไว้เฉยๆโดยไม่มีข้อหาว่าละเมิดกฎหมายและโดยไม่มีการสอบสวนไม่ เพราะฉะนั้นเจ้าพนักงานจึงไม่อาจที่จะควบคุมผู้ใดโดยอ้างว่าเป็นบุคคลอันธพาลแต่ปราศจากข้อกล่าวหาว่าผู้นั้นได้กระทำการละเมิดต่อกฎหมาย
(2)ด้วยเหตุผลในข้อ 1 ข้างบนนี้เมื่อได้ความชัดว่าจำเลยถูกควบคุมมา 30 วันฐานเป็นบุคคลอันธพาลนั้นก็เพราะเนื่องมาจากถูกกล่าวหาว่ากระทำการละเมิดกฎหมายเช่น ลักทรัพย์หรือรับของโจรเป็นต้น ก็ชอบที่จะต้องหักวันที่ถูกควบคุมในฐานเป็นบุคคลอันธพาล 30 วันนั้นออกจากกำหนดโทษตามคำพิพากษาให้จำเลยด้วย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 22 (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 1/2508)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 741/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษจำเลยหลายกระทง, การเพิ่มโทษซ้ำ, และการนับโทษต่อเมื่อคดีเด็ดขาด
ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 บัญญัติให้อำนาจศาลใช้ดุลพินิจตามควรแก่เหตุการณ์ที่จะลงโทษเรียงกระทงความผิดหรือจะลงโทษเฉพาะกระทงที่หนักที่สุดก็ได้ เมื่อความผิดของจำเลยแต่ละกระทงมีโทษหนักเท่ากัน ศาลก็ย่อมลงโทษจำเลยกระทงหนึ่งกระทงใดแต่กระทงเดียวได้ (อ้างฎีกาที่ 167/2507)
จำเลยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกในความผิดฐานปล้นทรัพย์ตามมาตรา 340 ในระหว่างที่ต้องรับโทษอยู่ จำเลยได้กระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกายตามมาตรา 295 อีก ดังนี้ความผิดฐานปล้นทรัพย์กับความผิดฐานทำร้ายร่างกายเป็นความผิดคนละฐาน คนละข้อความตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 92 กรณีไม่ใช่กระทำผิดซ้ำในอนุมาตราเดียวกัน จะเพิ่มโทษกึ่งหนึ่งตามมาตรา 92 ไม่ได้
โจทก์ขอให้นับโทษจำเลยต่อจากคดีอีกคดีหนึ่ง แต่คดีนั้นศาลยังมิได้พิพากษาลงโทษจำเลย ศาลย่อมไม่นับโทษต่อให้ เพราะยังไม่มีโทษที่จะนับต่อให้
เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยแล้ว จำเลยมิได้อุทธรณ์คงอุทธรณ์แต่โจทก์ฝ่ายเดียว เฉพาะในเรื่องขอให้เรียงกระทงลงโทษและเพิ่มโทษจำเลยบางคนกับนับโทษจำเลยต่อจากคดีอีกคดีหนึ่งเท่านั้น ศาลอุทธรณ์คงพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ดังนี้ จำเลยจะรื้อฟื้นฎีกาขอให้ลดหย่อนผ่อนโทษในชั้นฎีกาไม่ได้ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1404/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนับโทษจำคุกคดีใหม่หลังหลบหนีคดีเดิม ห้ามหักวันต้องขังซ้ำซ้อน
จำเลยหลบหนีการคุมขังตามคำพิพากษาคดีเดิม และถูกจับมาฟ้องฐานหลบหนีการควบคุมเป็นคดีใหม่ การที่ศาลให้นับโทษจำคุกจำเลยต่อจากคดีเดิมนั้น จะให้หักวันต้องขังระหว่างคดีออกจากระยะเวลาจำคุกไม่ได้ เพราะเป็นการหักวันต้องขังซ้อนกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1404/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนับโทษจำคุกคดีหลบหนีการควบคุม: ห้ามหักวันต้องขังซ้อนกัน
จำเลยหลบหนีการคุมขังตามคำพิพากษาคดีเดิมและถูกจับมาฟ้องฐานหลบหนีการควบคุมเป็นคดีใหม่ การที่ศาลให้นับโทษจำคุกจำเลยต่อจากคดีเดิมนั้น จะให้หักวันต้องขังระหว่างคดีออกจากระยะเวลาจำคุกไม่ได้ เพราะเป็นการหักวันต้องขังซ้อนกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 281/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ดุลพินิจศาลในการนับโทษจำคุกต่อจากคดีอื่น โดยเฉพาะเมื่อจำเลยได้รับโทษจำคุกตลอดชีวิตแล้ว
การจะนับโทษจำคุกจำเลยต่อจากคดีเรื่องอื่นหรือไม่นั้นเป็นดุลพินิจของศาล หากปรากฏว่าจำเลยได้รับโทษในคดีเรื่องอื่นถึงจำคุกตลอดชีวิตอยู่แล้ว โดยปกติเมื่อไม่มีเหตุพิเศษศาลก็ไม่นับโทษต่อให้(ประชุมใหญ่ ครั้งที่9/2505)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 281/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ดุลยพินิจศาลในการนับโทษจำคุกต่อจากคดีก่อน โดยเฉพาะเมื่อจำเลยได้รับโทษจำคุกตลอดชีวิตแล้ว
การจะนับโทษจำคุกจำเลย ต่อจากคดีเรื่องอื่นหรือไม่นั้น เป็นดุลยพินิจของศาล หากปรากฏว่า จำเลยได้รับโทษในคดีเรื่องอื่นถึงจำคุกตลอดชีวิตอยู่แล้ว โดยปกติเมื่อไม่มีเหตุพิเศษ ศาลก็ไม่นับโทษต่อให้ (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 9/2505)
of 65