พบผลลัพธ์ทั้งหมด 213 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 552/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งเท็จเพื่อประโยชน์ผู้อื่น – ผู้เสียหายต้องเสียหายโดยตรง
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเป็นผู้จัดการโรงเรียนและเป็นผู้กำกับนักศึกษาวิชาทหารพิเศษจำเลยได้แจ้งข้อความอันจำเลยรู้อยู่ว่าเป็นเท็จแก่เจ้าหน้าที่กรมการรักษาดินแดน โดยได้บันทึกรับรองในใบสมัครเข้ารับการฝึกวิชาทหารของผู้มีชื่อ 4 ราย ว่าผู้มีชื่อทั้งสี่กำลังศึกษาอยู่ที่โรงเรียนดังกล่าว ซึ่งไม่เป็นความจริงการกระทำของจำเลยอาจทำให้กรมการรักษาดินแดน ป. เจ้าของกรรมสิทธิ์โรงเรียนดังกล่าวร่วมกับจำเลยและประชาชนเสียหายขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137 ดังนี้ การกระทำของจำเลยตามฟ้องมิได้พาดพิงถึงตัว ป. หรือกรรมสิทธิ์ในโรงเรียนซึ่ง ป. เป็น เจ้าของร่วม ในประการที่จะทำให้ ป. เสียหาย ป. จึงไม่ใช่ผู้เสียหาย และไม่มีสิทธิขอเข้าร่วมเป็นโจทก์กับผู้ว่าคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 552/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งข้อมูลเท็จเพื่อประโยชน์ผู้อื่น: ผู้เสียหายต้องได้รับการเสียหายโดยตรง
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเป็นผู้จัดการโรงเรียนและเป็นผู้กำกับนักศึกษาวิชาทหารพิเศษจำเลยได้แจ้งข้อความอันจำเลยรู้อยู่ว่าเป็นเท็จแก่เจ้าหน้าที่กรมการรักษาดินแดน โดยได้บันทึกรับรองในใบสมัครเข้ารับการฝึกวิชาทหารของผู้มีชื่อ 4 ราย ว่าผู้มีชื่อทั้งสี่กำลังศึกษาอยู่ที่โรงเรียนดังกล่าว ซึ่งไม่เป็นความจริงการกระทำของจำเลยอาจทำให้กรมการรักษาดินแดน ป. เจ้าของกรรมสิทธิ์โรงเรียนดังกล่าวร่วมกับจำเลยและประชาชนเสียหายขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137 ดังนี้ การกระทำของจำเลยตามฟ้องมิได้พาดพิงถึงตัว ป. หรือกรรมสิทธิ์ในโรงเรียนซึ่ง ป. เป็น เจ้าของร่วม ในประการที่จะทำให้ ป. เสียหาย ป. จึงไม่ใช่ผู้เสียหาย และไม่มีสิทธิขอเข้าร่วมเป็นโจทก์กับผู้ว่าคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1583/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องของผู้ว่าคดีและโจทก์ร่วม: เมื่อฟ้องของผู้ว่าคดีต้องห้าม โจทก์ร่วมก็ย่อมเสียอำนาจฟ้องไปด้วย
การที่ผู้เสียหายเข้าเป็นโจทก์ร่วมกับผู้ว่าคดีโจทก์ ตามอำนาจที่ให้ไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 30 นั้น คำร้องของผู้เสียหายไม่ใช่คำฟ้องที่ถือได้ว่าเป็นคำฟ้องคดีหนึ่งอีกต่างหากจากฟ้องของผู้ว่าคดีโจทก์ เมื่ออำนาจฟ้องของผู้ว่าคดีโจทก์สำหรับคดีนั้นไม่มีต้องยกฟ้องของผู้ว่าคดีโจทก์แล้ว ย่อมเป็นผลตามกฎหมายที่ต้องยกฟ้องของผู้เสียหายโจทก์ร่วมไปด้วยเพราะไม่มีคำฟ้องเหลืออยู่ที่จะให้ดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปได้ (อ้างฎีกาที่ 1274/2481)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1583/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องของผู้เสียหายโจทก์ร่วมย่อมเป็นไปตามคำฟ้องของผู้ว่าคดี หากคำฟ้องของผู้ว่าคดีต้องยกฟ้อง อำนาจฟ้องของผู้เสียหายโจทก์ร่วมก็ย่อมสิ้นสุดไปด้วย
การที่ผู้เสียหายเข้าเป็นโจทก์ร่วมกับผู้ว่าคดีโจทก์ ตามอำนาจที่ให้ไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 30 นั้น คำร้องของผู้เสียหายไม่ใช่คำฟ้องที่ถือได้ว่าเป็นคำฟ้องคดีหนึ่งอีกต่างหากจากฟ้องของผู้ว่าคดีโจทก์เมื่ออำนาจฟ้องของผู้ว่าคดีโจทก์สำหรับคดีนั้นไม่มีต้องยกฟ้องของผู้ว่าคดีโจทก์แล้ว ย่อมเป็นผลตามกฎหมายที่ต้องยกฟ้องของผู้เสียหายโจทก์ร่วมไปด้วยเพราะไม่มีคำฟ้องเหลืออยู่ที่จะให้ดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปได้(อ้างฎีกาที่ 1274/2481)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 392/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการเข้าร่วมเป็นโจทก์ของผู้เสียหายต้องยื่นคำร้องก่อนศาลชั้นต้นพิพากษาคดี
ผู้เสียหายจะยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์กับพนักงานอัยการ เพื่อใช้สิทธิในการอุทธรณ์ฎีกา ภายหลังที่ศาลชั้นต้นพิพากษาคดีแล้วนั้นไม่ได้ เพราะไม่ต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 30.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 392/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการเข้าร่วมเป็นโจทก์ของผู้เสียหายต้องยื่นคำร้องก่อนศาลชั้นต้นพิพากษาคดี
ผู้เสียหายจะยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์กับพนักงานอัยการเพื่อใช้สิทธิในการอุทธรณ์ฎีกา ภายหลังที่ศาลชั้นต้นพิพากษาคดีแล้วนั้นไม่ได้เพราะไม่ต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 30
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 392/2512
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการเข้าร่วมเป็นโจทก์ของผู้เสียหายต้องยื่นคำร้องก่อนศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา
ผู้เสียหายจะยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์กับพนักงานอัยการ. เพื่อใช้สิทธิในการอุทธรณ์ฎีกา ภายหลังที่ศาลชั้นต้นพิพากษาคดีแล้วนั้นไม่ได้.เพราะไม่ต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 30.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1228/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คชำระหนี้จากการกู้เงิน แม้ไม่มีสัญญากู้ก็อาจเป็นความผิดตาม พ.ร.บ. เช็คได้ ศาลต้องสืบพยานจำเลย
จำเลยกู้ยืมเงินจากผู้เสียหาย โดยจำเลยออกเช็คให้ แม้จำเลยจะไม่ได้ทำหนังสือสัญญากู้ แต่ได้ออกเช็คให้แทนโดยมีมูลหนี้จากการกู้เงิน จึงย่อมมีความผูกพันกันในเบื้องต้นอันอาจเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 ได้
คดีที่ผู้เสียหายเข้าเป็นโจทก์ร่วมกับพนักงานอัยการโจทก์ ศาลชั้นต้นงดสืบพยานโจทก์และจำเลยแล้วพิพากษายกฟ้อง พนักงานอัยการโจทก์ไม่อุทธรณ์ฎีกา แต่โจทก์ร่วมได้อุทธรณ์ฎีกา ศาลฎีกาพิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ให้ศาลชั้นต้นสืบพยานแล้วพิพากษาใหม่ เมื่อพยานโจทก์ที่ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบเป็นพยานของพนักงานอัยการโจทก์ แต่พนักงานอัยการโจทก์ไม่อุทธรณ์ฎีกา และโจทก์ร่วมแถลงไม่สืบพยาน ดังนี้ ศาลฎีกาย่อมสั่งให้ศาลชั้นต้นสืบพยานเฉพาะพยานจำเลยเท่านั้น
คดีที่ผู้เสียหายเข้าเป็นโจทก์ร่วมกับพนักงานอัยการโจทก์ ศาลชั้นต้นงดสืบพยานโจทก์และจำเลยแล้วพิพากษายกฟ้อง พนักงานอัยการโจทก์ไม่อุทธรณ์ฎีกา แต่โจทก์ร่วมได้อุทธรณ์ฎีกา ศาลฎีกาพิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ให้ศาลชั้นต้นสืบพยานแล้วพิพากษาใหม่ เมื่อพยานโจทก์ที่ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบเป็นพยานของพนักงานอัยการโจทก์ แต่พนักงานอัยการโจทก์ไม่อุทธรณ์ฎีกา และโจทก์ร่วมแถลงไม่สืบพยาน ดังนี้ ศาลฎีกาย่อมสั่งให้ศาลชั้นต้นสืบพยานเฉพาะพยานจำเลยเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1228/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คชำระหนี้จากการกู้ยืม แม้ไม่มีสัญญากู้เป็นลายลักษณ์อักษร ก็อาจเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.เช็คได้
จำเลยกู้ยืมเงินจากผู้เสียหาย โดยจำเลยออกเช็คให้ แม้จำเลยจะไม่ได้ทำหนังสือสัญญากู้ แต่ได้ออกเช็คให้แทนโดยมีมูลหนี้จากการกู้เงิน จึงย่อมมีความผูกพันกันในเบื้องต้นอันอาจเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 ได้
คดีที่ผู้เสียหายเข้าเป็นโจทก์ร่วมกับพนักงานอัยการโจทก์ ศาลชั้นต้นงดสืบพยานโจทก์และจำเลยแล้วพิพากษายกฟ้อง พนักงานอัยการโจทก์ไม่อุทธรณ์ ฎีกา แต่โจทก์ร่วมได้อุทธรณ์ฎีกา ศาลฎีกาพิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์ ให้ศาลชั้นต้นสืบพยานแล้วพิพากษาใหม่ เมื่อพยานโจทก์ที่ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบเป็นพยานของพนักงานอัยการโจทก์แต่พนักงานอัยการโจทก์ไม่อุทธรณ์ฎีกา และโจทก์ร่วมแถลงไม่สืบพยาน ดังนี้ ศาลฎีกาย่อมสั่งให้ศาลชั้นต้นสืบพยานเฉพาะพยานจำเลยเท่านั้น
คดีที่ผู้เสียหายเข้าเป็นโจทก์ร่วมกับพนักงานอัยการโจทก์ ศาลชั้นต้นงดสืบพยานโจทก์และจำเลยแล้วพิพากษายกฟ้อง พนักงานอัยการโจทก์ไม่อุทธรณ์ ฎีกา แต่โจทก์ร่วมได้อุทธรณ์ฎีกา ศาลฎีกาพิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์ ให้ศาลชั้นต้นสืบพยานแล้วพิพากษาใหม่ เมื่อพยานโจทก์ที่ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบเป็นพยานของพนักงานอัยการโจทก์แต่พนักงานอัยการโจทก์ไม่อุทธรณ์ฎีกา และโจทก์ร่วมแถลงไม่สืบพยาน ดังนี้ ศาลฎีกาย่อมสั่งให้ศาลชั้นต้นสืบพยานเฉพาะพยานจำเลยเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 323/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอนุญาตให้ผู้ร้องเป็นโจทก์ร่วม แม้ศาลมิได้มีคำสั่งเป็นลายลักษณ์อักษร แต่มีพฤติการณ์บ่งชี้ว่าอนุญาต
บิดาผู้เสียหายยื่นคำร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมกับพนักงานอัยการโจทก์ ศาลสั่งคำร้องว่า "สำเนาให้โจทก์จำเลย สั่งในรายงาน" โจทก์จำเลยได้รับสำเนาคำร้องแล้วไม่คัดค้านประการใด ผู้ร้องจึงดำเนินกระบวนพิจารณาในการสืบพยานและอื่น ๆ ตลอดมาพฤติการณ์เช่นนี้ถือได้ว่าศาลอนุญาตให้ผู้ร้องเป็นโจทก์ร่วมแล้ว
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 7/2510)
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 7/2510)