คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.อ. ม. 303

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 15 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6443/2545 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสนับสนุนการทำแท้งโดยยินยอมของผู้เสียหาย จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 302
จำเลยที่ 1 และที่ 2 พาผู้เสียหายขึ้นรถกระบะจากบ้านพักผู้เสียหายไปให้หญิงไม่ทราบชื่อกับพวกอีก 2 คน ทำให้ผู้เสียหายแท้งลูกโดยผู้เสียหายยินยอม ซึ่งในระหว่างการทำแท้งนั้น จำเลยที่ 1 นั่งขวางประตูบ้านอยู่ด้วย พฤติการณ์ของจำเลยที่ 1 และที่ 2จึงเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกก่อนหรือขณะกระทำความผิดในการที่ผู้อื่นทำแท้งผู้เสียหาย จำเลยที่ 1 และที่ 2 จึงมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดดังกล่าวตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 302 วรรคแรก ประกอบมาตรา 86ซึ่งแม้โจทก์จะขอให้ลงโทษตามมาตรา 303 โดยมิได้ขอให้ลงโทษตามมาตรา 302ก็ตาม ศาลก็ย่อมลงโทษได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192วรรคท้าย เพราะการทำให้หญิงแท้งลูกไม่ว่าหญิงนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็เป็นความผิดทั้งนั้น หากแต่กำหนดโทษจะหนักเบาต่างกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6443/2545 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดสนับสนุนการทำแท้ง แม้ผู้เสียหายยินยอม การกระทำดังกล่าวก็ยังคงเป็นความผิดตามกฎหมายอาญา
คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้หญิงคนหนึ่งไม่ทราบชื่อทำให้นางสาว ป. ผู้เสียหายแท้งลูกโดยผู้เสียหายไม่ยินยอม ขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามตาม ป.อ. มาตรา 83 , 84 , 303 ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ผู้เสียหายไปหาจำเลยที่ 1 ที่บ้านและถูกจำเลยที่ 1 ข่มขืนกระทำชำเรา หลังจากนั้นเมื่อผู้เสียหายไปตรวจร่างกายที่สถานีอนามัยจึงทราบว่าผู้เสียหายตั้งครรภ์ ต่อมาจำเลยทั้งสามมาหาผู้เสียหายที่บ้านโดยจำเลยที่ 1 เป็นผู้ขับรถ จำเลยที่ 2 เป็นมารดาจำเลยที่ 1 แล้วพาผู้เสียหายไปหาผู้หญิงคนหนึ่งเพื่อทำแท้ง ระหว่างทางจำเลยที่ 3 ลงจากรถไปก่อน จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 พาผู้เสียหายเข้าไปทำแท้งในบ้านหลังหนึ่งโดยผู้เสียหายยินยอมให้ทำแท้งลูก ระหว่างการทำแท้งจำเลยที่ 1 นั่งขวางประตูบ้านอยู่ด้วย พฤติการณ์ของจำเลยที่ 1 และที่ 2 เป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกก่อนหรือขณะกระทำความผิดในการที่ผู้อื่นทำแท้งผู้เสียหาย จำเลยที่ 1 และที่ 2 จึงมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิด ตามมาตรา 302 วรรคแรก ประกอบมาตรา 86 แม้โจทก์จะมิได้ขอให้ลงโทษตามมาตรานี้ ศาลก็ย่อมลงโทษได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคท้าย เพราะการทำให้แท้งลูกไม่ว่าหญิงนั้นจะยินยอมหรือไม่ ประมวลกฎหมายอาญาบัญญัติเป็นความผิดทั้งนั้น หากแต่กำหนดโทษหนักเบาต่างกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 81/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานกรรโชก: การอ้างตัวเป็นเจ้าพนักงานขู่เข็ญเอาทรัพย์สิน ถือเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 303
ในเรื่องความผิดฐานกรรโชก โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยไม่ใช่ตำรวจแต่อ้างว่าเป็นตำรวจใช้วาจาขู่เข็ญว่าไม่ให้เงินจะมีเรื่องเป็นการขู่เข็ญขืนใจให้มีความกลัวตาม ม. 303 ดังนี้เป็นฟ้องที่ สมบูรณ์
ข้อเท็จจริงที่ได้ความว่าจำเลยไม่ใช่ตำรวจแต่อ้างว่าเป็นตำรวจขู่เข็ญผู้เสียหายให้+ส่งเงินให้ถ้าไม่ให้จะมีเรื่อง และผู้เสียหายได้+ส่งเงินให้โดยจำเลยไม่มีอำนาจทำได้ตาม ก.ม.ดังนี้เป็นข้อเท็จจริงที่เข้าเกณฑ์ความผิดฐานกรรโชก
แม้โจทก์จะแถลงว่าติดใจสืบพยานเพียงเท่านี้ เมื่อจำเลยอ้างตัวเองเบิกความเป็นพยาน โจทก์ก็ชอบที่จำนำคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยที่โจทก์ไม่ติดใจสืบยื่นเป็นพยานต่อศาลเพื่อพิสูจน์คำให้การของจำเลยได้ เมื่อศาลเห็นว่ามีมูลก็มีอำนาจรับไว้วินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1822/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับข่มขู่ใจให้ส่งเงินทันที ไม่เข้าความผิดฐานกรรโชก
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้กำลังข่มขืนขู่เข็ญยืนใจให้ผู้เสียหายสัญญาจะส่งเงินให้แก่จำเลยกับพวก ขอให้ลงโทษฐานกรรโชก ทางพิจารณาได้ความว่า ผู้เสียหายถูกบังคับให้เงินทันที จึงมิใช่เป็นเรื่องบังคับให้สัญญาว่าจะส่งทรัพย์ตามความหมายของกรรโชก จึงลงโทษจำเลยฐานกรรโชกไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 119/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การข่มขู่เรียกเงินโดยไม่มีอำนาจทางกฎหมายเข้าข่ายความผิดฐานกรรโชก
ตำรวจจับราษฎรมา โดยหาว่ากระทำผิดทางอาญา ได้พูดขู่เข็ญให้เอาเงินมาให้คนละ 40 บาท ถ้ายอมเสียเงินให้ก็จะเสร็จเรื่อง มิฉะนั้นจะเอาตัวไปเดี๋ยวนั้น ราษฎรซักถามจนเป็นที่พอใจแล้วก็ตกลงยอมเสียเงินให้ แล้วหากันกลับไปเอาเงินมาให้ตำรวจในอีก 2 ชั่วโมงต่อมา ดังนี้เป็นความผิดฐานกรรโชกตามกฎหมายอาญามาตรา 303

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 853/2486 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาคดีอาญา: ศาลต้องสืบพยานทั้งโจทก์และจำเลยเพื่อความยุติธรรม
สาลชั้นต้นฟังคำพยานโจท+เดียว แล้วพิพากสายกฟ้อง โดยที่รูปคดีของโจทมี+เปนความผิดและยังไม่+อันไดที่จะฟังข้อเท็ดจิง+ยุติเช่น ย่อมเปนการ++ด้วยวิธีพิจารนา สาล+ดำเนินกะบวนพิจารนาไห้เส็ดสิ้นกะแสความ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 985/2485 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเรียกเงินคืนจากผู้ทำหนังสือปลอมและการใช้สิทธิทางกฎหมายโดยชอบ
สมคบกันทำหนังสือปลอมโดยไส่ชื่อผู้อื่นเพื่อจะเอาเงินจากจำเลยคืน จำเลยจึงทำการสอบสวนได้ความว่าเปนหนังสือปลแม จึงเรียกเงิน 50 บาทจากผู้เสียหาย มิฉะนั้นจะฟ้องร้องหรือจับส่งอำเพอ เช่นนี้ย่อมถือได้ว่าจำเลยมีอำนาดทำได้โดยชอบด้วยกดหมายปละไม่เปนผิดถานกันโชกหรือทำไห้เสื่อมเสียอิสสระภาพ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 608/2485 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตความผิดฐานกันโชกและการบังคับขู่เข็ญให้ส่งทรัพย์ในขณะนั้น ศาลต้องยกฟ้องหากข้อเท็จจริงไม่ถึงองค์ประกอบความผิด
การขู่เข็ญให้เจ้าทรัพย์ส่งทรัพย์ให้ในขณะนั้น ไม่ใช่เป็นผิดฐานกันโชกหรือพยายามกันโชก เมื่อศาลชั้นต้นมิได้วินิจฉัยข้อกล่าวหาตามฟ้องโจทก์ในข้อใด ต้องถือว่าศาลชั้นต้นได้ยกข้อหา เมื่อฝ่ายโจทก์มิไดอุทธรณ์คัดค้านประการใด ก็ย่อมเป็นอันเด็ดขาดไปเฉพาะข้อหานั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 975/2484

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไกล่เกลี่ยและงดฟ้องร้องโดยได้รับเงินชดใช้ ไม่เป็นความผิดฐานกรรโชก หากเจตนาสุจริตและเป็นการประนีประนอมกัน
จำเลยที่ 2 เป็นคู่สู้ประมูลกับผู้เสียหาย ๆ ประมูลได้จำเลยได้รู้ว่ามีการนำหลักฐานเท็จไปค้ำประกันในสัญญาประมูล นี้จึงจะจัดการร้องเรียนได้มีการไกล่เกลียและในที่สุดจำเลยได้รับเงินจากผู้เสียหายจำนวนหนึ่งแล้วก็งดการร้องเรียน จำเลยที่ 1 เป็นผู้เข้าไกล่เกลี่ยตามนี้ ดังนี้ไม่เป็นผิดฐานกรรโชก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 839/2483

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข่มขู่ไม่ให้เอากระบือไป ไม่เป็นกรรโชก หากไม่มีสัญญาว่าจะส่งทรัพย์ให้
พูดขู่ให้เขาส่งเงินให้เขาขอผัดไปเอาเงินที่อื่นมาให้ดังนี้เป็นผิดฐานทำให้เสื่อมเสียอิศรภาพไม่ใช่กรรโชก
of 2