พบผลลัพธ์ทั้งหมด 33 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1260/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความชัดเจนของฟ้องคดีอาญา: ยักยอกทรัพย์/รับของโจร และความเกี่ยวพันของความผิด
โจทก์กล่าวฟ้องใจความว่าโคของเจ้าทรัพย์เพริดไปเมื่อวัน ที่ 11 กุมภาพันธ์ 2499 ตอนกลางวัน ครั้นตกเวลากลางคืนในวันเดียวกันนั้นเองปรากฎว่าจำเลยมีโคตัวนั้นไว้ในความครอบครองโดยในระยะเวลาระหว่าง 2 ตอนดังกล่าวนั้น จำเลยจับโคที่เพริดไปนั้นได้เองแล้วกลับยักยอกเอาไว้เสียโดยทุจริตหรือรับของโจรโคตัวนั้นไว้
เช่นนี้เป็นฟ้องที่ไม่เคลือบคลุม เพราะโจทก์บรรยายการกระทำและรายละเอียดชัดเจนพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจได้ดีอยู่แล้ว ตาม ป.วิ.อาญา ม.158 (5) และความผิดฐานยักยอกของหายในลักษณะเช่นนี้ กับความผิดฐานรับของโจรเป็นความผิดที่เกี่ยวพันกันอยู่เช่นเดียวกันกับความผิดฐานลักทรัพย์กับความผิดฐานรับของโจร ซึ่งย่อมฟ้องได้ในลักษณะทำนองเดียวกันนี้
เช่นนี้เป็นฟ้องที่ไม่เคลือบคลุม เพราะโจทก์บรรยายการกระทำและรายละเอียดชัดเจนพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจได้ดีอยู่แล้ว ตาม ป.วิ.อาญา ม.158 (5) และความผิดฐานยักยอกของหายในลักษณะเช่นนี้ กับความผิดฐานรับของโจรเป็นความผิดที่เกี่ยวพันกันอยู่เช่นเดียวกันกับความผิดฐานลักทรัพย์กับความผิดฐานรับของโจร ซึ่งย่อมฟ้องได้ในลักษณะทำนองเดียวกันนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1260/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความชัดเจนของฟ้องอาญา: การบรรยายการกระทำและรายละเอียดเพื่อให้จำเลยเข้าใจข้อหา
โจทก์กล่าวฟ้องใจความว่าโคของเจ้าทรัพย์เพริดไปเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2499 ตอนกลางวันครั้นตกเวลากลางคืนในวันเดียวกันนั้นเองปรากฏว่าจำเลยมีโคตัวนั้นไว้ในความครอบครองโดยในระยะเวลาระหว่าง 2 ตอนดังกล่าวนั้นจำเลยจับโคที่เพริดไปนั้นได้เองแล้วกลับยักยอกเอาไว้เสียโดยทุจริตหรือรับของโจรโคตัวนั้นไว้
เช่นนี้เป็นฟ้องที่ไม่เคลือบคลุมเพราะโจทก์บรรยายการกระทำและรายละเอียดชัดเจนพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจได้ดีอยู่แล้ว ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา158(5) และความผิดฐานยักยอกของหายในลักษณะเช่นนี้กับความผิดฐานรับของโจรเป็นความผิดที่เกี่ยวพันกันอยู่เช่นเดียวกันกับความผิดฐานลักทรัพย์กับความผิดฐานรับของโจร ซึ่งย่อมฟ้องได้ในลักษณะทำนองเดียวกันนี้
เช่นนี้เป็นฟ้องที่ไม่เคลือบคลุมเพราะโจทก์บรรยายการกระทำและรายละเอียดชัดเจนพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจได้ดีอยู่แล้ว ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา158(5) และความผิดฐานยักยอกของหายในลักษณะเช่นนี้กับความผิดฐานรับของโจรเป็นความผิดที่เกี่ยวพันกันอยู่เช่นเดียวกันกับความผิดฐานลักทรัพย์กับความผิดฐานรับของโจร ซึ่งย่อมฟ้องได้ในลักษณะทำนองเดียวกันนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2135/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานลักทรัพย์หรือยักยอกทรัพย์: การยึดถือครอบครองทรัพย์ที่หล่นหาย และเจตนาเอาทรัพย์ไปเป็นของตนเอง
เจ้าทรัพย์ลืมกระเป๋าทิ้งไว้ที่ข้างเกียร์บนรถยนต์ที่จำเลยเป็นผู้ขับขี่มีบุคคลอื่นมาพบและเก็บได้ถามว่ากระเป๋าของใคร ผู้โดยสารคนหนึ่งว่าเป็นของเขา ผู้เก็บได้จึงส่งกระเป๋าเงินให้จำเลยไปให้ผู้โดยสารคนนั้นเพราะมาด้วยกัน แต่จำเลยกลับเอาไว้เสียเองเช่นนี้การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานยักยอกมิใช่ลักทรัพย์ เพราะเมื่อเจ้าทรัพย์ลืมกระเป๋าเงินทิ้งไว้กรณีเป็นเก็บของตก ความยึดถือครอบครองทรัพย์ย่อมตกอยู่แก่คนกระเป๋ารถๆ มอบทรัพย์ให้อยู่ในความยึดถือครอบครองของจำเลยอีกตอนหนึ่งโดยจำเลยไม่ทราบว่าเป็นของใคร เมื่อจำเลยเอาไว้เป็นประโยชน์ส่วนตัวเสียจึงมีความผิดฐานยักยอกทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2135/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานลักทรัพย์หรือยักยอกทรัพย์: การครอบครองทรัพย์ที่หลงลืม และการส่งมอบให้ผู้อื่น
เจ้าทรัพย์ลืมกระเป๋าทิ้งไว้ที่ข้างเกียร์บนรถยนต์ที่จำเลยเป็นผู้ขับขี่ , มีบุคคลอื่นมาพบและเก็บได้ถามว่ากระเป๋าของใคร ผู้โดยสารคนหนึ่งว่าเป็นของเขา ผู้เก็บได้จึงส่งกระเป๋าเงินให้จำเลยไปให้ผู้โดยสารคนนั้นเพราะมาด้วยกัน แต่จำเลยกลับเอาไว้เสียเองเช่นนี้การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานยักยอกมิใช่ลักทรัพย์เพราะเมื่อเจ้าทรัพย์ลืมกระเป๋าเงินทิ้งไว้กรณีเป็นเก็บของตก ความยึดถือครอบครองทรัพย์ย่อมตกอยู่แก่คนกระเป๋ารถ ๆ มอบทรัพย์ให้อยู่ในความยึดถือครอบครองของจำเลยอีกต่อหนึ่ง โดยจำเลยไม่ทราบว่ากระเป๋าเป็นของใคร เมื่อจำเลยเอาไว้เป็นประโยชน์ส่วนตัวเสียจึงมีความผิดฐานยักยอกทรัพย์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 326/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทรัพย์ที่ถูกลักยอก ไม่ใช่ของตกหาย ตามความหมายกฎหมาย มาตรา 318
โจทก์ฟ้องบรรยายว่ามีคนร้ายลักทรัพย์ของผู้เสียหายไปแล้วต่อมาจำเลยได้เก็บทรัพย์ซึ่งถูกคนร้ายลักไปนั้นได้แล้ว จำเลยมีเจตนาทุจริตยักยอกเอาไว้เป็นประโยชน์ของจำเลยเสียไม่กระทำตามกฎหมายที่บังคับไว้สำหรับการเก็บของตกของหาย ขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 318 ดังนี้ทรัพย์ที่หาว่ายักยอกเป็นทรัพย์ที่ถูกคนร้ายลักไปยังเรียกไม่ได้ว่าเป็นของตกหาย ตามความหมายแห่งกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 318จำเลยจึงยังไม่ผิดตามที่โจทก์ฟ้อง (อ้างฎีกาที่ 138/2492)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 326/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทรัพย์ที่ถูกลักยักยอก ไม่ใช่ของตกหาย ไม่ผิดตามมาตรา 318
โจทก์ฟ้องบรรยายว่ามีคนร้ายลักทรัพย์ของผู้เสียหายไปแล้วต่อมาจำเลยได้เก็บทรัพย์ซึ่งถูกคนร้ายลักไปนั้นได้ แล้วจำเลยมีเจตนาทุจริตยักยอกเอาไว้เป็นประโยชน์ของจำเลยเสียไม่กระทำตามกฎหมายที่บังคับไว้สำหรับการเก็บของตก ของหาย ขอให้ลงโทษตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 318 ดังนี้ทรัพย์ที่หาว่ายักยอกเป็นทรัพย์ที่ถูกคนร้ายลักไป ยังเรียกไม่ได้ว่าเป็นของตกหาย ตามความหมายแห่ง ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 318 จำเลยจึงยังไม่ผิดตามที่โจทก์ฟ้อง
(อ้างฎีกาที่ 138/2492)
(อ้างฎีกาที่ 138/2492)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1657/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดถือทรัพย์สินยังไม่ขาดพ้น ผู้เก็บทรัพย์สินตกหล่นมีความผิดฐานลักทรัพย์
เก็บสร้อยคอ ซึ่งจำเลยก็น่าจะรู้ว่าเป็นของที่เจ้าของเพิ่งทำตกที่ถนน และเจ้าของก็ยังอยู่ในบริเวณนั้น ถ้าไม่หยิบเอาไปเสียเจ้าของก็คงหาพบ เช่นนี้ ถือว่าความยึดถือของเจ้าของทรัพย์ยังไม่ขาดพ้นไป ผู้เก็บเอาไปต้องผิดฐานลักทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1657/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดถือทรัพย์ยังไม่ขาดพ้น การเก็บทรัพย์ที่ตกหล่นถือเป็นลักทรัพย์
เก็บสร้อยคอซึ่งจำเลยก็น่าจะรู้ว่าเป็นของที่เจ้าของเพิ่งทำตกที่ถนน และเจ้าของก็ยังอยู่ในบริเวณนั้น ถ้าไม่หยิบเอาไปเสียเจ้าของก็คงหาพบ เช่นนี้ถือว่าความยึดถือของเจ้าของทรัพย์ยังไม่ขาดพ้นไป ผู้เก็บเอาไปต้องผิดฐานลักทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 670/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแย่งของที่ยังอยู่ในความครอบครองของผู้อื่นเป็นความผิดฐานลักทรัพย์ ไม่ใช่ยักยอก
โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยยักยอกเก็บของตก ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยลักทรัพย์ ต้องยกฟ้องโจทก์
เจ้าทรัพย์กับจำเลยช่วยกันเข็นเรือ อยู่ห่างกัน 1 ศอก ไม่มีใครคั่น ขณะเข็นเรืออยู่นั้น เงินของเจ้าทรัพย์ตกจากกระเป๋าเสื้อชั้นในลงมา จำเลยก็หยิบเอาไปเสียในทันใดนั้นเอง ดังนี้ ขณะที่จำเลยหยิบธนบัตรขึ้นมานั้น ธนบัตรยังหาได้ขาดจากความครอบครองของเจ้าทรัพย์โดยเด็ดขาดไม่ เมื่อเจ้าทรัพย์ยังครอบครองอยู่ การที่จำเลยหยิบเอาไป ก็มีความผิดฐานลักทรัพย์.
เจ้าทรัพย์กับจำเลยช่วยกันเข็นเรือ อยู่ห่างกัน 1 ศอก ไม่มีใครคั่น ขณะเข็นเรืออยู่นั้น เงินของเจ้าทรัพย์ตกจากกระเป๋าเสื้อชั้นในลงมา จำเลยก็หยิบเอาไปเสียในทันใดนั้นเอง ดังนี้ ขณะที่จำเลยหยิบธนบัตรขึ้นมานั้น ธนบัตรยังหาได้ขาดจากความครอบครองของเจ้าทรัพย์โดยเด็ดขาดไม่ เมื่อเจ้าทรัพย์ยังครอบครองอยู่ การที่จำเลยหยิบเอาไป ก็มีความผิดฐานลักทรัพย์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 670/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลักทรัพย์เมื่อทรัพย์สินยังอยู่ในความครอบครองของเจ้าของ
โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยยักยอกเก็บของตก. ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยลักทรัพย์ต้องยกฟ้อง โจทก์
เจ้าทรัพย์กับจำเลยช่วยกันเข็นเรือ อยู่ห่างกัน 1 ศอกไม่มีใครคั่นขณะเข็นเรืออยู่นั้น เงินของเจ้าทรัพย์ตกจากกระเป๋าเสื้อชั้นในลงมาจำเลยก็หยิบเอาไปเสียในทันใดนั้นเอง ดังนี้ ขณะที่จำเลยหยิบธนบัตรขึ้นมานั้นธนบัตรยังหาได้ขาดจากความครอบครองของเจ้าทรัพย์โดยเด็ดขาดไม่ เมื่อเจ้าทรัพย์ยังครอบครองอยู่การที่จำเลยหยิบเอาไป ก็มีความผิดฐานลักทรัพย์
เจ้าทรัพย์กับจำเลยช่วยกันเข็นเรือ อยู่ห่างกัน 1 ศอกไม่มีใครคั่นขณะเข็นเรืออยู่นั้น เงินของเจ้าทรัพย์ตกจากกระเป๋าเสื้อชั้นในลงมาจำเลยก็หยิบเอาไปเสียในทันใดนั้นเอง ดังนี้ ขณะที่จำเลยหยิบธนบัตรขึ้นมานั้นธนบัตรยังหาได้ขาดจากความครอบครองของเจ้าทรัพย์โดยเด็ดขาดไม่ เมื่อเจ้าทรัพย์ยังครอบครองอยู่การที่จำเลยหยิบเอาไป ก็มีความผิดฐานลักทรัพย์