คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.อ. ม. 350

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 188 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1241/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจัดการมรดกโดยผู้จัดการมรดก การขายทรัพย์มรดกและการนำเงินไปลงทุนเพื่อประโยชน์ของกองมรดก ไม่เป็นความผิดฐานโกงเจ้าหนี้
จำเลยเป็นผู้จัดการมรดก ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยแบ่งมรดกให้โจทก์ร่วม 1 ใน 6 ส่วน คดียังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของ ศาลฎีกาจำเลยขายที่ดินมรดกไปเพราะการรังวัดแบ่งแยกที่ดินระหว่าง ทายาทไม่สามารถแบ่งกันได้ โจทก์ร่วมขอแบ่งเงินที่ได้จากการขาย จำเลยไม่ให้อ้างว่ารอให้คดีถึงที่สุดก่อน จำเลยนำเงินจากการขาย ที่ดินไปรับจำนองที่ดินอื่นเพื่อหารายได้ให้แก่กองมรดก ทั้งที่ดิน ที่จำนองมีราคาสูงกว่าจำนวนเงินที่จำนอง จำเลยกระทำไปในนามของ ผู้จัดการมรดกโดยความเห็นชอบของทายาทอื่นและไม่ปรากฏว่ากระทำไป โดยทุจริต การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานโกงเจ้าหนี้ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 350

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1241/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผู้จัดการมรดกขายทรัพย์สินเพื่อแบ่งมรดก ไม่ถือเป็นโกงเจ้าหนี้ แม้ยังไม่ถึงที่สุด
จำเลยเป็นผู้จัดการมรดก ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยแบ่งมรดกให้โจทก์ร่วม 1 ใน 6 ส่วน คดียังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา จำเลยขายที่ดินมรดกไปเพราะการรังวัดแบ่งแยกที่ดินระหว่างทายาทไม่สามารถแบ่งกันได้ โจทก์ร่วมขอแบ่งเงินที่ได้จากการขาย จำเลยไม่ให้อ้างว่ารอให้คดีถึงที่สุดก่อน จำเลยนำเงินจากการขายที่ดินไปรับจำนองที่ดินอื่นเพื่อหารายได้ให้แก่กองมรดก ทั้งที่ดินที่จำนองมีราคาสูงกว่าจำนวนเงินที่จำนอง จำเลยกระทำไปในนามของผู้จัดการมรดกโดยความเห็นชอบของทายาทอื่น และไม่ปรากฏว่ากระทำไปโดยทุจริต การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานโกงเจ้าหนี้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 350

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 311/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนทรัพย์สินเพื่อหลีกเลี่ยงชำระหนี้: จำเลยที่ 2 ไม่มีส่วนรู้เห็น จึงไม่มีความผิด
จำเลยที่ 1 โอนสิทธิการเช่าตึก ซึ่งจำเลยที่ 1 นำมาค้ำประกันการชำระหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความที่ทำไว้กับโจทก์ในศาล และโอนทรัพย์สินอื่นที่โจทก์นำยึดไว้ให้จำเลยที่ 2 ทางไต่สวนไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกได้รู้เห็นในเรื่องที่จำเลยที่ 1 ได้นำสิทธิการเช่าตึกดังกล่าวไปค้ำประกันการชำระหนี้ไว้กับโจทก์ และการที่จำเลยที่ 2ร้องขัดทรัพย์ขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึดก็เป็นการใช้สิทธิทางศาลตามกฎหมาย คดีสำหรับจำเลยที่ 2 จึงไม่มีมูล.(ที่มา-เนติ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4056/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิถอนฟ้องคดีอาญาความผิดส่วนตัวก่อนคดีถึงที่สุด ทำให้สิทธิฟ้องระงับ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 350 ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง โจทก์ฎีกา ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาโจทก์ขอถอนฟ้อง เมื่อเป็นความผิดต่อส่วนตัว โจทก์ย่อมถอนฟ้องได้ก่อนคดีถึงที่สุด เมื่อศาลฎีกาอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องได้ สิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์ย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2)ศาลฎีกาสั่งจำหน่ายคดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3153/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหลอกลวงเพื่อยึดโฉนดที่ดินและการโกงเจ้าหนี้ ต้องมีเจตนาทุจริตและองค์ประกอบความผิดครบถ้วน จึงจะมีความผิด
มารดาจำเลยที่ 1 เคยกู้ยืมเงินโจทก์ และมอบโฉนดที่ดินให้โจทก์ยึดถือไว้เป็นประกัน หลังจากมารดาจำเลยถึงแก่กรรมแล้วจำเลยที่ 1 ได้ทำหนังสือรับสภาพหนี้ ยอมชำระหนี้แทนมารดาโดยจะโอนที่ดินให้โจทก์ทั้งแปลงต่อมาจำเลยที่ 1 ได้ขอยืมโฉนดดังกล่าวจากโจทก์อ้างว่าจะนำไปแสดงต่อเจ้าพนักงานที่ดินเพื่อขอรับมรดก และเจ้าพนักงานที่ดินได้ขอโฉนดดังกล่าวไว้เพื่อประกาศรับมรดกให้ครบ 60 วันเสียก่อน ซึ่งความจริงได้มีการประกาศเพื่อรับมรดกมาก่อนและครบกำหนดแล้ว จำเลยที่ 1 ที่ 2 ได้จดทะเบียนถือกรรมสิทธิ์ร่วมกันในที่ดินดังกล่าวและเจ้าพนักงานที่ดินก็คืนโฉนดให้ในวันนั้นเอง แล้วจำเลยที่ 1 ได้นำที่ดินดังกล่าวไปจดทะเบียนจำนองเฉพาะส่วนของตนกับบุคคลอื่น ดังนี้ แม้จำเลยที่ 1 จะไม่ได้เอาโฉนดที่ดินมาเพื่อใช้รับมรดกอย่างเดียวตามที่บอกกล่าวไว้ในตอนขอรับเอาโฉนดที่ดินจากโจทก์ แต่โจทก์ก็มอบให้ด้วยความสมัครใจของตนเองเพราะประสงค์จะให้จำเลยที่ 1 รับมรดกที่ดินนั้นแล้วโอนให้โจทก์ตามหนังสือรับสภาพหนี้ หากจำเลยทั้งสองจะได้หลอกลวงโจทก์ในเรื่องเจ้าพนักงานที่ดินยึดโฉนดที่ดินไว้เพื่อประกาศรับมรดก 60 วันจริง ก็เป็นเรื่องที่จำเลยทั้งสองมีเจตนาจะไม่ส่งโฉนดที่ดินคืนโจทก์เท่านั้น หาใช่เป็นการหลอกลวงเพื่อเอาโฉนดที่ดินจากโจทก์ไม่ การกระทำของจำเลยทั้งสองไม่เข้าองค์ประกอบความผิดฐานฉ้อโกงตามมาตรา 341.
ฟ้องโจทก์ไม่ได้บรรยายว่า จำเลยได้กระทำการโดยรู้อยู่ว่าโจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ได้ใช้หรือจะใช้สิทธิเรียกร้องทางศาลให้จำเลยที่ 1 ชำระหนี้ตามหนังสือรับสภาพหนี้ จึงเป็นฟ้องที่ขาดองค์ประกอบความผิดฐานโกงเจ้าหนี้ตาม มาตรา 350

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3153/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาไม่ส่งคืนโฉนดไม่ถือฉ้อโกง-ขาดองค์ประกอบความผิดโกงเจ้าหนี้
มารดาจำเลยที่1เคยกู้ยืมเงินโจทก์และมอบโฉนดที่ดินให้โจทก์ยึดถือไว้เป็นประกันหลังจากมารดาจำเลยถึงแก่กรรมแล้วจำเลยที่1ได้ทำหนังสือรับสภาพหนี้ยอมชำระหนี้แทนมารดาโดยจะโอนที่ดินให้โจทก์ทั้งแปลงต่อมาจำเลยที่1ได้ขอยืมโฉนดดังกล่าวจากโจทก์อ้างว่าจะนำไปแสดงต่อเจ้าพนักงานที่ดินเพื่อขอรับมรดกและเจ้าพนักงานที่ดินได้ขอโฉนดดังกล่าวไว้เพื่อประกาศรับมรดกให้ครบ60วันเสียก่อนซึ่งความจริงได้มีการประกาศเพื่อรับมรดกมาก่อนและครบกำหนดแล้วจำเลยที่1ที่2ได้จดทะเบียนถือกรรมสิทธิ์ร่วมกันในที่ดินดังกล่าวและเจ้าพนักงานที่ดินก็คืนโฉนดให้ในวันนั้นเองแล้วจำเลยที่1ได้นำที่ดินดังกล่าวไปจดทะเบียนจำนองเฉพาะส่วนของตนกับบุคคลอื่นดังนี้แม้จำเลยที่1จะไม่ได้เอาโฉนดที่ดินมาเพื่อใช้รับมรดกอย่างเดียวตามที่บอกกล่าวไว้ในตอนขอรับเอาโฉนดที่ดินจากโจทก์แต่โจทก์ก็มอบให้ด้วยความสมัครใจของตนเองเพราะประสงค์จะให้จำเลยที่1รับมรดกที่ดินนั้นแล้วโอนให้โจทก์ตามหนังสือรับสภาพหนี้หากจำเลยทั้งสองจะได้หลอกลวงโจทก์ในเรื่องเจ้าพนักงานที่ดินยึดโฉนดที่ดินไว้เพื่อประกาศรับมรดก60วันจริงก็เป็นเรื่องที่จำเลยทั้งสองมีเจตนาจะไม่ส่งโฉนดที่ดินคืนโจทก์เท่านั้นหาใช่เป็นการหลอกลวงเพื่อเอาโฉนดที่ดินจากโจทก์ไม่การกระทำของจำเลยทั้งสองไม่เข้าองค์ประกอบความผิดฐานฉ้อโกงตามมาตรา341. ฟ้องโจทก์ไม่ได้บรรยายว่าจำเลยได้กระทำการโดยรู้อยู่ว่าโจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ได้ใช้หรือจะใช้สิทธิเรียกร้องทางศาลให้จำเลยที่1ชำระหนี้ตามหนังสือรับสภาพหนี้จึงเป็นฟ้องที่ขาดองค์ประกอบความผิดฐานโกงเจ้าหนี้ตามมาตรา350.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2275/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมการโอนทรัพย์สินบริษัทลูกหนี้เข้าเจ้าหนี้รายอื่น ทำให้โจทก์เสียหาย ถือเป็นความผิดฐานโกงเจ้าหนี้ แม้ทำตามมติที่ประชุม
จำเลยเป็นกรรมการผู้จัดการบริษัทส.จำเลยรู้อยู่แล้วว่าบริษัทส.เป็นลูกหนี้โจทก์และยังไม่ได้รับชำระหนี้จำเลยได้โอนทรัพย์สินของบริษัทส.ให้บริษัทอ.ซึ่งเป็นการทำให้โจทก์เสียหายไม่ได้รับชำระหนี้ทั้งหมดหรือบางส่วนแม้การโอนทรัพย์สินรายนี้จำเลยกระทำไปตามมติของที่ประชุมผู้ถือหุ้นในฐานะที่จำเลยเป็นกรรมการผู้จัดการก็ถือได้ว่าจำเลยร่วมรู้เห็นเป็นใจในการกระทำผิดจำเลยจึงต้องร่วมรับผิดฐานเป็นตัวการในความผิดฐานโกงเจ้าหนี้ด้วย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2275/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมการผู้จัดการโอนทรัพย์สินบริษัทที่เป็นหนี้เจ้าหนี้ ทำให้เจ้าหนี้เสียหาย ถือเป็นความผิดฐานโกงเจ้าหนี้
จำเลยเป็นกรรมการผู้จัดการบริษัท ส. จำเลยรู้อยู่แล้วว่าบริษัท ส.เป็นลูกหนี้โจทก์และยังไม่ได้รับชำระหนี้ จำเลยได้โอนทรัพย์สินของบริษัท ส. ให้บริษัท อ. ซึ่งเป็นการทำให้โจทก์เสียหายไม่ได้รับชำระหนี้ทั้งหมดหรือบางส่วน แม้การโอนทรัพย์สินรายนี้จำเลยกระทำไปตามมติของที่ประชุมผู้ถือหุ้นในฐานะที่จำเลยเป็นกรรมการผู้จัดการ ก็ถือได้ว่าจำเลยร่วมรู้เห็นเป็นใจในการกระทำผิด จำเลยจึงต้องร่วมรับผิดฐานเป็นตัวการในความผิดฐานโกงเจ้าหนี้ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2054/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโกงเจ้าหนี้โดยการโอนทรัพย์สินหลายครั้ง แม้มีเจตนาเดียว ศาลฎีกาเห็นว่าเป็นการกระทำหลายกรรมต่างกัน
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดสามกระทงจำคุกกระทงละ1ปีรวมจำคุกคนละ3ปีศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดกระทงเดียวจำคุกคนละ1ปีเป็นการแก้ไขเล็กน้อยต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา218. จำเลยโอนที่ดินทั้ง3แปลงตามฟ้องรวม3ครั้งด้วยกันแม้ว่าจำเลยจะมีเจตนาเพียงประการเดียวที่จะไม่ให้โจทก์บังคับคดีเอาแก่ทรัพย์สินของจำเลยที่1ก็ตามแต่การโอนที่ดินไปแต่ละครั้งนั้นก็เป็นความผิดฐานโกงเจ้าหนี้สำเร็จแล้วทุกครั้งการกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำหลายกรรมต่างกันมิใช่กรรมเดียว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2054/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ โกงเจ้าหนี้: การโอนทรัพย์สินหลายครั้งถือเป็นความผิดหลายกรรม แม้มีเจตนาเดียว
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดสามกระทง จำคุกกระทงละ 1 ปี รวมจำคุกคนละ 3 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดกระทงเดียว จำคุกคนละ 1 ปี เป็นการแก้ไขเล็กน้อย ต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
จำเลยโอนที่ดินทั้ง 3 แปลงตามฟ้องรวม 3 ครั้งด้วยกัน แม้ว่าจำเลยจะมีเจตนาเพียงประการเดียวที่จะไม่ให้โจทก์บังคับคดีเอาแก่ทรัพย์สินของจำเลยที่ 1 ก็ตามแต่การโอนที่ดินไปแต่ละครั้งนั้น ก็เป็นความผิดฐานโกงเจ้าหนี้สำเร็จแล้วทุกครั้ง การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำหลายกรรมต่างกัน มิใช่กรรมเดียว
of 19