พบผลลัพธ์ทั้งหมด 52 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1846/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเจ้าของที่ดินตัดกิ่งไม้รุกล้ำ และเจตนาทางอาญาของผู้กระทำ
ในทางแพ่ง ถ้าจำเลยได้บอกกล่าวโจทก์เสียก่อนและให้เวลาพอสมควรแล้ว จำเลยก็อาจตัดกิ่งไม้ของโจทก์ที่ยื่นล้ำที่ของจำเลยเข้าไปนั้นได้
ส่วนในทางอาญา ต้องพิจารณาเจตนาของจำเลยเป็นเรื่องๆไป ถ้าตามพฤติการณ์ที่ปรากฏเป็นที่เห็นได้ว่าจำเลยไม่มีเจตนาทำผิดทางอาญา แม้จำเลยไม่ได้บอกกล่าวโจทก์เสียก่อน จำเลยก็ตัดกิ่งไม้ที่ยื่นรุกล้ำเข้ามาในที่ของตนได้ เพราะเป็นเรื่องที่จำเลยเพียงแต่กระทำการป้องกันกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินของตนตามที่กฎหมายอนุญาตให้ทำได้โดยทั่วๆ ไป หากแต่จำเลยมิได้ปฏิบัติการให้ครบถ้วนตามวิธีการที่บัญญัติไว้ใน ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1347 เท่านั้น(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 5/2501)
ส่วนในทางอาญา ต้องพิจารณาเจตนาของจำเลยเป็นเรื่องๆไป ถ้าตามพฤติการณ์ที่ปรากฏเป็นที่เห็นได้ว่าจำเลยไม่มีเจตนาทำผิดทางอาญา แม้จำเลยไม่ได้บอกกล่าวโจทก์เสียก่อน จำเลยก็ตัดกิ่งไม้ที่ยื่นรุกล้ำเข้ามาในที่ของตนได้ เพราะเป็นเรื่องที่จำเลยเพียงแต่กระทำการป้องกันกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินของตนตามที่กฎหมายอนุญาตให้ทำได้โดยทั่วๆ ไป หากแต่จำเลยมิได้ปฏิบัติการให้ครบถ้วนตามวิธีการที่บัญญัติไว้ใน ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1347 เท่านั้น(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 5/2501)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1846/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเจ้าของที่ดินตัดกิ่งไม้ล้ำแนวเขตและการพิจารณาเจตนาในความผิดอาญา
ในทางแพ่ง ถ้าจำเลยได้บอกกล่าวโจทก์เสียก่อนและให้เวลาพอสมควรแล้ว จำเลยก็อาจตัดกิ่งไม้ของโจทก์ที่ยื่นล้ำที่ของจำเลยเข้าไปนั้นได้
ส่วนในทางอาญา ต้องพิจารณาเจตนาของจำเลยเป็นเรื่อง ๆ ไป ถ้าตามพฤติการณ์ที่ปรากฎเป็นที่เห็นได้ว่าจำเลยไม่มีเจตนาทำผิดทางอาญา แม้จำเลยไม่ได้บอกกล่าวโจทก์เสียก่อน จำเลยก็ตัดกิ่งไม้ที่ยื่นรุกล้ำเข้ามาในที่ของตนได้เพราะเป็นเรื่องที่จำเลยเพียงแต่กระทำการป้องกันกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินของตนตามที่กฎหมายอนุญาตให้ทำได้โดยทั่ว ๆ ไป หากแต่จำเลยมิได้ปฏิบัติการให้ครบถ้วน ตามวิธีการที่บัญญัติไว้ใน ป.พ.พ. มาตรา 1347 เท่านั้น.
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 5/2501)
ส่วนในทางอาญา ต้องพิจารณาเจตนาของจำเลยเป็นเรื่อง ๆ ไป ถ้าตามพฤติการณ์ที่ปรากฎเป็นที่เห็นได้ว่าจำเลยไม่มีเจตนาทำผิดทางอาญา แม้จำเลยไม่ได้บอกกล่าวโจทก์เสียก่อน จำเลยก็ตัดกิ่งไม้ที่ยื่นรุกล้ำเข้ามาในที่ของตนได้เพราะเป็นเรื่องที่จำเลยเพียงแต่กระทำการป้องกันกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินของตนตามที่กฎหมายอนุญาตให้ทำได้โดยทั่ว ๆ ไป หากแต่จำเลยมิได้ปฏิบัติการให้ครบถ้วน ตามวิธีการที่บัญญัติไว้ใน ป.พ.พ. มาตรา 1347 เท่านั้น.
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 5/2501)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1617-1618/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรื้อถอนทรัพย์สินในที่เช่าเพื่อขุดคลอง แม้มิมีเจตนาทำลายทรัพย์สิน แต่ยังต้องรับผิดในละเมิด
จำเลยเป็นเวยยยาวัจจกรของวัด ได้บอกกล่าวให้โจทก์รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างรวมทั้งต้นไม้ที่ปลูกล้ำที่เข่าวัดออกมา เพื่อทางวัดจะได้ขุดคูไปให้ทะลุคลอง ตามที่ได้ตกลงจ้างเขาไว้ โจทก์รับทราบและว่าจะจัดการ แล้วต่อมาไม่จัดการ ประวิงเวลาไว้จนสัญญาที่ทางวัดจ้างผู้ขุดจะหมด จำเลยจึงได้เข้าจัดการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและตัดต้นไม้ที่ล้ำนอกเขตเช่า โดยระมัดระวังพยายามให้เกิดการเสียหายน้อยที่สุด เพื่อขุดคลองแล้วนำไปกองไว้ให้โจทก์ เช่นนี้จำเลยยังไม่มีผิดฐานทำให้เสียทรัพย์เพราะมิได้มีเจตนาทำให้เสียทรัพย์ แต่จำเลยต้องรับผิดในการละเมิดที่ทำแก่ทรัพย์ของโจทก์ ไม่ได้รับการยกเว้นตามประมวลแพ่ง มาตรา 451 นอกจากค่าเสียหายธรรมดาแล้วศาลยังคิดค่าเสียหายให้ตามประมวลแพ่งฯ มาตรา 446 อีกโสดหนึ่งด้วย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1617-1618/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรื้อถอนทรัพย์สินในที่เช่า: เจตนาทำให้เสียทรัพย์ vs. ละเมิดและการชดใช้ค่าเสียหาย
จำเลยเป็นไวยาวัจกรของวัด ได้บอกกล่าวให้โจทก์รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างรวมทั้งต้นไม้ที่ปลูกล้ำที่เช่าวัดออกมา เพื่อทางวัดจะได้ขุดคูไปให้ทะลุคลอง ตามที่ได้ตกลงจ้างเขาไว้ โจทก์รับทราบและว่าจะจัดการแล้วต่อมาไม่จัดการ ประวิงเวลาไว้จนสัญญาที่ทางวัดจ้างผู้ขุดจะหมดจำเลยจึงได้เข้าจัดการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและตัดต้นไม้ที่ล้ำนอกเขตเช่า โดยระมัดระวังพยายามให้เกิดการเสียหายน้อยที่สุด เพื่อขุดคลองแล้วนำไปกองไว้ให้โจทก์เช่นนี้ จำเลยยังไม่มีผิดฐานทำให้เสียทรัพย์เพราะมิได้มีเจตนาทำให้เสียทรัพย์แต่จำเลยต้องรับผิดในการละเมิดที่ทำแก่ทรัพย์ของโจทก์ ไม่ได้รับการยกเว้นตามประมวลแพ่งมาตรา 451 นอกจากค่าเสียหายธรรมดาแล้วศาลยังคิดค่าเสียหายให้ตามประมวลแพ่งฯ มาตรา 446 อีกโสดหนึ่งด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 948/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องบุกรุกต้องระบุเจตนาชัดเจน หากขาดรายละเอียดฟ้องไม่ชอบ
คำบรรยายฟ้องหาว่าทำผิดฐานบุกรุกตามกฎหมายลักษณะอาญาม.327 นั้น โจทก์ต้องกล่าวด้วยว่าจำเลยเจตนาจะมิให้ผู้อื่นได้ปกครองทรัพย์หรือเพื่อจะเข้าครอบครองทรัพย์มิฉะนั้นเป็นฟ้องที่ขาดรายละเอียดทำให้จำเลยไม่เข้าใจข้อหาได้ดีพอ(เทียบเคียงฎีกาที่ 912/2492,1549/2493)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 993/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องทำให้เสียทรัพย์: ผู้เสียหายต้องเป็นผู้เช่า และการนำเอกสารประกอบคำให้การในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง
ปัญหาที่ว่าจำเลยมีเจตนาร้ายหรือเจตนาทุจริตหรือไม่นั้นเป็นปัญหาข้อเท็จจริง
ผู้เช่าซึ่งมีชื่อในสัญญาเช่ามอบห้องเช่าให้โจทก์อยู่และให้โจทก์เป็นผู้เสียค่าเช่า จำเลยทำให้บานประตูห้องเช่าเสียหาย โจทก์จะฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานทำให้เสียทรัพย์ไม่ได้เพราะไม่ใช่ผู้เสียหาย
ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องในคดีอาญาที่ราษฎรเป็นโจทก์ เมื่อทนายจำเลยซักค้านพาดพิงถึงเอกสารใดได้ให้พยานตรวจดูและยอมรับแล้ว จำเลยย่อมส่งเอกสารนั้นเข้าประกอบคำพยานโจทก์ได้ ไม่ถือว่าเป็นการนำพยานเข้าสืบ
ผู้เช่าซึ่งมีชื่อในสัญญาเช่ามอบห้องเช่าให้โจทก์อยู่และให้โจทก์เป็นผู้เสียค่าเช่า จำเลยทำให้บานประตูห้องเช่าเสียหาย โจทก์จะฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานทำให้เสียทรัพย์ไม่ได้เพราะไม่ใช่ผู้เสียหาย
ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องในคดีอาญาที่ราษฎรเป็นโจทก์ เมื่อทนายจำเลยซักค้านพาดพิงถึงเอกสารใดได้ให้พยานตรวจดูและยอมรับแล้ว จำเลยย่อมส่งเอกสารนั้นเข้าประกอบคำพยานโจทก์ได้ ไม่ถือว่าเป็นการนำพยานเข้าสืบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 577/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อจำกัดการฟ้องเรียกค่าเสียหายในคดีอาญา: ศาลแพ่งต้องใช้ข้อเท็จจริงจากคำพิพากษาอาญา
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยบุกรุกและทำลายทรัพย์ให้เสียหายรวมเป็นเงิน2,400 บาท ขอให้ลงโทษและเรียกค่าเสียหาย เมื่อศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังว่าที่พิพาทเป็นของฝ่ายจำเลยพิพากษายกฟ้องดังนี้แม้โจทก์จะฎีกาเฉพาะที่เกี่ยวกับส่วนแพ่งอ้างว่าทุนทรัพย์ของโจทก์ที่เรียกร้องมีถึง 2,400 บาทก็ตาม คดีของโจทก์ในส่วนแพ่งก็ไม่มีทางชนะ ได้เพราะในการพิพากษาคดีส่วนแพ่งศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาตาม มาตรา46
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 570/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดหลายบท vs. หลายกระทง และการเพิ่มโทษตามกฎหมายอาญา
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษและเพิ่มโทษตาม กฎหมายลักษณะอาญามาตรา 73 แต่ข้อเท็จจริงได้ความว่าจะต้องเพิ่มโทษจำเลยตาม มาตรา 72 ศาลก็เพิ่มโทษจำเลยตาม มาตรา 72 ได้ไม่เป็นการเกินคำขอ
จำเลยทำการชิงทรัพย์และได้ทำให้ทรัพย์ของเจ้าทรัพย์เสียหายด้วยเมื่อปรากฏว่าการกระทำของจำเลยเกิดขึ้นในสถานที่เดียวกันในเวลาติดต่อเนื่องกันด้วยเจตนามุ่งหวังในทรัพย์ไม่ขาดตอนกันเช่นนี้การกระทำของจำเลยถือว่าเป็นความผิดหลายบทไม่ใช่หลายกระทง
จำเลยทำการชิงทรัพย์และได้ทำให้ทรัพย์ของเจ้าทรัพย์เสียหายด้วยเมื่อปรากฏว่าการกระทำของจำเลยเกิดขึ้นในสถานที่เดียวกันในเวลาติดต่อเนื่องกันด้วยเจตนามุ่งหวังในทรัพย์ไม่ขาดตอนกันเช่นนี้การกระทำของจำเลยถือว่าเป็นความผิดหลายบทไม่ใช่หลายกระทง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 888/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้รับมอบทรัพย์เสียหายจากการถูกทำลายทรัพย์ ย่อมมีสิทธิร้องทุกข์ได้
รับมอบทรัพย์ของผู้อื่นไว้เพื่อหาประโยชน์ มีคนมาทำอันตรายแก่ทรัพย์นั้น เป็นเหตุให้ทรัพย์เสียหายไม่อาจใช้หาประโยชน์ได้ผู้รับมอบทรัพย์ย่อมเป็นผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(4) มีสิทธิร้องทุกข์ให้เจ้าพนักงานดำเนินคดีฐานทำให้เสียทรัพย์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 372/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ในต้นพลูที่ปลูกในที่ดินของผู้อื่น ถือเป็นส่วนควบของที่ดิน เจ้าของที่ดินมีสิทธิตัดฟันได้ ไม่ผิดฐานทำลายทรัพย์
พลูเป็นไม้ยืนต้นจึงเป็นส่วนควบของที่ดินผู้ใดเป็นเจ้าของที่ดินย่อมมีกรรมสิทธิ์
เจ้าของที่ดินตัดฟันต้นพลูซึ่งผู้เช่าปลูกอยู่ในที่ดินของตนก็เท่ากับทำลายทรัพย์ของตนเองจึงไม่มีความผิดฐานทำลายทรัพย์
เจ้าของที่ดินตัดฟันต้นพลูซึ่งผู้เช่าปลูกอยู่ในที่ดินของตนก็เท่ากับทำลายทรัพย์ของตนเองจึงไม่มีความผิดฐานทำลายทรัพย์