พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,639 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 46/2501
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับรองบุตรต้องเป็นบิดา การจดทะเบียนหรือรับรองบุตรโดยมิใช่บิดา ไม่ทำให้เด็กเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย
บุคคลที่จะจดทะเบียนรับรองบุตร หรือรับรองบุตรให้มีผลในกฎหมายได้บุคคลนั้นจะต้องเป็นบิดาของเด็กด้วยมิฉะนั้นการรับรองก็ไม่เกิดผล
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 46/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับรองบุตรต้องเป็นบิดา หากไม่ใช่ การรับรองไม่มีผลทางกฎหมาย
บุคคลที่จะจดทะเบียนรับรองบุตร หรือรับรองบุตรให้มีผลในกฎหมายได้ บุคคลนั้นจะต้องเป็นบิดาของเด็กด้วย มิฉะนั้นการรับรองก็ไม่เกิดผล
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2008/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าที่ยังไม่ผูกพัน & การเข้าครอบครองโดยอาศัยสิทธิไม่ก่อให้เกิดภาระจำยอม
การที่เจ้าอาวาสลงชื่อในสัญญาเช่าหมาย ล.5 โดยเจตนาจะถือเป็นเพียงแต่ร่างสัญญาโดยจะต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการวัดก่อนอีกทีหนึ่ง ไม่มีความประสงค์จะให้เป็นสัญญาอันแท้จริง สัญญาเช่าดังกล่าวจึงไม่ผูกพันโจทก์จำเลยอย่างใด ที่จำเลยอ้างว่าเข้าอยู่โดยอาศัยสิทธิการเช่าตามสัญญาหมาย ล.5 จึงฟังไม่ได้ เป็นแต่เพียงอาศัยเท่านั้น เมื่อเป็นการอาศัยจำเลยจึงไม่มีสิทธิขอให้จดทะเบียนการเช่าและภาระจำยอมตาม ป.พ.พ. มาตรา 1312
การที่โจทก์ฟ้องจำเลย ๆ ฟ้องแย้งโจทก์ โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งนั้น เป็นคดีเดียวกันทั้งนั้น ทนายโจทก์ที่ได้รับแต่งตั้งไว้แล้วมีสิทธิทำคำให้การแก้ฟ้องแย้งจำเลยได้ ไม่จำเป็นต้องมีการแต่งตั้งทนายใหม่อีก.
การที่โจทก์ฟ้องจำเลย ๆ ฟ้องแย้งโจทก์ โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งนั้น เป็นคดีเดียวกันทั้งนั้น ทนายโจทก์ที่ได้รับแต่งตั้งไว้แล้วมีสิทธิทำคำให้การแก้ฟ้องแย้งจำเลยได้ ไม่จำเป็นต้องมีการแต่งตั้งทนายใหม่อีก.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2008/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าที่มิได้มีเจตนาผูกพัน และการเข้าอยู่อาศัยโดยอาศัยสิทธิ ย่อมไม่ก่อให้เกิดภาระจำยอม
การที่เจ้าอาวาสลงชื่อในสัญญาเช่าหมาย ล.5 โดยเจตนาจะถือเป็นแต่เพียงร่างสัญญาโดยจะต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการวัดก่อนอีกทีหนึ่ง ไม่มีความประสงค์จะให้เป็นสัญญาอันแท้จริง สัญญาเช่าดังกล่าวจึงไม่ผูกพันโจทก์จำเลยอย่างใด ที่จำเลยอ้างว่าเข้าอยู่โดยอาศัยสิทธิการเช่าตามสัญญาหมาย ล.5จึงฟังไม่ได้ เป็นแต่เพียงอาศัยเท่านั้น เมื่อเป็นการอาศัยจำเลยจึงไม่มีสิทธิขอให้จดทะเบียนการเช่าและภาระจำยอมตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1312
การที่โจทก์ฟ้องจำเลย จำเลยฟ้องแย้งโจทก์ โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งนั้นเป็นคดีเดียวกันทั้งนั้น ทนายโจทก์ที่ได้รับแต่งตั้งไว้แล้วมีสิทธิทำคำให้การแก้ฟ้องแย้งจำเลยได้ ไม่จำเป็นต้องมีการแต่งตั้งทนายใหม่อีก
การที่โจทก์ฟ้องจำเลย จำเลยฟ้องแย้งโจทก์ โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งนั้นเป็นคดีเดียวกันทั้งนั้น ทนายโจทก์ที่ได้รับแต่งตั้งไว้แล้วมีสิทธิทำคำให้การแก้ฟ้องแย้งจำเลยได้ ไม่จำเป็นต้องมีการแต่งตั้งทนายใหม่อีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1992/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อเท็จจริงนอกฟ้อง: จำเลยไม่ต้องรับผิดหากกระบือที่ทำร้ายไม่ใช่ของตนเอง แม้จะเลี้ยงดู
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายในการที่กระบือของจำเลยไปทำร้ายกระบือของโจทก์ แต่ข้อเท็จจริงเท่าที่นำสืบได้ความว่ากระบือที่ไปทำร้ายกระบือโจทก์เป็นกระบือของคนอื่น จำเลยเอามาเลี้ยงรักษา ดั่งนี้เป็นข้อเท็จจริงนอกฟ้อง ศาลไม่พิพากษาให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1992/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดในความเสียหายจากกระบือ การฟ้องผิดฐานเจ้าของ หากข้อเท็จจริงพิสูจน์ได้ว่าไม่ใช่เจ้าของ
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายในการที่กระบือของจำเลยไปทำร้ายกระบือของโจทก์ แต่ข้อเท็จจริงเท่าที่นำสืบได้ความว่า กระบือที่ไปทำร้ายกระบือโจทก์ เป็นกระบือของคนอื่น จำเลยเอามาเลี้ยงรักษา ดั่งนี้เป็นข้อเท็จจริงนอกฟ้อง ศาลไม่พิพากษาให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหาย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1945/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าจากการยิงใกล้ชิดและความหึงหวง ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าการกระทำแสดงเจตนาฆ่า
จำเลยกับผู้เสียหายต่างรักใคร่กับหญิงคนรักคนๆ เดียวกันคนรักถูกผู้ปกครองต่อว่าเสียใจวิ่งขึ้นบนห้อง จำเลยตามขึ้นไป ผู้เสียหายตามขึ้นไปภายหลัง ถามจำเลยว่ามึงมาใหญ่โตที่นี่หรือ จำเลยยกมือไหว้ว่ามีอะไรสั่งสอนผมผมนับถือพี่พงษ์(ผู้เสียหาย)แล้วจำเลยกับผู้เสียหายใช้มือผลักกันไปมา คนรักหนีเข้าห้อง จำเลยวิ่งหนีไปอีกห้องติดๆกัน ผู้เสียหายตามเข้าไปกอดคนรักและพูดว่า"พี่อยู่ทั้งคนไม่ต้องกลัว" ทันใดจำเลยอยู่หน้าประตูห้องคนรักก็ยิงผู้เสียหาย ดังนี้การกระทำของผู้เสียหายหาใช่เป็นการข่มเหงไม่ และไม่ใช่เป็นการชวนวิวาทเพราะเมื่อจำเลยหนีเข้าไปในห้องอีกห้องหนึ่ง ผู้เสียหายไม่ได้ติดตามเข้าไปหรือพูดอะไรกับจำเลยอีก ผู้เสียหายพูดว่าจำเลยในฐานเป็นผู้ใหญ่กว่า การผลักกันไปมานั้นก็ไม่หมายความว่าผู้เสียหายผลักจำเลยเป็นการชวนทำร้าย
อาวุธปืนเป็นของร้ายแรง แผลที่จำเลยยิงก็อยู่ใกล้อวัยวะส่วนสำคัญของร่างกาย จำเลยยิงในระยะใกล้ๆ 1 วาเศษ อย่างน้อย 2 นัด และยิงเพราะความหึงหวงที่ผู้เสียหายกอดหญิงที่ตนรักใคร่ จึงส่อให้เห็นว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าตาม มาตรา 249 ไม่ใช่ 256
อาวุธปืนเป็นของร้ายแรง แผลที่จำเลยยิงก็อยู่ใกล้อวัยวะส่วนสำคัญของร่างกาย จำเลยยิงในระยะใกล้ๆ 1 วาเศษ อย่างน้อย 2 นัด และยิงเพราะความหึงหวงที่ผู้เสียหายกอดหญิงที่ตนรักใคร่ จึงส่อให้เห็นว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าตาม มาตรา 249 ไม่ใช่ 256
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1945/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าจากความหึงหวง การยิงในระยะใกล้ถือเป็นหลักฐานสำคัญ
จำเลยกับผู้เสียหายต่างรักใคร่กับหญิงคนรักคน ๆ เดียวกัน คนรักถูกผู้ปกครองต่อว่าเสียใจวิ่งขึ้นบนห้อง จำเลยตามขึ้นไปผู้เสียตามขึ้นไปภายหลัง ถามจำเลยว่ามึงมาใหญ่โตที่นี่หรือ จำเลยยกมือไหว้ว่ามีอะไรสั่งสอนผม ๆ นับถือพี่พงษ์ (ผู้เสียหาย) แล้วจำเลยกับผู้เสียหายใช้มือผลักกันไปมาคนรักหนีเข้าห้อง จำเลยวิ่งหนีไปอีกห้องติด ๆ กัน ผู้เสียหายตามเข้าไปกอดคนรักและพูดว่า "พี่อยู่ทั้งคนไม่ต้องกลัว" ทันใดจำเลยอยู่หน้าประตูห้องคนรักก็ยิงผู้เสียหาย ดังนี้การกระทำของผู้เสียหายหาใช่เป็นการข่มเหงไม่และไม่ใช่เป็นการชวนวิวาทเพราะ เมื่อจำเลยหนีเข้าไปในห้องอีกห้องหนึ่ง ผู้เสียหายไม่ได้ติดตามเข้าไปหรือพูดอะไรกับจำเลยอีก ผู้เสียหายพูดว่าจำเลยในฐานเป็นผู้ใหญ่กว่า การผลักกันไปมานั้นก็ไม่หมายความว่าผู้เสียหายผลักจำเลยเป็นการชวนทำร้าย
อาวุธปืนเป็นของร้ายแรง แผลที่จำเลยยิงก็อยู่ใกล้อวัยวะส่วนสำคัญของร่างกาย จำเลยยิงในระยะใกล้ ๆ 1 วาเศษ อย่างน้อย 2 นัด และยิงเพราะความหึงหวงที่ผู้เสียหายกอดหญิงที่ตนรักใคร่ จึงส่อให้เห็นว่า จำเลยมีเจตนาฆ่าตาม ม.249 ไม่ใช่ 256.
อาวุธปืนเป็นของร้ายแรง แผลที่จำเลยยิงก็อยู่ใกล้อวัยวะส่วนสำคัญของร่างกาย จำเลยยิงในระยะใกล้ ๆ 1 วาเศษ อย่างน้อย 2 นัด และยิงเพราะความหึงหวงที่ผู้เสียหายกอดหญิงที่ตนรักใคร่ จึงส่อให้เห็นว่า จำเลยมีเจตนาฆ่าตาม ม.249 ไม่ใช่ 256.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1881-1885/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขโทษจำคุกเป็นรอการลงโทษ และการขยายผลประโยชน์ทางโทษแก่จำเลยอื่น แม้ไม่ได้ฎีกา
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงต้องกันว่าจำเลยได้ทำผิดจริง ศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำคุกจำเลย แต่ศาลอุทธรณ์ให้รอการลงโทษไว้ ถือว่าเป็นการแก้มาก โจทก์ฎีกาในข้อเท็จจริงได้ ไม่ต้องห้ามตาม ป.วิ.อาญา มาตรา 218
จำเลยที่ 5 ได้สมคบกับจำเลยอีก 4 คนกระทำความผิดอันเป็นเหตุในลักษณะคดีตามประมวล ก.ม.อาญา มาตรา89 โทษที่ศาลอุทธรณ์วางแก่จำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 เป็นโทษเบากว่าที่ศาลชั้นต้นกำหนด แม้จำเลยที่ 5 จะมิได้ฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจแก้โทษจำเลยที่ 5 ได้ตาม ป.วิ. อาญา มาตรา 213 เพราะเป็นคุณแก่จำเลย.
จำเลยที่ 5 ได้สมคบกับจำเลยอีก 4 คนกระทำความผิดอันเป็นเหตุในลักษณะคดีตามประมวล ก.ม.อาญา มาตรา89 โทษที่ศาลอุทธรณ์วางแก่จำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 เป็นโทษเบากว่าที่ศาลชั้นต้นกำหนด แม้จำเลยที่ 5 จะมิได้ฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจแก้โทษจำเลยที่ 5 ได้ตาม ป.วิ. อาญา มาตรา 213 เพราะเป็นคุณแก่จำเลย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1881-1885/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้โทษจำคุกเป็นรอการลงโทษ และอำนาจศาลฎีกาในการแก้โทษจำเลยที่ไม่ฎีกา
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงต้องกันว่าจำเลยได้ทำผิดจริง ศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำคุกจำเลย แต่ศาลอุทธรณ์ให้รอการลงโทษไว้ ถือว่าเป็นการแก้มากโจทก์ฎีกาในข้อเท็จจริงได้ ไม่ต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
จำเลยที่ 5 ได้สมคบกับจำเลยอีก 4 คนกระทำความผิดอันเป็นเหตุในลักษณะคดีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 89 โทษที่ศาลอุทธรณ์วางแก่จำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 เป็นโทษเบากว่าที่ศาลชั้นต้นกำหนด แม้จำเลยที่ 5 จะมิได้ฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจแก้โทษจำเลยที่ 5 ได้ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213 เพราะเป็นคุณแก่จำเลย
จำเลยที่ 5 ได้สมคบกับจำเลยอีก 4 คนกระทำความผิดอันเป็นเหตุในลักษณะคดีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 89 โทษที่ศาลอุทธรณ์วางแก่จำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 เป็นโทษเบากว่าที่ศาลชั้นต้นกำหนด แม้จำเลยที่ 5 จะมิได้ฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจแก้โทษจำเลยที่ 5 ได้ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213 เพราะเป็นคุณแก่จำเลย