พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,027 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 203/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องฐานลักทรัพย์หลังศาลแขวงสั่งมีมูลฐานรับของโจร และหลักการสั่งคดีชั้นไต่สวนมูลฟ้อง
พนักงานสอบสวนฟ้องจำเลยต่อศาลแขวงฐานลักทรัพย์หรือรับของโจร ชั้นไต่สวนมูลฟ้องจำเลยรับสารภาพฐานรับของโจร ศาลแขวงสั่งว่าคดีมีมูลฐานรับของโจร และรับประทับฟ้อง โจทก์เห็นว่า ความผิดฐานลักทรัพย์และรับของโจรเป็นข้อเท็จจริงอันเดียวกัน เกี่ยวพันกันและต่อเนื่องกัน จึงฟ้องจำเลยฐานลักทรัพย์ต่อศาลอาญา ย่อมทำได้ตาม พ.ร.บ. จัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. 2499 มาตรา 16
ในกรณีที่โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกระทำผิดฐานลักทรัพย์หรือรับของโจรฐานใดฐานหนึ่งนั้น เมื่อศาลแขวงไต่สวนมูลฟ้องแล้วควรสั่งว่าคดีมีมูลหรือไม่มีมูลเท่านั้น ควรให้ศาลซึ่งจะพิจารณาพิพากษาคดีนั้นเป็นผู้ชี้ขาดต่อไป
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 19/2502)
ในกรณีที่โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกระทำผิดฐานลักทรัพย์หรือรับของโจรฐานใดฐานหนึ่งนั้น เมื่อศาลแขวงไต่สวนมูลฟ้องแล้วควรสั่งว่าคดีมีมูลหรือไม่มีมูลเท่านั้น ควรให้ศาลซึ่งจะพิจารณาพิพากษาคดีนั้นเป็นผู้ชี้ขาดต่อไป
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 19/2502)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 195/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หลักฐานการกู้ยืมเงิน: การส่งสัญญากู้คืนไม่ตัดสิทธิการฟ้อง หากมีพยานหลักฐานอื่นสนับสนุน
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยกู้เงินโจทก์ไปโดยมีหลักฐานเป็นหนังสือ คือ ทำสัญญากู้ให้ไว้แก่โจทก์ จำเลยชำระหนี้รายนี้ให้แก่โจทก์ด้วยเช็คเงินสด โจทก์จึงคืนสัญญากู้แก่จำเลย แต่เมื่อโจทก์นำเช็คไปขึ้นเงิน ปรากฏว่าเงินของจำเลยชำระหนี้ตามหลักฐานกู้นั้น และโจทก์ได้ส่งอ้างหนังสือของจำเลยที่รับว่าเป็นหนี้โจทก์ต่อศาล ดังนี้การที่โจทก์ส่งอ้างต้นฉบับสัญญากู้ ยังไม่ได้จะถือเคร่งครัดว่าไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือหาชอบไม่ เพราะโจทก์ย่อมนำพยานบุคคลมาสืบได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 93 (2)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 195/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หลักฐานการกู้ยืมเงิน: การส่งอ้างหนังสือรับสภาพหนี้และการนำสืบพยานบุคคล
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยกู้เงินโจทก์ไปโดยมีหลักฐานเป็นหนังสือคือ ทำสัญญากู้ให้ไว้แก่โจทก์จำเลยชำระหนี้รายนี้ให้แก่โจทก์ด้วยเช็คเงินสด โจทก์จึงคืนสัญญากู้แก่จำเลยแต่เมื่อโจทก์นำเช็คไปขึ้นเงินปรากฏว่าเงินของจำเลยมีไม่พอจ่ายขอให้บังคับจำเลยชำระหนี้ตามหลักฐานการกู้นั้น และโจทก์ได้ส่งอ้างหนังสือของจำเลยที่รับว่าเป็นหนี้โจทก์ต่อศาล ดังนี้ การที่โจทก์ส่งอ้างต้นฉบับสัญญากู้ยังไม่ได้จะถือเคร่งครัดว่าไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือหาชอบไม่ เพราะโจทก์ย่อมนำพยานบุคคลมาสืบได้ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 93(2)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 186/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาในการร้องทุกข์: แม้ต้องการเงินคืน แต่การบอกให้ดำเนินคดีก็ถือเป็นการร้องทุกข์เพื่อเอาโทษได้
ผู้เสียหายได้ร้องทุกข์เรื่องจำเลยออกเช็คไม่มีเงินต่อพนักงานตำรวจสถานีบางซื่อตามเอกสารคำร้องทุกข์ว่า ให้เจ้าพนักงานดำเนินคดีจนถึงที่สุด แม้ผู้เสียหายจะเบิกความต่อศาลว่าไม่มีเจตนาจะให้เอาโทษจำเลย ขอให้ได้เงินคืนเท่านั้น และว่าเมื่อวันไปแจ้งความที่สถานีตำรวจก็ได้บอกตำรวจด้วยว่า ต้องการเงินคืนเท่านั้น ไม่อยากให้เอาโทษ ตำรวจจึงยังไม่ได้สอบสวน เมื่อเห็นว่า จำเลยไม่คืนเงินจึงบอกให้ตำรวจจับจำเลย และได้เริ่มสอบสวนต่อไป เช่นนี้ ก็ยังถือได้ว่า ผู้เสียหายได้ร้องทุกข์ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ไว้ตามกฎหมายแล้ว คำเบิกความของผู้เสียหายดังกล่าวข้างต้นนั้น หาแสดงว่าผู้เสียหายไม่เจตนาเอาโทษแก่จำเลยโดยแท้จริงไม่ เป็นแต่ผู้เสียหายอยากได้เงินคืนมากกว่า เมื่อไม่ได้เงินคืนจากจำเลย ก็ได้บอกให้ตำรวจจับจำเลยดำเนินการสอบสวนต่อไป เป็นการชัดแจ้งอยู่แล้วว่า ผู้เสียหายต้องการเอาโทษจำเลยตามคำร้องทุกข์นั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 186/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาในการร้องทุกข์ ความผิดเช็ค และอายุความ การเบิกความต่อศาลไม่ทำให้การร้องทุกข์เป็นโมฆะ
ผู้เสียหายได้ร้องทุกข์เรื่องจำเลยออกเช็คไม่มีเงินต่อพนักงานตำรวจสถานีตำรวจบางซื่อตามเอกสารคำร้องทุกข์ว่า ให้เจ้าพนักงานดำเนินคดีจนถึงที่สุด แม้ผู้เสียหายจะเบิกความต่อศาลว่าไม่มีเจตนาจะให้เอาโทษจำเลย ขอให้ได้เงินคืนเท่านั้น และว่าเมื่อวันไปแจ้งความที่สถานีตำรวจก็ได้บอกตำรวจด้วยว่า ต้องการเงินคืนเท่านั้น ไม่อยากให้เอาโทษตำรวจจึงยังไม่ได้สอบสวน เมื่อเห็นว่า จำเลยไม่คืนเงินจึงบอกให้ตำรวจจับจำเลย และได้เริ่มสอบสวนต่อไปเช่นนี้ ก็ยังถือได้ว่าผู้เสียหายได้ร้องทุกข์ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ไว้ตามกฎหมายแล้ว คำเบิกความของผู้เสียหายดังกล่าวข้างต้นนั้น หาแสดงว่าผู้เสียหายไม่เจตนาเอาโทษแก่จำเลยโดยแท้จริงไม่ เป็นแต่ผู้เสียหายอยากได้เงินคืนมากกว่าเมื่อไม่ได้เงินคืนจากจำเลย ก็ได้บอกให้ตำรวจจับจำเลยดำเนินการสอบสวนต่อไปเป็นการชัดแจ้งอยู่แล้วว่าผู้เสียหายต้องการเอาโทษจำเลยตามคำร้องทุกข์นั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 152/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภาระการนำสืบในคดีครอบครองปรปักษ์: ผู้กล่าวอ้างสิทธิในที่ดินมีหน้าที่นำสืบก่อน
จำเลยให้การปฏิเสธฟ้อง และจำเลยก็เป็นผู้ครอบครองที่พิพาท เมื่อโจทก์กล่าวอ้างว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์โดยบุคคลที่สามได้โอนขายได้ หน้าที่นำสืบก่อนย่อมตกอยู่แก่โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 152/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หน้าที่นำสืบในคดีครอบครองปรปักษ์: ผู้กล่าวอ้างสิทธิในที่ดินมีหน้าที่นำสืบก่อน
จำเลยให้การปฏิเสธฟ้อง และจำเลยก็เป็นผู้ครอบครองที่พิพาทเมื่อโจทก์กล่าวอ้างว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์โดยบุคคลที่สามได้โอนขายให้ หน้าที่นำสืบก่อนย่อมตกอยู่แก่โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 149/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความชัดเจนของฟ้องอาญา: การเชื่อมโยงข้อความในฟ้องเพื่อให้เข้าใจช่วงเวลาการกระทำผิด
ฟ้องข้อ ค. ระบุวันเดือนปีที่จำเลยทำผิด แม้ไม่ได้ระบุว่าเป็นเวลากลางวันหรือกลางคืน แต่เมื่อข้อความในฟ้อง ข้อ ค.ต่อเนื่องกับฟ้อง ข้อ ข. ซึ่งระบุวันเดือนปีตรงกับฟ้อง ข้อ ค. และระบุเวลากลางวันไว้ด้วย ทำให้เข้าใจได้ดีว่า การกระทำของจำเลยตามฟ้อง ข้อ ค. ได้เกิดขึ้นแล้วในฟ้อง ข้อ ข. อันเป็นวันเวลาเดียวกัน นั้นเอง เช่นนี้ ฟ้องข้อ ค. ไม่เคลือบคลุมในข้อที่ไม่ระบุเวลาว่า กลางวันหรือกลางวัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 149/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความต่อเนื่องของฟ้อง: การระบุเวลาในฟ้องอาญาที่ไม่เคลือบคลุมเมื่อเชื่อมโยงกับข้อความอื่นในฟ้อง
ฟ้องข้อ ค. ระบุวันเดือนปีที่จำเลยทำผิดแม้ไม่ได้ระบุว่าเป็นเวลากลางวันหรือกลางคืนแต่เมื่อข้อความในฟ้อง ข้อ ค. ต่อเนื่องกับฟ้อง ข้อข. ซึ่งระบุวันเดือนปีตรงกับฟ้อง ข้อค. และระบุเวลากลางวันไว้ด้วย ทำให้เข้าใจได้ดีว่าการกระทำของจำเลยตามฟ้อง ข้อ ค. ได้เกิดขึ้นแล้วในฟ้อง ข้อ ข. อันเป็นวันเวลาเดียวกันนั้นเอง เช่นนี้ ฟ้องข้อ ค. ไม่เคลือบคลุมในข้อที่ไม่ระบุเวลาว่า กลางวันหรือกลางคืน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 147/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งขาดนัดยื่นคำให้การเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา อุทธรณ์ฎีกาไม่ได้ตามกฎหมาย
คำสั่งศาลชั้นต้นที่ว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาจำเลยจะอุทธรณ์ฎีกามิได้เพราะต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226(1) ประกอบด้วย มาตรา 247
(อ้างฎีกาที่ 416/2488)
(อ้างฎีกาที่ 416/2488)