คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
พิบูลย์ไอศวรรย์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,027 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 617/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประเมินความร้ายแรงของการบาดเจ็บเพื่อกำหนดความผิดฐานปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส
ผู้บาดเจ็บถูกฟันศีรษะ 1 ทีและถูกแทงหลัง 1 ที ต้องรักษาตัวอยู่โรงพยาบาล 15 วัน แพทย์ก็ให้กลับและให้ไปโรงพยาบาลทุก 3 วัน เพราะประสาทยังไม่ปกติ ไปโรงพยาบาลอีก 3 ครั้ง แล้วขอยามารักษาที่บ้าน เพราะต้องเดินทางไกลสะเทือนสมอง เพียงเท่านี้ไม่ปรากฎอาการใดที่จะถือเป็นทุกขเวทนา เกินกว่า 20 วัน ถือว่ายังไม่เป็นอันตรายสาหัส
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยทุกคนฐานปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้มีผู้รับอันตรายสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรค 3 จำเลยที่ 1 ผู้เดียวฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่าบาดเจ็บนั้นไม่ถึงสาหัสจึงเป็นผิดเพียงตาม มาตรา 340 วรรค 2 ซึ่งมีโทษเบากว่า แม้จำเลยอื่นจะมิได้ฎีกา ก็เป็นเหตุในลักษณะคดี ย่อมมีผลตลอดถึงจำเลยอื่นด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 490/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจคณะกรรมการป้องกันการค้ากำไรเกินควรต้องระบุชื่อสิ่งของก่อนห้ามยักย้ายหรือส่งออก
พระราชบัญญัติป้องกันการค้ากำไรเกินควร พ.ศ.2490 มาตรา 8 ให้อำนาจคณะกรรมการมีอำนาจระบุชื่อหรือประเภทสิ่งของและสั่งห้ามมิให้ค้ากำไรเกินควรในสิ่งของเหล่านั้นในเขตท้องที่ซึ่งอยู่ในอำนาจเมื่อปฏิบัติดังกล่าวนี้แล้วจึงให้มีอำนาจห้ามยักย้ายและวางระเบียบหรือห้ามการส่งออกไปนอกหรือนำเข้าในท้องที่ใดท้องที่หนึ่ง
คณะกรรมการส่วนจังหวัดป้องกันการค้ากำไรเกินควรได้ออกประกาศห้ามการส่งออกไปนอกเขตท้องที่ซึ่งไม้แปรรูปที่ประกอบเป็นสิ่งปลูกสร้างบ้านเรือนอาคารต่างๆ มาแล้วหรือตบแต่งเพื่อเป็นส่วนประกอบของสิ่งของเหล่านั้นซึ่งทำด้วยไม้หวงห้ามต่างๆ โดยยังไม่ทันได้ระบุชื่อหรือประเภทสิ่งของและสั่งห้ามมิให้ค้ากำไรเกินควรแต่ประการใดแสดงว่ามิได้ปฏิบัติการตามลำดับก่อนหลังดังที่กฎหมายกำหนดไว้ ประกาศของคณะกรรมการในกรณีนี้จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 7/2503)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 490/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การออกประกาศห้ามส่งออกไม้แปรรูปโดยไม่ระบุชื่อ/ประเภทสิ่งของก่อน เป็นการใช้อำนาจไม่ชอบ
พ.ร.บ. ป้องกันการค้ากำไรเกินควร พ.ศ. 2490 มาตรา 8 ให้อำนาจคณะกรรมการมีอำนาจระบุชื่อหรือประเภทสิ่งของและสั่งห้ามมิให้ค้ากำไรเกินควรในสิ่งของเหล่านั้น ในเขตท้องซึ่งอยู่ในอำนาจเมื่อปฏิบัติดังกล่าวนี้แล้ว จึงให้มีอำนาจห้ามยักย้าย และวางระเบียบหรือห้ามการส่งออกไปนอกหรือนำเข้าในท้องที่ใดท้องที่หนึ่ง
คณะกรรมการส่วนจังหวัดป้องกับการค้ากำไรเกินควรได้ออกประกาศห้ามการส่งออกไปนอกเขตท้องที่ซึ่งไม้แปรรูปที่ประกอบเป็นสิ่งปลูก
สร้างบ้านเรือนอาคารต่างๆ กัน แล้วหรือตบแต่งเพื่อเป็นส่วนประกอบของสิ่งของเหล่านั้น ซึ่งทำด้วยไม้หวงห้ามต่างๆ โดยยังไม่ทันได้ระบุชื่อหรือประเภทสิ่งของและสั่งห้ามมิให้ค้ากำไร เกินควรแต่ประการใด แสดงว่ามิได้ปฏิบัติการตามลำดับก่อน หลังดังที่กฎหมายกำหนดไว้ ประกาศของคณะกรรมการในกรณีนี้จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 7/2503)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 489/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงท้าประเด็นในศาลมีผลผูกพันคู่ความ และสละสิทธิเรียกร้องอื่นนอกประเด็นที่ตกลง
ศาลได้นัดชี้สองสถานครั้งแรกและได้เลื่อนให้คู่ความไปทำความตกลงกัน คู่ความจึงได้ทำความตกลงกันโดยบันทึกข้อตกลงกันไว้เป็นหนังสือต่อมาเมื่อศาลนัดชี้สองสถานนัดสุดท้ายคู่ความท้าประเด็นเป็นข้อแพ้ชนะเพียงข้อเดียวว่า โจทก์ส่งของดให้จำเลยถูกต้องตามรายการจริงหรือไม่ และโจทก์ส่งของตามรายการดังกล่าวเพียงแต่ผิดนัมเบอร์ของอย่างเดียวจริงหรือไม่ โดยไม่ได้แถลงให้ศาลทราบถึงข้อตกลงที่ทำกันไว้นั้น มาลบล้างข้อตกลงในศาลมาได้ไม่ และคู่ความได้แถลงสละข้อเรียกร้อง ข้อต่อสู้ ข้อโต้แย้งอื่น ๆ (หากมี) เสียสิ้น การที่จำเลยส่งและอ้างหนังสือนั้นเป็นพยาน ก็ต้องเข้าใจว่าจำเลยอ้างเพื่อสนับสนุนข้อเถียงของจำเลยในประเด็นที่ท้ากัน ไม่ใช่เพื่อลบล้างหรือเพิ่มเติมประเด็นที่ท้ากัน คดีคงมีข้อแพ้ชนะเพียงประเด็นเดียวตามที่ท้ากัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 489/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงท้าประเด็นในศาลมีผลผูกพันคู่ความ แม้มีการตกลงนอกศาลก่อนหน้า สละสิทธิเรียกร้องอื่น
ศาลได้นัดชี้สองสถานครั้งแรกและได้เลื่อนให้คู่ความไปทำความตกลงกันคู่ความจึงได้ทำความตกลงกันโดยบันทึกข้อตกลงกันไว้เป็นหนังสือต่อมาเมื่อศาลนัดชี้สองสถานนัดสุดท้ายคู่ความท้าประเด็นเป็นข้อแพ้ชนะเพียงข้อเดียวว่า'โจทก์ส่งของให้จำเลยถูกต้องตามรายการจริงหรือไม่ และโจทก์ส่งของตามรายการดังกล่าวเพียงแต่ผิดนัมเบอร์ของอย่างเดียวจริงหรือไม่' โดยไม่ได้แถลงให้ศาลทราบถึงข้อตกลงที่ทำกันไว้นั้นดังนี้ จะถือเอาข้อตกลงที่ทำกันไว้นั้นมาลบล้างข้อตกลงในศาลหาได้ไม่ และคู่ความได้แถลงสละข้อเรียกร้อง ข้อต่อสู้ ข้อโต้แย้งอื่นๆ(หากมี)เสียสิ้นการที่จำเลยส่งและอ้างหนังสือนั้นเป็นพยาน ก็ต้องเข้าใจว่าจำเลยอ้างเพื่อสนับสนุนข้อเถียงของจำเลยในประเด็นที่ท้ากันไม่ใช่เพื่อลบล้างหรือเพิ่มเติมประเด็นที่ท้ากัน คดีคงมีข้อแพ้ชนะเพียงประเด็นเดียวตามที่ท้ากัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 433/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ที่ดินธรณีสงฆ์ขายทอดตลาด: จำเลยไม่ต้องรับผิดชำระเงินคืน แม้โจทก์ซื้อแล้ว เพราะไม่ใช่ความผิดจำเลย
โจทก์ซื้อที่ดินจากการขายทอดตลาดของศาลเงินได้ชำระให้แก่เจ้าหนี้ของจำเลยตามคำพิพากษาไปหมดแล้ว ภายหลังปรากฏว่า ที่ดินที่ขายทอดตลาดของศาลเป็นที่ธรณีสงฆ์ โอนกรรมสิทธิ์ไม่ได้โดยไม่ใช่ความผิดของจำเลย ตั้งแต่ยึดจนกระทั่งขาย คือ เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาเป็นฝ่ายนำยึดศาลสั่งขาย จำเลยหาได้เกี่ยวข้องด้วยไม่ ทั้งจำเลยไม่ได้รับเงินค่าซื้อขายที่ดินอันไม่มีมูลหนี้จะต้องใช้คืนแก่โจทก์ จำเลยไม่ได้มาซึ่งทรัพย์สิ่งใด คดีไม่เข้าลักษณะลาภมิควรได้ โจทก์จะเรียกเงินคืนจากจำเลยไม่ได้ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 1/2503)
ผู้แทนเจ้าหนี้ตามคำพิพากษานำเจ้าพนักงานยึดทรัพย์ของจำเลยเป็นเหตุให้โจทก์ในคดีนี้ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกต้องเสียหาย เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในคดีก่อนควรเป็นผู้รับผิดชอบในการยึดและขายทรัพย์สินโดยมิชอบนี้ หาใช่จำเลยไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 433/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ที่ดินธรณีสงฆ์ขายทอดตลาด: จำเลยไม่ต้องรับผิดคืนเงินค่าที่ดิน ผู้เสียหายควรเรียกร้องจากเจ้าหนี้
โจทก์ซื้อที่ดินจากการขายทอดตลาดของศาล เงินได้ชำระให้แก่เจ้าหนี้ของจำเลยตามคำพิพากษาไปหมดแล้ว ภายหลังปรากฏว่า ที่ดินที่ขายทอดตลาดของศาลเป็นที่ธรณีสงฆ์ โอนกรรมสิทธิ์ไม่ได้ โดยไม่ใช่ความผิดของจำเลย ตั้งแต่ยึดจนกระทั้งขาย คือ เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาเป็นฝ่ายนำยึด ศาลสั่งขาย จำเลยหาได้เกี่ยวข้องด้วยไม่ ทั้งจำเลยไม่ได้รับเงินค่าซื้อขายที่ดินอันไม่มีมูลหนี้จะต้องใช้คืนแก่โจทก์ จำเลยไม่ได้มาซึ่งทรัพย์สิ่งใด คดีไม่เข้าลักษณะลาภมิควรได้ โจทก์จะเรียกเงินคืนจากจำเลยไม่ได้
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 1/2503)
ผู้แทนเจ้าหนี้ตามคำพิพากษานำเจ้าพนักงานยึดทรัพย์ของจำเลยเป็นเหตุให้โจทก์ในคดีนี้ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกต้องเสียหาย เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในคดีก่อนควรเป็นผู้รับผิดชอบในการยึดและขายทรัพย์สินโดยมิชอบนี้ หาใช่จำเลยไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 432/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขยายเวลาวางค่าธรรมเนียมอุทธรณ์: เจตนาไม่แท้จริงและขาดความพยายาม
การที่จำเลยซึ่งเป็นผู้อุทธรณ์ขอให้อนุญาตขยายระยะเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมการอุทธรณ์ตามที่กฎหมายกำหนดบังคับไว้ ก็เพื่อจะให้ได้รับอุทธรณ์นั่นเอง ศาลชั้นต้นได้อนุญาตขยายเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมไว้ และในชั้นอุทธรณ์ก็ได้อนุญาตอีกครั้งหนึ่ง และว่าถ้าจำเลยไม่ปฏิบัติก็เป็นอันยกอุทธรณ์ของจำเลยเสีย การที่จำเลยยื่นคำร้องต่อศาลอุทธรณ์อีกครั้งหนึ่ง ขอให้ศาลอุทธรณ์ขยายระยะเวลาให้อีก ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งไม่อนุญาตให้ยกคำร้อง กรณียุติในการที่จะให้รับอุทธรณ์ต่อไปแล้ว ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 236

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 432/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขยายเวลาวางค่าธรรมเนียมอุทธรณ์: เจตนาไม่แท้จริงและการยกอุทธรณ์
การที่จำเลยซึ่งเป็นผู้อุทธรณ์ขอให้อนุญาตขยายระยะเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมการอุทธรณ์ตามที่กฎหมายกำหนดบังคับไว้ก็เพื่อจะให้ได้รับอุทธรณ์นั่นเอง ศาลชั้นต้นได้อนุญาตขยายเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมไว้และในชั้นอุทธรณ์ก็ได้อนุญาตอีกครั้งหนึ่ง และว่าถ้าจำเลยไม่ปฏิบัติก็เป็นอันยกอุทธรณ์ของจำเลยเสีย การที่จำเลยยื่นคำร้องต่อศาลอุทธรณ์อีกครั้งหนึ่ง ขอให้ศาลอุทธรณ์ขยายระยะเวลาให้อีกศาลอุทธรณ์มีคำสั่งไม่อนุญาต ให้ยกคำร้องกรณียุติในการที่จะให้รับอุทธรณ์ต่อไปแล้ว ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา236

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 423/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ โรงฆ่าสัตว์และที่วางสินค้าชั่วคราวไม่ใช่สถานการค้าตามประมวลรัษฎากร เนื่องจากเป็นเพียงสถานที่พักรอการรับสินค้า
โรงฆ่าสัตว์ของเทศบาลและที่ตั้งวางลังไม้ซึ่งไม่ใช่แผงลอยจำหน่ายเนื้อสุกรข้างถนน ไม่เป็น 'สถานการค้า'อันจะพึงประเมินเรียกเก็บภาษีการค้าเพราะความจริงเป็นเรื่องลูกค้ามารับสุกรของจำเลยที่โรงฆ่าสัตว์ ที่จำเลยเอาเนื้อสุกรมาวางไว้บนลังก็เป็นแต่เอามาพักรอไว้เท่านั้น
of 103