พบผลลัพธ์ทั้งหมด 18 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4413/2542 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงค่าตอบแทนพิเศษที่เชื่อมโยงกับการระดมเงินฝาก เป็นโมฆะตามกฎหมายควบคุมธุรกิจเงินทุน
ลูกจ้างจะมีสิทธิได้รับค่าตอบแทนพิเศษตามสัญญาจ้างหรือไม่ จำนวนเท่าใด ขึ้นอยู่กับว่าลูกจ้างจะระดมเงินฝากได้หรือไม่ และเป็นจำนวนมากน้อยเพียงใด ถ้าไม่สามารถระดมเงินฝากได้ ก็ไม่มีสิทธิได้รับค่าตอบแทนพิเศษ หรือถ้าระดมเงินฝากได้น้อย ก็จะได้รับค่าตอบแทนพิเศษลดลงตามส่วน จึงไม่แน่นอนว่าลูกจ้างจะได้รับค่าตอบแทนพิเศษหรือไม่ ค่าตอบแทนพิเศษดังกล่าวจึงไม่เป็นเงินรางวัล เงินบำเหน็จ เงินเพิ่มอย่างอื่น บรรดาที่พึงจ่ายตามปกติ และไม่เป็นเงินเดือน
ค่าตอบแทนพิเศษดังกล่าวจำเลยที่ 1 ตกลงจ่ายให้โจทก์ (ลูกจ้าง) สำหรับหรือเนื่องจากการกระทำหรือการประกอบธุรกิจรับฝากเงิน โดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินของจำเลยที่ 1 เป็นการตกลงที่มีวัตถุประสงค์ต้องห้ามชัดแจ้งตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ พ.ศ. 2522 มาตรา 20 (9) อันเป็นกฎหมายที่บัญญัติขึ้นเพื่อป้องกันมิให้ผู้ประกอบธุรกิจตามพระราชบัญญัติดังกล่าวแย่งกันระดมเงินฝากโดยให้เงินค่าตอบแทนพิเศษแก่ลูกจ้างในอัตราที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ จนก่อให้เกิดความปั่นป่วนในระบบเศรษฐกิจของประเทศ เกิดความเสียหายแก่สถาบันการเงินและประชาชนผู้ฝากเงิน จึงเป็นกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ข้อตกลงให้ค่าตอบแทนพิเศษดังกล่าว จึงตกเป็นโมฆะตาม ป.พ.พ. มาตรา 150 และไม่มีผลบังคับให้จำเลยที่ 1 ต้องปฏิบัติตาม
ค่าตอบแทนพิเศษดังกล่าวจำเลยที่ 1 ตกลงจ่ายให้โจทก์ (ลูกจ้าง) สำหรับหรือเนื่องจากการกระทำหรือการประกอบธุรกิจรับฝากเงิน โดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินของจำเลยที่ 1 เป็นการตกลงที่มีวัตถุประสงค์ต้องห้ามชัดแจ้งตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ พ.ศ. 2522 มาตรา 20 (9) อันเป็นกฎหมายที่บัญญัติขึ้นเพื่อป้องกันมิให้ผู้ประกอบธุรกิจตามพระราชบัญญัติดังกล่าวแย่งกันระดมเงินฝากโดยให้เงินค่าตอบแทนพิเศษแก่ลูกจ้างในอัตราที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ จนก่อให้เกิดความปั่นป่วนในระบบเศรษฐกิจของประเทศ เกิดความเสียหายแก่สถาบันการเงินและประชาชนผู้ฝากเงิน จึงเป็นกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ข้อตกลงให้ค่าตอบแทนพิเศษดังกล่าว จึงตกเป็นโมฆะตาม ป.พ.พ. มาตรา 150 และไม่มีผลบังคับให้จำเลยที่ 1 ต้องปฏิบัติตาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1031/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้ประกอบการประกันภัยต้องเป็นผู้กระทำผิดตาม พ.ร.บ.ควบคุมกิจการค้า การฟ้องนายหน้าประกันภัยจึงไม่ชอบ
ตามมาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติควบคุมกิจการค้าอันกระทบถึงความปลอดภัยหรือผาสุกแห่งสาธารณชน พ.ศ.2471 (แก้ไขโดยพระราชบัญญัติควบคุมกิจการค้าอันกระทบถึงความปลอดภัยฯ(ฉบับที่ 3)พ.ศ.2499 มาตรา 3) นั้น ผู้กระทำผิดจะต้องเป็นผู้ประกอบกิจการประกันภัยเอง หาใช่เป็นแต่เพียงตัวแทนหรือนายหน้าเท่านั้นไม่ โจทก์จะฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยซึ่งเป็นเพียงนายหน้า ตามบทกฎหมายดังกล่าวนั้นไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1616/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในการก่อสร้างอาคารแยกจากกรรมสิทธิที่ดิน ต้องปฏิบัติตามกฎหมายควบคุมการก่อสร้าง แม้กรรมสิทธิยังไม่ถูกเวนคืน
กรรมสิทธิในที่ดินเป็นสิทธิอย่างหนึ่งต่างหากจากการขออนุญาตปลูกสร้างอาคารเพราะการปลูกสร้างอาคารนั้นมีกฎหมายบัญญัติไว้อีกต่างหาก ผู้ใดจะทำการปลูกสร้างอาคารต้องปฏิบัติตาม พ.ร.บ. ควบคุมการก่อสร้าง
ที่พิพาทอยู่ในเขตที่จะต้องตัดถนนตามพระราชกฤษฎีกาจัดซื้อที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ ฯลฯ 2473 โจทก์ขออนุญาตปลูกสร้างอาคารในที่พิพาท จำเลยมีคำสั่งไม่อนุญาตดังนี้เป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายแล้ว เพราะตามพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว มาตรา 2 บัญญัติว่า "ห้ามมิให้ผู้หนึ่งผู้ใดปลูกสร้างโรงเรือนหรือทำการอย่างหนึ่งอย่างใดลงในที่ดินภายในเขตนั้น นอกจากจะได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากเจ้าพนักงาน.
ที่พิพาทอยู่ในเขตที่จะต้องตัดถนนตามพระราชกฤษฎีกาจัดซื้อที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ ฯลฯ 2473 โจทก์ขออนุญาตปลูกสร้างอาคารในที่พิพาท จำเลยมีคำสั่งไม่อนุญาตดังนี้เป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายแล้ว เพราะตามพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว มาตรา 2 บัญญัติว่า "ห้ามมิให้ผู้หนึ่งผู้ใดปลูกสร้างโรงเรือนหรือทำการอย่างหนึ่งอย่างใดลงในที่ดินภายในเขตนั้น นอกจากจะได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากเจ้าพนักงาน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 224/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ไม้สักในที่ดินเอกชนไม่เป็นไม้หวงห้ามหากตัดแปรรูปก่อนมีกฎหมายควบคุม การเคลื่อนย้ายจึงไม่ผิด
ไม้สักที่ขึ้นในที่ดินกรรมสิทธิของเอกชนนั้น เมื่อตัดฟันและแปรรูปเสียก่อนใช้ พ.ร.บ.ป่าไม้ ( ฉบับที่ 3 ) พ.ศ.2494 ก็ถือว่าไม้นั้นไม่ใช่ไม้หวงห้าม
การนำไม้ที่ไม่ใช่ไม้หวงห้ามซึ่งขึ้นอยู่ในที่ดินเอกชน เคลื่อนที่นั้น ย่อมไม่เป็นความผิดฐานนำไม้เคลื่อนที่ตามพ.ร.บ.ป่าไม้ 2484
การนำไม้ที่ไม่ใช่ไม้หวงห้ามซึ่งขึ้นอยู่ในที่ดินเอกชน เคลื่อนที่นั้น ย่อมไม่เป็นความผิดฐานนำไม้เคลื่อนที่ตามพ.ร.บ.ป่าไม้ 2484
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1304/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขนส่งสุกรข้ามเขตจังหวัดโดยไม่ได้รับอนุญาต และความผิดฐานพยายาม
นำสุกรออกนอกเขตจังหวัดภาคเหนือโดยทางรถไฟ จะไปยังจังหวัดพระนครซึ่งเป็นจังหวัดภาคกลาง อันเป็นการฝ่าฝืนประกาศคณะกรรมการส่วนจังหวัดป้องกันการค้ากำไรเกินควร และฝ่าฝืนประกาศรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรธิการเรื่อง กำหนดเส้นทางให้พาสัตว์ที่จะเดินทางเข้าไปในท้องที่จังหวัดภาคกลางนั้น เมื่อถูกจับในขณะที่ควบคุมสุกรขึ้นบรรทุกตู้รถไฟที่สถานีต้นทางก่อนที่รถไฟจะเคลื่อนขบวนจากสถานีต้นทางเพื่อ ไปสถานีปลายทาง ก็เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันการค้ากำไรเกินควร พ.ศ. 2490 มาตรา 8, 17, พ.ร.บ.โรคระบาดปสุสัตว์และพาหนะ 2474 มาตรา 10, 16 ฐานพยายาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 438/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับใช้กฎหมายควบคุมเครื่องอุปโภคบริโภคและการสำรวจข้าว: กฎหมายทั้งสองมิได้ขัดแย้งกัน
พระราชบัญญัติควบคุมเครื่องอุปโภคบริโภค ฯลฯ กับ พระราชบัญญัติสำรวจและห้ามกักกันข้าว มิใช่เป็นกฎหมายที่ใช้แทนหรือขัดกัน เพราะ พ.ร.บ.ฉะบับแรกมีความมุ่งหมายเพื่อให้มีเครื่องอุปโภคบริโภคและสิ่งของต่าง ๆ เพียงพอแก่ความต้องการของประเทศ ส่วนมุ่งหมายแห่ง พ.ร.บ.ฉะบับหลังมีเพียงแต่สำรวจและห้ามกักกันข้าว เมื่อมีการกระทำฝ่าฝืนประกาศที่ออกตามอำนาจใน พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องอุปโภคบริโภค ฯลฯ ก็ต้องใช้ พ.ร.บ.นี้บังคับ จะนำ พ.ร.บ.สำรวจและห้ามกักกันข้าวมาใช้บังคับแทนไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 438/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตการบังคับใช้กฎหมายควบคุมเครื่องอุปโภคบริโภคและกฎหมายสำรวจข้าว: กฎหมายทั้งสองมิได้ขัดแย้งกัน
พระราชบัญญัติควบคุมเครื่องอุปโภคบริโภค ฯลฯ กับพระราชบัญญัติสำรวจและห้ามกักกันข้าว มิใช่เป็นกฎหมายที่ใช้แทนหรือขัดกันเพราะพระราชบัญญัติฉบับแรกมีความมุ่งหมายเพื่อให้มีเครื่องอุปโภคบริโภคและสิ่งของต่างๆ เพียงพอแก่ความต้องการของประเทศส่วนความมุ่งหมายแห่ง พระราชบัญญัติฉบับหลังมีเพียงแต่สำรวจและห้ามกักกันข้าว เมื่อมีการกระทำฝ่าฝืนประกาศที่ออกตามอำนาจในพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องอุปโภคบริโภค ฯลฯ ก็ต้องใช้พระราชบัญญัตินี้บังคับ จะนำพระราชบัญญัติสำรวจและห้ามกักกันข้าวมาใช้บังคับแทนไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 412/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับใช้กฎหมายควบคุมเครื่องอุปโภคบริโภคและกฎหมายสำรวจห้ามกักกันข้าว: กฎหมายทั้งสองมิได้ขัดแย้งกัน
จำเลยขนย้ายสารจากตำบลหนึ่งไปยังอีกตำบลหนึ่งภายในจังหวัดเดียวกัน ซึ่งอยู่ภายในขอบเขตต์ที่คณะกรรมการสำรวจห้ามกักกันข้าวประกาศอนุญาตไว้ให้ขนย้ายได้ ภายใจแต่ละจังหวัดแต่เป็นฝ่าฝืนประกาศข้าหลวงประจำจังหวัด ซึ่งออกโดยอาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องอุปโภคบริโภค 2488 นั้น ถ้าโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานฝ่าฝืนประกาศ ซึ่งออกตามอำนาจในพ.ร.บ.ควบคุมเครื่องอุปโภคบริโภค ฯลฯ แล้ว ก็ต้องใช้ พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องอุปโภคบริโภค ฯลฯ 2488 มาบังคับ และจำเลยต้องมีความผิดตามพ.ร.บ.นี้ เพราะ พ.ร.บ. ควบคุมเครื่องอุปโภคบริโภค ฯลฯ 2488 และพ.ร.บ.สำรวจและห้ามกักกันข้าว2489 มิใช้กฎหมายที่ใช้แทนกันหรือขัดกันโดยมีความมุ่งหมายต่างกัน ผู้ใละเมิดกฎหมายฉะบับใดก็ต้องใช้ก.ม.ฉะบับนั้นบังคับ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 412/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับใช้กฎหมายควบคุมเครื่องอุปโภคบริโภคและกฎหมายสำรวจห้ามกักกันข้าวควบคู่กัน โดยมิได้ขัดแย้งกัน
จำเลยขนย้ายข้าวสารจากตำบลหนึ่งไปยังอีกตำบลหนึ่งภายในจังหวัดเดียวกัน ซึ่งอยู่ภายในขอบเขตที่คณะกรรมการสำรวจห้ามกักกันข้าวได้ประกาศอนุญาตไว้ให้ขนย้ายได้ภายในแต่ละจังหวัดแต่เป็นฝ่าฝืนประกาศข้าหลวงประจำจังหวัดซึ่งออกโดยอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องอุปโภคบริโภค 2488 นั้น ถ้าโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานฝ่าฝืนประกาศ ซึ่งออกตามอำนาจในพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องอุปโภคบริโภคฯลฯแล้ว ก็ต้องใช้ พระราชบัญญัติควบคุมเครื่องอุปโภคบริโภค ฯลฯ 2488 มาบังคับและจำเลยต้องมีความผิดตามพระราชบัญญัตินี้เพราะพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องอุปโภคบริโภคฯลฯ 2488 และพระราชบัญญัติสำรวจและห้ามกักกันข้าว 2489 มิใช่กฎหมายที่ใช้แทนกันหรือขัดกันโดยมีความมุ่งหมายต่างกัน ผู้ใดละเมิดกฎหมายฉบับใดก็ต้องใช้กฎหมายฉบับนั้นบังคับ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 209/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เครื่องยนต์ชำรุดแต่ยังซ่อมได้ ต้องแจ้งปริมาณและสถานที่เก็บตามกฎหมาย
เครื่องยนต์ฉุดระหัดที่มีไว้โดยมิได้แจ้งปริมาณและสถานที่เก็บตามประกาศควบคุมของเจ้าพนักงานออกตาม พระราชบัญญัติควบคุมเครื่องอุปโภคบริโภคฯลฯ เพียงแต่เป็นเครื่องชำรุดยังซ่อมแซมใช้การได้ แต่ต้องเสียค่าซ่อมแพงนั้น มิใช่เป็นเครื่องยนต์ที่ชำรุดจนถึงแก่จะต้องใช้เป็นเศษเหล็กนั้นนับว่าเข้าอยู่ในความมุ่งหมายของ พระราชบัญญัติและประกาศของเจ้าพนักงานผู้มีไว้โดยไม่แจ้งปริมาณและสถานที่เก็บ จึงมีผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องอุปโภคฯลฯ 2488 มาตรา 17