คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
คลาดเคลื่อน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 21 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1753/2548

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การวินิจฉัยข้อเท็จจริงขัดสำนวน: ศาลฎีกาแก้ไขข้อเท็จจริงที่ศาลล่างวินิจฉัยคลาดเคลื่อนจากพยานหลักฐานในสำนวน
ในคดีที่ต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.พ. มาตรา 224 ศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาจำต้องถือตามข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยจากพยานหลักฐานในสำนวนตามมาตรา 238 และมาตรา 247 แต่ที่ศาลล่างทั้งสองฟังข้อเท็จจริงโดยนำข้อเท็จจริงที่ไม่ปรากฎในสำนวนมาวินิจฉัย ทั้งขัดแย้งกับหลักฐานในสำนวนจึงเป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาย่อมวินิจฉัยข้อเท็จจริงใหม่ได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 243 (3) (ก) ประกอบมาตรา 247

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1564/2548 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ โฉนดที่ดินออกโดยคลาดเคลื่อน ศาลมีอำนาจเพิกถอนได้ แม้จำเลยมิได้ขอ
การได้สิทธิตาม ป.พ.พ. มาตรา 1299 วรรคสอง ต้องเป็นการได้สิทธิในที่ดินที่ได้จดทะเบียนแล้วและที่ดินที่ได้นั้นต้องเกิดจากเอกสารสิทธิของที่ดินที่ออกโดยชอบ เมื่อได้ความว่าโจทก์จดทะเบียนรับโอนอาคารและที่ดินโฉนดเลขที่ 24286 โดยไม่มีเจตนาซื้อที่ดินรวมไปถึงที่ดินพิพาท จำเลยจดทะเบียนรับโอนที่ดินรวมทั้งที่ดินพิพาท และจำเลยครอบครองที่ดินพิพาทตลอดมา แต่การออกโฉนดที่ดินคลาดเคลื่อนไม่ตรงตามเจตนาของผู้ขอออกโฉนดที่ดิน ทำให้ที่ดินพิพาทซึ่งต้องอยู่ในโฉนดที่ดินเลขที่ 24285 กลับไปอยู่ในโฉนดที่ดินเลขที่ 24286 ของโจทก์ ดังนี้ โจทก์จะอ้างสิทธิใดๆ ในที่ดินพิพาทโดยอาศัยการออกโฉนดที่ดินเลขที่ 24286 ซึ่งคลาดเคลื่อนไปหาได้ไม่
ป. ที่ดินฯ มาตรา 61 วรรคหนึ่ง ให้อธิบดีกรมที่ดินหรือรองอธิบดีซึ่งอธิบดีมอบหมายใช้อำนาจบริหารในการเพิกถอนหรือแก้ไขโฉนดที่ดินซึ่งออกโดยคลาดเคลื่อนไม่ชอบด้วยกฎหมายเสียได้ เมื่อคดีมาสู่ศาลและศาลเห็นว่าโฉนดที่ดินออกโดยคลาดเคลื่อน ศาลก็มีอำนาจพิพากษาให้เพิกถอนโฉนดที่ดินในส่วนที่ออกโดยคลาดเคลื่อนได้ มาตรา 61 วรรคแปด กำหนดวิธีการให้เจ้าพนักงานที่ดินดำเนินการตามคำพิพากษาถึงที่สุดไว้แล้ว ศาลไม่จำต้องพิพากษาบังคับให้คู่ความไปดำเนินการขอรังวัดแบ่งแยกโฉนดอีก
จำเลยและจำเลยร่วมยื่นอุทธรณ์มาในฉบับเดียวกัน และเสียค่าขึ้นศาลร่วมกัน เมื่อศาลไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยร่วม คงวินิจฉัยแต่อุทธณณ์ของจำเลย จึงไม่มีค่าขึ้นศาลที่ต้องคืนให้จำเลยร่วม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 850/2547

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประเมินภาษีที่คลาดเคลื่อน, รายจ่ายโบนัสต้องห้าม, และเบี้ยปรับที่ต้องชำระ
เมื่อเจ้าพนักงานประเมินแจ้งผลการตรวจสอบผิดพลาดและในหนังสือแจ้งการประเมินภาษีเงินได้นิติบุคคลก็ระบุเพียงว่าโจทก์บันทึกรายได้ขาดบัญชี จำนวน 3,764,745.13 บาท โดยมิได้มีรายละเอียดอื่นใด เป็นเหตุให้โจทก์อุทธรณ์การประเมินต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์และนำคดีมาฟ้องศาลโดยเข้าใจคลาดเคลื่อน ดังนั้น การประเมินในส่วนนี้จึงไม่ชอบ ปัญหานี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้จะเป็นปัญหาที่ศาลภาษีอากรกลางมิได้ยกเป็นประเด็นขึ้นวินิจฉัยมาก่อนก็ตาม โจทก์ย่อมมีสิทธิยกปัญหาดังกล่าวขึ้นในชั้นอุทธรณ์ได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 225 วรรคสอง ประกอบด้วย พ.ร.บ. จัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร พ.ศ. 2528 มาตรา 29
การจ่ายเงินโบนัสของโจทก์เป็นรายจ่ายใด ๆ ที่กำหนดจ่ายจากผลกำไรที่ได้เมื่อสิ้นสุดรอบระยะเวลาบัญชีแล้ว เพราะเป็นการใช้ผลกำไรเป็นฐานในการกำหนดการจ่ายโบนัสของโจทก์ จึงเป็นรายจ่ายต้องห้ามตาม ป. รัษฎากร มาตรา 65 ตรี (19) โจทก์ไม่สามารถนำรายจ่ายดังกล่าวมาคำนวณกำไรสุทธิได้
เงินเพิ่มเกิดจากการไม่ชำระภาษีให้ครบถ้วนภายในกำหนดเวลา ผู้ชำระภาษีจึงต้องเสียเงินเพิ่ม และตาม ป. รัษฎากร มาตรา 27 มิได้บัญญัติให้ศาลมีอำนาจงดหรือลดเงินเพิ่มนี้ได้
การพิจารณาให้ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งเท่าใด เพียงไรนั้น เป็นดุลพินิจของศาลที่จะกำหนดให้ เมื่อศาลภาษีอากรกลางเห็นว่าจำเลยชนะคดีเกือบเต็มฟ้องจึงพิจารณาให้ค่าฤชาธรรมเนียมเป็นพับ ย่อมเป็นการสมควรแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 386/2541

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเจ้าของกรรมสิทธิ์ในการแก้ไขโฉนดที่ดินคลาดเคลื่อน ไม่จำกัดอายุความ
โจทก์ผู้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ย่อมมีสิทธิขอให้พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจแก้ไขโฉนดที่ดินของโจทก์ ที่ได้ออกไปโดยคลาดเคลื่อนให้ถูกต้องตามความเป็นจริงได้โดยไม่มีกำหนดอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4578/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุจำเลยที่ 1 คลาดเคลื่อน ศาลอุทธรณ์ต้องโอนคดีให้ศาลเยาวชนฯ พิจารณาใหม่ตามกฎหมาย
จำเลยที่ 1 ให้การต่อพนักงานสอบสวนว่า มีอายุ 19 ปีและเมื่อโจทก์นำตัวจำเลยที่ 1 มาฟ้องต่อศาลชั้นต้น ซึ่งเป็นศาลธรรมดา จำเลยที่ 1 ก็แจ้งต่อศาลว่ามีอายุ 19 ปี เช่นนี้ทั้งโจทก์และศาลอุทธรณ์ก็ต้องเข้าใจว่า จำเลยที่ 1 มีอายุ 19 ปีจึงไม่ทำให้การพิจารณาและพิพากษาคดีของศาลชั้นต้นเสียไปและเมื่อข้อเท็จจริงที่ว่าจำเลยมีอายุ 16 ปีเศษ ปรากฏขึ้นในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ก็ต้องโอนคดีไปให้ ศาลอุทธรณ์แผนกคดีเยาวชนและครอบครัวพิจารณาพิพากษาการที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นในส่วนที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 1 และให้โจทก์ไปฟ้องจำเลยที่ 1 ต่อศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง ย่อมไม่ชอบด้วยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัวพ.ศ. 2534 มาตรา 15

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1582/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจผู้ว่าฯ เพิกถอน น.ส.3 คลาดเคลื่อน: ปกป้องที่สาธารณะประโยชน์
ประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา 61 บัญญัติว่า เมื่อปรากฏว่าได้ออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์โดยคลาดเคลื่อนหรือไม่ชอบด้วยกฎหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสำหรับจังหวัดอื่นนอกจากกรุงเทพมหานครมีอำนาจสั่งเพิกถอนหรือแก้ไขได้ กฎหมายดังกล่าวได้บัญญัติไว้ในลักษณะให้ผู้ว่าราชการจังหวัดมีอำนาจที่จะพิจารณาว่ากรณีใดควรจะสั่งเพิกถอนหรือแก้ไข การที่ผู้ว่าราชการจังหวัดมีคำสั่งให้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) ของโจทก์ทั้งฉบับเนื่องจากระบุอาณาเขตด้านทิศตะวันตก คลาดเคลื่อน ทั้งที่ตามความเป็นจริงจดที่สาธารณประโยชน์ อันจะมีผลให้ที่สาธารณประโยชน์ดังกล่าวหายไป คำสั่งให้เพิกถอนดังกล่าวจึงชอบด้วยกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1645/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เครื่องชั่งคลาดเคลื่อนไม่ถึงขั้นเอาเปรียบการค้า, ความผิด พ.ร.บ. มาตราชั่งตวงวัด
จำเลยมีเครื่องชั่งไว้ชั่ง ซื้อ ข้าวเปลือกจากผู้ขาย การที่เครื่องชั่งของจำเลยชั่ง วัตถุที่มีน้ำหนักจริง 500 กิโลกรัม ได้น้ำหนัก 502 กิโลกรัม ทำให้ผู้ขายได้ น้ำหนักเพิ่มขึ้น 2 กิโลกรัมถือ ไม่ได้ว่าจำเลยมีเครื่องชั่งดังกล่าวไว้เพื่อเอาเปรียบในการค้าตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 270 คงมีความผิดตาม พระราชบัญญัติมาตราชั่ง ตวง วัด พ.ศ. 2466 มาตรา 31,38 เท่านั้น.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1772-1773/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ วันเวลาทำผิดคลาดเคลื่อน แม้ไม่สำคัญ แต่จำเลยอ้างต่างจากฟ้อง ถือหลงต่อสู้คดี ศาลลงโทษไม่ได้
วันกระทำผิดที่ปรากฏในทางพิจารณาตามข้อนำสืบของโจทก์แตกต่างกับวันกระทำผิดที่โจทก์กล่าวไว้ในฟ้องไป 1 เดือน แม้ข้อแตกต่างนี้ไม่ใช่ข้อสารสำคัญ แต่เมื่อจำเลยเบิกความอ้างฐานที่อยู่ว่าตามวันที่โจทก์กล่าวหาในฟ้อง จำเลยอยู่บ้านมิได้ไปกระทำผิด ก็ถือได้ว่าจำเลยได้หลงต่อสู้คดีแล้ว จึงลงโทษจำเลยไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 441/2501

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เครื่องชั่งคลาดเคลื่อนจากอายุการใช้งาน ไม่ถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ชั่งตวงวัด
มีเครื่องชั่งที่ถูกต้อง แต่สปริงอ่อนไปบ้าง เพราะใช้มานานชั่งของ 2 กิโลกรัม จะบอกน้ำหนักมากขึ้น 50กรัม ถาดไม่ใช่ประจำเครื่องแต่ก็มีน้ำหนักเที่ยงตรงดังนี้ ไม่เป็นความผิดตาม พระราชบัญญัติมาตรา ชั่ง ตวง วัด พ.ศ.2466มาตรา31

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 905/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความคลาดเคลื่อนของสถานที่เกิดเหตุในฟ้อง ไม่ถือเป็นข้อเท็จจริงต่างกัน หากยังอยู่ในบริเวณใกล้เคียง
โจทก์ระบุตำบลเกิดเหตุในฟ้องว่าเกิดที่ตำบลท่ายาง แต่ปรากฎเหตุเกิดอีกตำบลหนึ่ง ซึ่งอยู่อีกฝั่งของคลอง ซึ่งมีฝั่งอีกฝั่งอยู่ในตำบลท่ายาง เพราะความสำคัญผิดหรือพลั้งเผลอ เพียงเท่านี้จะให้ถือฟ้องยังไม่ได้
of 3