คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ทนายจำเลย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 82 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3208/2549

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์โดยชอบด้วยกฎหมาย แม้ทนายจำเลยไม่ได้รับแจ้งนัด
ทนายจำเลยมิได้เป็นจำเลยหรือเป็นคู่ความตาม ป.วิ.อ. มาตรา 2 (3) และมาตรา 2 (15) การที่ศาลจังหวัดนนทบุรีอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 7 ให้จำเลยฟังและให้จำเลยลงลายมือชื่อไว้แล้ว ทั้งจำเลยซึ่งเป็นชาวต่างประเทศเข้าใจผลแห่งคำพิพากษาโดยไม่ต้องมีล่าม จึงเป็นการอ่านคำพิพากษาที่ชอบด้วยมาตรา 182 วรรคสองและวรรคสามแล้ว ไม่มีเหตุยกเลิกการอ่านคำพิพากษาของศาลจังหวัดนนทบุรี ส่วนการที่ศาลชั้นต้นมิได้แจ้งวันนัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 7 ให้ทนายจำเลยทราบ จะเป็นการจำกัดสิทธิของจำเลยที่จะได้รับการปรึกษากับทนายจำเลยในการยื่นฎีกาหรือไม่ ก็ไม่เป็นเหตุให้การอ่านคำพิพากษาที่ชอบด้วยกฎหมายกลับกลายเป็นไม่ชอบด้วยกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7270/2547

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งหมายนัดฟังคำพิพากษาที่ภูมิลำเนาทนายจำเลยที่ถูกต้องตามกฎหมาย โดยพิจารณาจากสถานที่ทำงานตามตำแหน่งหน้าที่
การที่ทนายจำเลยซึ่งเป็นพนักงานอัยการ สำนักงานอัยการประจำศาลจังหวัดสีคิ้วได้รับคำสั่งให้ไปช่วยราชการที่สำนักงานอัยการจังหวัดนครราชสีมา แม้ยังต้องถือว่าทนายจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ที่สำนักงานอัยการประจำศาลจังหวัดสีคิ้ว เพราะเป็นที่ทำการตามตำแหน่งหน้าที่ มิใช่ที่สำนักงานอัยการจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งเป็นเพียงถิ่นอันเป็นที่ทำการชั่วคราว ตาม ป.พ.พ. มาตรา 46 ก็ตาม แต่คำร้องของทนายจำเลยอ้างด้วยว่า เจ้าพนักงานศาลให้ นาย อ. พนักงานอัยการสำนักงานอัยการประจำศาลจังหวัดสีคิ้วรับหมายนัดไว้แทนทนายจำเลย ในขณะที่นาย อ. ไปที่ศาลชั้นต้น เจ้าพนักงานศาลมิได้ไปส่งหมายนัดที่สำนักงานอัยการประจำศาลจังหวัดสีคิ้ว หากข้อเท็จจริงได้ความตามคำร้องของทนายจำเลยดังกล่าว การส่งหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้แก่ทนายจำเลยย่อมถือไม่ได้ว่าเป็นการส่งหมาย ณ ภูมิลำเนาของทนายจำเลยและมีผู้รับแทนโดยชอบ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 76 วรรคหนึ่ง หรือเป็นการส่งคำคู่ความที่ได้กระทำในศาลตาม ป.วิ.พ. มาตรา 77 (2) ศาลชั้นต้นชอบที่จะไต่สวนให้ได้ความว่าเจ้าพนักงานศาลไปส่งหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลชั้นต้นแก่ทนายจำเลย และนาย อ. รับไว้แทนที่สำนักงานอัยการประจำศาลจังหวัดสีคิ้วหรือไม่ ก่อนมีคำสั่งยกคำร้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4580/2546

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์คดีภาษีอากร: ความบกพร่องทนายจำเลยเป็นเหตุไม่อนุญาต
จำเลยทราบวันนัดฟังคำพิพากษาของศาลภาษีอากรกลางในวันที่ 26 ธันวาคม 2544 แล้ว แต่ไม่มาศาลในวันดังกล่าว และไม่ได้ขวนขวายดำเนินการขอคัดถ่ายคำพิพากษาของศาลและคำเบิกความพยานตลอดจนเอกสารต่าง ๆ เพื่อจัดทำอุทธรณ์โดยเร็ว กลับปล่อยให้เวลาล่วงเลยไปนานถึง 20 วัน ทนายจำเลยจึงได้ขอคัดถ่ายคำพิพากษาและคำเบิกความพยาน ซึ่งศาลได้อนุญาตในวันนั้นเอง ต่อมาวันที่ 21 มกราคม 2545 ทนายจำเลยยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ไปอีก 1 เดือน นับแต่วันครบระยะเวลาอุทธรณ์ ศาลมีคำสั่งยกคำร้องในวันเดียวกัน และทนายจำเลยได้รับสำเนาคำพิพากษาและคำเบิกความพยานที่ขอคัดถ่ายในวันดังกล่าว แต่จำเลยไม่ได้นำคำฟ้องอุทธรณ์มายื่นทั้งที่ยังเหลือระยะเวลาอีก 7 วัน ก่อนครบกำหนดระยะเวลาอุทธรณ์ แม้คดีนี้จะมีทุนทรัพย์สูง แต่เป็นคดีไม่ซับซ้อน คำเบิกความของพยานและเอกสารต่าง ๆ ที่จำเป็นต้องใช้ในการอุทธรณ์มีไม่มาก ทนายจำเลยเป็นทนายมาตั้งแต่เริ่มการพิจารณา ย่อมทราบข้อเท็จจริงต่าง ๆ อยู่แล้วย่อมสามารถยื่นอุทธรณ์ภายในกำหนดเวลาได้ ที่ทนายจำเลยอ้างว่าหลังจากศาลอ่านคำพิพากษาแล้วไม่สามารถติดต่อกับจำเลยได้ และต้องใช้เวลารวบรวมค่าธรรมเนียมศาลนั้น ตามใบแต่งทนายความระบุไว้ชัดแจ้งว่า ทนายจำเลยมีอำนาจในการอุทธรณ์ฎีกาได้ ดังนั้น ทนายจำเลยสามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องพบจำเลยก่อน ส่วนเงินค่าธรรมเนียมศาลนั้น แม้จะมีจำนวนสูง แต่ทนายจำเลยมีสิทธิที่จะขอขยายระยะเวลาวางเงินต่อศาลออกไปได้โดยไม่ต้องขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ กรณีจึงเป็นความบกพร่องของทนายจำเลยที่ดำเนินการล่าช้าเอง ไม่มีเหตุสมควรที่จะขยายระยะเวลาอุทธรณ์ให้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8885/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งสำเนาอุทธรณ์ที่ไม่จำเป็นเมื่อทนายจำเลยและผู้ร้องสอดเป็นคนเดียวกัน ศาลฎีกายกคำสั่งจำหน่ายคดี
การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ผู้ร้องสอดส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยก็เพื่อให้จำเลยได้มีโอกาสยื่นคำแก้อุทธรณ์ของผู้ร้องสอดเท่านั้น แต่ปรากฏว่าคดีนี้ทนายผู้ร้องสอดผู้ยื่นอุทธรณ์และทนายจำเลยเป็นบุคคลคนเดียวกันมีผลเท่ากับว่าทนายจำเลยทราบดีอยู่แล้วว่าผู้ร้องสอดได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นมาแต่ต้นและจำเลยอาจยื่นคำแก้อุทธรณ์ได้แล้ว โดยศาลชั้นต้นไม่จำต้องสั่งให้ผู้ร้องสอดนำส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยแก้อีก และชอบที่จะสั่งให้ทนายจำเลยซึ่งเป็นบุคคลคนเดียวกับทนายผู้ร้องสอดยื่นคำแก้อุทธรณ์เข้ามาภายในระยะเวลาตามที่กฎหมายกำหนดได้เลยเมื่อปรากฏว่าคดีนี้ผู้ร้องสอดได้นำส่งสำเนาอุทธรณ์ให้โจทก์และโจทก์ได้ยื่นคำแก้อุทธรณ์เข้ามาแล้ว ทั้งทนายจำเลยก็ได้แถลงต่อศาลว่าจำเลยไม่ติดใจยื่นคำแก้อุทธรณ์ แม้จะเป็นการแถลงเมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาที่ผู้ร้องสอดจะต้องนำส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยแก้แล้วก็ตาม ตามพฤติการณ์ศาลฎีกาก็เห็นเป็นการสมควรที่จะให้ดำเนินคดีของผู้ร้องสอดต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1436/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่อนุญาตเลื่อนคดีและการงดสืบพยานเนื่องจากทนายจำเลยประวิงคดี
วันนัดสืบพยานจำเลยครั้งแรก ทนายจำเลยแถลงขอเลื่อนคดีอ้างเหตุว่า พยานจำเลยติดธุระจำเป็นที่กรุงเทพมหานครมาเป็นพยานไม่ได้ จำเลยติดใจสืบพยานเพียง 2 ปาก จะนำมาสืบให้แล้วเสร็จภายในนัดเดียว หากไม่นำพยานปากใดปากหนึ่งหรือทั้งสองปากมาถือว่าไม่ติดใจสืบพยานจำเลยอีกต่อไป ศาลชั้นต้นจึงอนุญาตให้เลื่อนคดีและกำชับทนายจำเลยให้ปฏิบัติตามที่แถลงไว้ต่อศาลครั้นถึงวันนัดสืบพยานจำเลยครั้งที่สองทนายจำเลยแถลงขอเลื่อนคดีอีก โดยอ้างเหตุเลื่อนลอยเพียงว่าไม่สามารถนำพยานจำเลยมาเบิกความได้ เนื่องจากทำงานอยู่ที่กรุงเทพมหานคร ดังนี้เมื่อไม่ปรากฏเหตุจำเป็นอันไม่อาจก้าวล่วงเสียได้ และทนายจำเลยมิได้แสดงให้เป็นที่พอใจของศาลว่า ถ้าศาลไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีต่อไปอีกจะทำให้เสียความยุติธรรมดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 40 วรรคหนึ่งพฤติการณ์ของทนายจำเลยดังกล่าวเป็นการประวิงคดีศาลชั้นต้นจึงชอบที่จะไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีและงดสืบพยานจำเลยเสียได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6906/2543

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยื่นบัญชีระบุพยานล่าช้า: ศาลไม่รับพยาน เนื่องจากความประมาทเลินเล่อของทนายจำเลย และการไม่ปฏิบัติตามกำหนดเวลา
จำเลยเพิ่งมายื่นคำร้องขอยื่นบัญชีระบุพยานในวันนัดสืบพยานจำเลยนัดที่สอง ซึ่งหลังวันสืบพยานครั้งแรกเดือนเศษ โดยไม่ปรากฏว่าเหตุใดจึงเพิ่งมายื่นคำร้องทั้งที่ควรจะยื่นคำร้องในโอกาสแรกที่พึงกระทำได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 วรรคหนึ่ง เพื่อป้องกันมิให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบในคดี จำเลยจะยกเรื่องทนายความของตนละทิ้งหน้าที่มาเป็นเหตุที่ทำให้ไม่สามารถยื่นบัญชีระบุพยานตามกำหนดเวลาไม่ได้ และจำเลยไม่อาจอ้างเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมอันเกิดจากความผิดพลาดของจำเลยเอง ทำให้อีกฝ่ายหนึ่งต้องเสียเปรียบเพราะการดำเนินคดีต้องล่าช้าไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5476/2543 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ทนายจำเลยไม่มาศาลตามนัดโดยไม่มีเหตุอันสมควร ไม่อาจอ้างเหตุติดว่าความอื่นเพื่อขอเลื่อนคดีได้
การที่ทนายจำเลยได้ลงลายมือชื่อรับทราบวันนัดพร้อมของศาลซึ่งเป็นการนัดพร้อมเพื่อกำหนดแนวทางในการดำเนินคดีตามข้อกำหนดคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ. 2540 แต่เมื่อถึงกำหนดนัดดังกล่าว ทนายจำเลยไม่มาศาลโดยไม่แจ้งเหตุอันสมควรที่มาศาลไม่ได้ให้ศาลทราบก่อนวันนัด อีกทั้งไม่ได้มอบฉันทะให้ผู้ใดมาแจ้งในวันนัด คงมีแต่ทนายโจทก์มาศาล ย่อมเห็นได้ว่าเป็นความผิดของทนายจำเลยเอง ดังนั้นจำเลยจะยกเอาเหตุที่ตนติดว่าความที่ศาลอื่นซึ่งได้นัดไว้ก่อนแล้วว่าเป็นเหตุจำเป็นอันมิอาจก้าวล่วงเสียได้ตาม มาตรา 27 แห่ง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ และวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ. 2539 มาเพื่อขอเลื่อนคดีไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5476/2543

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ทนายจำเลยไม่ให้ความร่วมมือในการกำหนดแนวทางพิจารณาคดี ทำให้ศาลสั่งงดสืบพยานจำเลยไม่ชอบ ศาลฎีกายกคำพิพากษา
การนัดพร้อมเพื่อกำหนดแนวทางการดำเนินคดีตามข้อกำหนดคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ. 2540 ข้อ 27ข้อกำหนดดังกล่าวเป็นกฎหมายที่ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีพิเศษสำหรับคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศต้องใช้เป็นหลักในการพิจารณาคดี กรณีไม่อาจนำหลักเกณฑ์ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งซึ่งใช้กับคดีแพ่งสามัญในส่วนที่ได้กำหนดไว้ในข้อกำหนดดังกล่าวแล้วมาใช้บังคับได้
วันที่ศาลกำหนดที่จะให้มีการกำหนดแนวทางการดำเนินคดีมีความสำคัญอย่างยิ่งที่คู่ความจะต้องให้ความร่วมมือกับศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศในการร่วมกันพิจารณากำหนดแนวทางในการดำเนินคดีเพื่อให้สามารถดำเนินกระบวนพิจารณาไปได้ด้วยความสะดวก รวดเร็ว และเที่ยงธรรม ทนายจำเลยซึ่งรับว่าความคดีการค้าระหว่างประเทศย่อมต้องทราบกฎหมายหรือข้อกำหนดดังกล่าวเป็นอย่างดีและมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายวิธีพิจารณาความสำหรับคดีชำนัญพิเศษนั้นเพื่อรักษาประโยชน์ของจำเลยซึ่งเป็นตัวความ
ทนายจำเลยไม่มาศาลในวันนัดพร้อมเพื่อกำหนดแนวทางการดำเนินคดีเป็นความผิดของทนายจำเลยเองที่ไม่ได้สนใจและเอาใจใส่ในการดำเนินคดีนี้ เมื่อเป็นความผิดของทนายจำเลยเองที่ไม่ให้ ความร่วมมือกับศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง ในการกำหนดแนวทางในการดำเนินคดีและกำหนดวันสืบพยานโจทก์ ในวันที่ทนายจำเลยว่างทนายจำเลยจึงยกเอาเหตุที่ตนไม่อาจมาศาล ในวันนัดสืบพยานโจทก์ได้ โดยอ้างเหตุที่ตนติดว่าความที่ศาลอื่น ซึ่งได้นัดไว้ก่อนแล้วว่าเป็นเหตุจำเป็นอันมิอาจก้าวล่วงเสียได้ตามมาตรา 27แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศฯมาเพื่อขอเลื่อนคดีไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4324/2543 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขาดนัดพิจารณาคดีแรงงาน: ผลของการมอบฉันทะให้เสมียนทนายรับทราบกำหนดนัด และความรับผิดชอบของทนายจำเลย
คำร้องขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยบรรยายว่า ทนายจำเลยคนเดิมไม่แจ้งให้จำเลยทราบว่าศาลแรงงานกลางนัดสืบพยาน นัดฟังคำพิพากษาและทนายจำเลยไม่อยู่ในวันนัดสืบพยานโจทก์ เป็นการอ้างเหตุที่จำเลยขาดนัดพิจารณาว่าเกิดจากจำเลยไม่ทราบกำหนดนัดของศาล
ทนายจำเลยมอบฉันทะให้เสมียนทนายมากำหนดวันนัดรับทราบคำสั่งศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์ ซึ่งผู้รับมอบฉันทะทนายจำเลยลงลายมือชื่อทราบกำหนดนัดไว้ในรายงานกระบวนพิจารณาแล้ว ถึงวันนัด จำเลยไม่มาศาลศาลแรงงานกลางให้เลื่อนคดีไปนัดสืบพยานโจทก์ โดยให้ปิดประกาศแจ้งวันนัดให้จำเลยทราบที่หน้าศาลแทนการส่งหมาย ถึงวันนัดจำเลยไม่มาศาล ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งว่า จำเลยขาดนัดและขาดนัดพิจารณา แล้วสืบพยานโจทก์จนเสร็จ และพิพากษาคดีไปในวันเดียวกัน การที่ผู้รับมอบฉันทะทนายจำเลยลงลายมือชื่อทราบกำหนดนัดสืบพยานโจทก์ มีผลเท่ากับทนายจำเลยทราบกำหนดนัดด้วย ตามข้อความในใบมอบฉันทะที่ระบุว่าให้ผู้รับมอบฉันทะทำการแทนโดยทนายจำเลยยอมรับผิดชอบทุกประการในการกำหนดวันนัด รับทราบคำสั่ง และทนายจำเลยอยู่ในฐานะเป็นจำเลยตาม ป.วิ.พ.มาตรา 1 (11) ประกอบ พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 31 จึงต้องถือว่าจำเลยทราบกำหนดวันนัดสืบพยานโจทก์แล้ว จำเลยจะอ้างว่าไม่ทราบกำหนดนัดสืบพยานโจทก์เพราะทนายจำเลยไม่แจ้งให้ทราบเพื่อเป็นเหตุขอให้พิจารณาใหม่ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3778/2543 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาทเลินเล่อของทนายจำเลยในการจำวันนัดไต่สวน มิอาจยกเป็นเหตุสมควรขอไต่สวนใหม่ได้
ทนายจำเลยทราบวันนัดในคดีนี้เป็นอย่างดีแล้ว ทั้งเมื่อถึงวันนัดไต่สวนดังกล่าว ทนายโจทก์มาศาลตามนัดและศาลชั้นต้นก็ออกนั่งพิจารณาตามเวลาที่นัดแต่ฝ่ายจำเลยกลับไม่มาศาล การจำวันนัดหรือลงวันนัดผิดพลาดเป็นความประมาทเลินเล่อของทนายจำเลยเอง ซึ่งมิได้ใช้ความละเอียดรอบคอบให้สมกับเป็นผู้ประกอบวิชาชีพที่เป็นที่ไว้วางใจของประชาชน ซึ่งหากทนายจำเลยบันทึกวันเวลาที่นัดหมายลงในสมุดนัดความโดยตรวจสอบจากรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นก่อนข้อผิดพลาดเช่นนี้ย่อมไม่มีทางที่จะเกิดขึ้นได้ ความผิดพลาดอันเกิดจากความประมาทเลินเล่อของทนายจำเลยเองเช่นนี้ มิใช่เหตุสมควรที่จะยกขึ้นอ้างเพื่อขอให้มีการยกคดีขึ้นไต่สวนได้อีก
of 9