พบผลลัพธ์ทั้งหมด 57 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5089/2542 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าและการกระทำความผิดฐานพยายามฆ่า การแสดงความรักหลังลงมือไม่ใช่การยับยั้ง
จำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายและได้ลงมือกระทำความผิดไปตลอดครบองค์ประกอบของความผิดฐานพยายามฆ่าแล้ว แม้ผู้เสียหายไม่ตายสมดังเจตนาก็เป็นกรณีที่การกระทำนั้นไม่บรรลุผล การที่จำเลยทิ้งมีดโต้แล้วไปสวมกอดผู้เสียหายเพราะความรักผู้เสียหายและรักลูกโดยเกิดจากความรู้สึกนึกคิดของจำเลยเอง จึงหาใช่เป็นการยับยั้งเสียเองไม่กระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดแก่ผู้เสียหายต่อไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 82 แต่อย่างใด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6538/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาในการทำร้ายร่างกาย: พิจารณาจากลักษณะการลงมือและเหตุจูงใจ
มีดพร้าของกลางเป็นมีดสำหรับใช้มือทั้งสองจับเพราะด้ามมีดยาว 14 นิ้ว แต่เก้าอี้ไม้สักที่ถูกจำเลยฟันเป็นรอยถากเนื้อไม้หายไปเล็กน้อยแสดงว่าจำเลยจับมีดพร้าของกลางด้วยมือข้างเดียวและฟันไม้แรงนัก อีกทั้งจำเลยทะเลาะกับมารดา มิได้ทะเลาะกับผู้เสียหายเหตุที่จำเลยฟันผู้เสียหายก็เพราะผู้เสียหายเข้าไปขอมีดจากจำเลยจำเลยจึงฟันผู้เสียหายเพื่อระบายความโกรธนอกจากนี้เมื่อจำเลยฟันไม่ถูก จำเลยก็มิได้ฟันซ้ำอีก จนญาติพี่น้องเข้าแย่งมีดทำให้มีดหล่นจากมือจำเลย เช่นนั้น ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยฟันผู้เสียหายโดยมีเพียงเจตนาทำร้ายผู้เสียหายเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 121/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พฤติการณ์นั่งคร่อมรถและบิดกุญแจถือเป็นการลงมือลักทรัพย์แล้ว แม้จะยังไม่ได้เคลื่อนย้ายรถออกไป
จำเลยเพียงแต่นั่งคร่อมรถจักรยานยนต์ยังไม่ได้เอารถออกเป็นการลงมือลักทรัพย์แล้ว เมื่อกระทำไปไม่ตลอดเพราะผู้เสียหายเข้ามากอด เอาไว้ทำให้จำเลยเอารถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายไปไม่ได้ เป็นความผิดฐานพยายามลักทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1177/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน: พฤติการณ์โกรธเคือง การเตรียมอาวุธ และการลงมือ
โจทก์มีพยานจำนวน 2 ปากเบิกความว่าคืนก่อนวันเกิดเหตุ 1 วันจำเลยกับผู้ตายมีเรื่องทะเลาะกัน ผู้ตายเตะจำเลย 1 ครั้งแล้วก็เลิกรากันไป โดยสอดคล้องกับคำให้การของจำเลยในชั้นสอบสวนว่าหลังจากจำเลยถูกผู้ตายเตะแล้วกลับบ้านนอนไม่หลับทั้งคืน รุ่งเช้าขึ้นจำเลยไปตามหาผู้ตายโดยไปพบผู้ตายอยู่กับเพื่อนที่ทุ่งนาและหาโอกาสยิงผู้ตาย พอเพื่อนผู้ตายลุกขึ้นออกไป จำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายทางด้านหลังจนถึงแก่ความตาย โดยมีพนักงานสอบสวนมาเบิกความยืนยันว่าจำเลยให้การดังกล่าวด้วยความสมัครใจ และคำให้การของจำเลยที่สอดคล้องกับบาดแผลที่ถูกยิง ที่จำเลยต่อสู้ว่า อยู่กับผู้ตายสองต่อสองแล้วผู้ตายด่าจำเลยและท้าให้จำเลยยิง จำเลยบันดาลโทสะจึงยิงผู้ตายนั้น จำเลยมิได้ให้การไว้ในชั้นสอบสวนและจากคำเบิกความของพยานโจทก์อีก 2 ปากที่อยู่ในบริเวณที่เกิดเหตุก็ไม่ปรากฏว่าผู้ตายได้ด่าว่าจำเลยแต่อย่างใด ข้อต่อสู้ของจำเลยดังกล่าวจึงไม่มีน้ำหนักน่าเชื่อถือ พยานหลักฐานโจทก์ฟังได้ว่าจำเลยมีเรื่องโกรธเคืองกับผู้ตายมาก่อนแล้ว ต่อมาจำเลยมาตามหาผู้ตายโดยนำอาวุธปืนไปตั้งใจจะยิงผู้ตาย ซึ่งถือว่าจำเลยมีโอกาสคิดไตร่ตรองไว้ก่อนแล้วว่าจะฆ่าผู้ตายหรือไม่ เมื่อจำเลยไปพบผู้ตายและได้โอกาสก็ยิงผู้ตายจนถึงแก่ความตาย การกระทำของจำเลยจึงเป็นการฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 289(4)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 449/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สนับสนุนการฆ่าโดยทรมาน: ผู้รู้เห็นใจแต่ไม่ได้ร่วมลงมือ
จำเลยรู้เห็นเป็นใจกับพวกคนร้ายหลอกพาผู้ตายไปฆ่าโดยวิธีจุดไฟเผาทั้งเป็น โดยจับผู้ตายแก้ผ้าเอาเชือกมัดมือมัดเท้าเอาล้อยางรถยนต์สวมตัว กับเอาน้ำมันราดและจุดไฟเผาผู้ตาย ซึ่งผู้ตายจะไม่ตายในทันที แต่จะได้รับความเจ็บปวดและทรมานเป็นเวลานานก่อนจะสิ้นใจ แสดงให้เห็นว่าประสงค์ให้ผู้ตายได้รับความลำบากอย่างสาหัสก่อนตาย จึงเป็นการฆ่าโดยทรมาน ทารุณโหดร้าย และไตร่ตรองไว้ก่อน จำเลยมิได้อยู่ในบริเวณที่เกิดเหตุในขณะเกิดเหตุในลักษณะที่จะเข้าช่วยขจัดอุปสรรคอันอาจมีขึ้นได้ทัน เพราะพวกคนร้ายได้พาตัวผู้ตายขึ้นรถปิกอัพแยกจากจำเลยไปสถานที่อีกแห่งหนึ่งแล้วจึงร่วมกันจุดไฟเผาผู้ตาย การกระทำของจำเลยจึงยังไม่ถึงขั้นเป็นตัวการร่วมกับพวกคนร้ายฆ่าผู้ตาย คงเป็นเพียงผู้สนับสนุนให้คนร้ายฆ่าผู้ตายเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 94/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์ตัวผู้กระทำผิดจากพยานบุคคลและการพิจารณาพฤติการณ์ก่อนลงมือ
เหตุเกิดเวลากลางวัน ก่อนเกิดเหตุ เด็กชาย ส. อายุ13 ปีพบกับจำเลยกับพวก จำเลยถาม หาไร่ของผู้ตายและให้เด็กชาย ส.ไปตามผู้ตายมาพบ เมื่อผู้ตายกับโจทก์ร่วมมาพบจำเลยได้พูดคุยกันนานประมาณ 10 นาที จำเลยจึงใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย การที่คนร้ายนั่งพูดคุยกับผู้ตายนานถึง 10 นาที จึงใช้อาวุธปืนยิงนั้น ไม่ใช่เป็นข้อพิรุธ เพราะคนร้ายจะยิงผู้ตายเมื่อไรก็เป็นการเลือกหาโอกาสของคนร้ายเอง มิใช่ว่าเมื่อคนร้ายพบผู้ตายที่คนร้ายประสงค์จะฆ่าแล้วจะต้องลงมือฆ่าในทันที พยานหลักฐานโจทก์มีน้ำหนักมั่นคงจึงฟังได้ว่าจำเลยเป็นคนร้ายที่ยิงผู้ตาย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1887/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพยายามลักลอบนำเงินตราออกนอกประเทศ: การกระทำถึงขั้นลงมือแล้วหรือไม่
จำเลยจะเดินทางไปต่างประเทศ เครื่องบินขึ้นเวลา 8.40 นาฬิกาจำเลยไปถึงท่าอากาศยานรับบัตรที่นั่งผู้โดยสารและบัตรรับกระเป๋าเดินทางแล้ว เวลา 8.15 นาฬิกา ขณะจำเลยเดินเข้าช่องทางเดินเพื่อไปยังเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง เจ้าหน้าที่ตรวจพบเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ9,100ดอลลาร์ ซึ่งไม่ได้รับอนุญาตให้นำออกนอกราชอาณาจักรที่จำเลย การกระทำของจำเลยเป็นขั้นตอนสุดท้ายของการเดินทางออกไปจากประเทศไทย และใกล้ชิดต่อความผิดสำเร็จโดยพ้นขั้นตระเตรียมการแล้ว ดังนี้ จำเลยมีเจตนานำเงินตราที่ต้องจำกัด หรือต้องห้ามออกไปนอกประเทศ จำเลยจึงมีความผิดฐานพยายามกระทำความผิด.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1887/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดพยายามลักลอบนำเงินตราออกนอกประเทศ: การกระทำถึงขั้นลงมือแล้วหรือไม่
จำเลยจะเดินทางไปต่างประเทศ เครื่องบินจะออกเวลา 8.40นาฬิกา จำเลยเดินทางไปถึงท่าอากาศยาน ได้ผ่านการตรวจจากเจ้าหน้าที่สายการบินและรับบัตรที่นั่งผู้โดยสารกับบัตรรับกระเป๋าเดินทางแล้วเวลา 8.15 นาฬิกา ขณะที่เจ้าหน้าที่สายการบินกำลังจะนำกระเป๋าเดินทางของจำเลยลำเลียงขึ้นเครื่องบินและจำเลยกำลังจะเดินเข้าไปในช่องทางเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง เจ้าหน้าที่ศุลกากรได้ตรวจค้นตัวจำเลยและกระเป๋าเดินทางของจำเลยพบเงินสกุลดอลล่าร์สหรัฐอเมริกา9,100ดอลลาร์ ซึ่งไม่ได้รับอนุญาตให้นำออกนอกราชอาณาจักร เมื่อจำเลยรับบัตรที่นั่งผู้โดยสารแล้ว การกระทำของจำเลยย่อมเป็นขั้นตอนสุดท้ายของการเดินทางออกไปจากประเทศไทยและใกล้ชิดต่อความผิดสำเร็จพ้นขั้นตระเตรียมการแล้ว จำเลยมีเจตนานำเงินตราที่ต้องจำกัดหรือต้องห้ามออกไปนอกประเทศจึงมีความผิดฐานพยายามกระทำความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3576/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน: การพิจารณาช่วงเวลาหลังเกิดเหตุและก่อนลงมือ
ขณะจำเลย ผู้ตาย และพวกนั่งดื่มสุราอยู่ด้วยกัน ผู้ตายพูดว่า จำเลยหัวล้านหรอยจัง แล้วใช้มือลูบศีรษะจำเลย จำเลยลุกออกจากวงสุราไป ต่อมาประมาณ 15 นาที จำเลยถือปืนแก๊ปยาวมายิงผู้ตายถึงแก่ความตาย กรณีมิใช่เกิดจากโทสะที่พุ่งขึ้นเฉพาะหน้าขณะที่ผู้ตายใช้มือลูบศีรษะจำเลย แล้วจำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายทันที แต่เป็นกรณีที่จำเลยเกิดโทสะแล้วออกจากวงสุราไปเกิดความคิดจะฆ่าผู้ตายในภายหลังและเป็นพฤติการณ์ที่จำเลยจะต้องคิดไตร่ตรองตัดสินใจอย่างหนักเป็นเวลาถึง 15 นาที ในการตกลงใจกระทำผิด จึงเป็นการกระทำผิดโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3288/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยายามลักทรัพย์: การกระทำที่ใกล้ชิดกับทรัพย์สินพร้อมนำไปได้ทันที ถือเป็นการลงมือแล้ว แม้จะยังไม่สำเร็จ
บ้านพักของผู้เสียหายอยู่ภายในบริเวณโรงเรียนซึ่งมีรั้วลวดหนามกั้น จำเลยเข้าไปในบริเวณบ้านพักของผู้เสียหายในยามวิกาลโดยเจตนาจะลักไก่ของผู้เสียหายซึ่งถูกขังไว้ในสุ่มที่สามารถจะเปิดจับเอาไปได้โดยง่าย จำเลยไปอยู่ห่างจากสุ่มไก่ประมาณ 1 เมตร นับว่าใกล้ชิดติดกับตัวทรัพย์คือไก่ที่พร้อมจะเอาไปได้ในทันทีทันใด เป็นการลงมือลักทรัพย์แล้ว เมื่อกระทำไปไม่ตลอดย่อมมีความผิดฐานพยายามลักทรัพย์