คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
เบียดบังทรัพย์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 43 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5141/2543 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คุณสมบัติผู้จัดการมรดก: พฤติการณ์ไม่เหมาะสมจากการเบียดบังทรัพย์
ผู้จัดการมรดกต้องจัดการโดยตนเองตาม ป.พ.พ.มาตรา 1723เมื่อโจทก์ต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกจึงไม่อาจจัดการมรดกได้โดยตนเอง ทั้งเหตุที่ต้องโทษจำคุกก็เนื่องมาจากการเบียดบังทรัพย์ของผู้อื่นเป็นของตนในฐานะผู้มีอำนาจจัดการทรัพย์ ดังนี้ ถือได้ว่ามีพฤติการณ์ที่ไม่เหมาะสมที่จะเป็นผู้จัดการมรดก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2836/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาท: การเบียดบังทรัพย์ต้องมีฐานเป็นเจ้าของทรัพย์ก่อน แม้มีคำพิพากษาคดีแพ่งยืนยันกรรมสิทธิ์ของจำเลย
ในขณะที่โจทก์ยื่นฟ้องคดีนี้กรณียังมีการโต้แย้งกันเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทว่าเป็นของโจทก์หรือจำเลยโดยโจทก์ฟ้องทางแพ่งอ้างว่าเป็นที่ดินของโจทก์ ขอให้จำเลยโอนที่ดินพิพาทคืนแก่โจทก์และคดีดังกล่าวศาลฎีกาพิพากษายกฟ้องโดยวินิจฉัยว่าที่ดินพิพาทเป็นของจำเลย แม้ว่าไม่มีบทบัญญัติของกฎหมายให้ศาลที่พิจารณาคดีอาญาจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนแพ่งก็ตามแต่ก็นำมารับฟังประกอบในคดีอาญานี้ได้ เมื่อพิเคราะห์ประกอบกับพยานหลักฐานโจทก์แล้ว คดียังไม่พอฟังว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์หรือโจทก์เป็นเจ้าของร่วมในที่ดินพิพาท เมื่อจำเลยไม่อยู่ในฐานครอบครองทรัพย์ของโจทก์การกระทำของจำเลยที่ไม่ยอมโอนที่ดินพิพาทคืนแก่โจทก์จึงถือไม่ได้ว่าเป็นการเบียดบังเอาทรัพย์ของโจทก์ไปโดยทุจริต

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4748/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ องค์ประกอบความผิดฉ้อโกงและยักยอก: ความครบถ้วนของคำฟ้องและการระบุวันเวลาเบียดบังทรัพย์
ตามคำฟ้องแยกข้อหาฉ้อโกงไว้ข้อก. ข. และง. และข้อหายักยอกไว้ข้อค. เมื่อพิเคราะห์คำฟ้องข้อก. ข. และง. แล้วมีความหมายพอเข้าใจได้ว่าประกาศกระทรวงได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยมีเจตนาทุจริตแสดงข้อความอันเป็นเท็จและปกปิดข้อความจริงอันควรบอกให้แจ้งโดยหลอกลวงโจทก์ร่วมในฟ้องข้อก.ว่าโจทก์ร่วมต้องเสียภาษีต่อกรมสรรพากรเป็นจำนวน147,053บาทและในฟ้องข้อข. และง. ว่าโจทก์ร่วมต้องเสียภาษีต่อกรมสรรพากรเป็นจำนวน60,813.58บาทและ71,999.20บาทซึ่งเป็นความเท็จส่วนที่โจทก์บรรยายฟ้องตอนต่อมาในข้อก.ว่าจำเลยกลับไปยื่นแบบแสดงรายการภาษีต่อกรมสรรพากรเพียง122,543.65บาทและในข. และง. ว่าจำเลยกลับทำแบบแสดงรายการภาษีโดยไม่ต้องชำระภาษีต่อกรมสรรพากรนั้นเท่ากับโจทก์ได้บรรยายว่าความจริงแล้วโจทก์ต้องเสียภาษีในฟ้องข้อก. เพียงใดหรือไม่หรือเสียภาษีในฟ้องข้อข. และง.เลยจนโจทก์ร่วมหลงเชื่อได้จ่ายเงินให้จำเลยไปตามที่จำเลยขอเบิกแล้วจำเลยได้เอาเงินส่วนที่เบิกเกินไปตามข้อก. และส่วนที่ไม่ได้ชำระภาษีเลยตามข้อข. และง. ไปเป็นประโยชน์ส่วนตัวจึงเป็นการบรรยายฟ้องที่ครบองค์ประกอบความผิดในข้อหาฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา341แล้ว การบรรยายคำฟ้องในการกระทำผิดข้อหายักยอกนั้นต้องระบุถึงวันเวลาที่จำเลยเบียดบังเอาทรัพย์ซึ่งเป็นวันกระทำผิดมาในฟ้องด้วยส่วนวันที่จำเลยครอบครองทรัพย์ไม่ใช่วันกระทำผิดเพราะผู้ครอบครองทรัพย์ของผู้อื่นไว้แต่ไม่ได้เบียดบังเอาทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือบุคคลที่สามโดยทุจริตผู้นั้นย่อมไม่มีความผิดข้อหายักยอกตามคำฟ้องข้อค. ที่กล่าวแต่เพียงวันที่จำเลยครอบครองทรัพย์ที่โจทก์แต่ไม่มีข้อความแสดงว่าจำเลยได้เบียดบังเอาทรัพย์นั้นเป็นของตนวันเวลาใดจะถือเอาวันที่จำเลยครอบครองทรัพย์เป็นวันที่จำเลยกระทำผิดหาได้ไม่เพราะไม่มีข้อความตอนใดที่จะให้เข้าใจได้เช่นนั้นจึงเป็นคำฟ้องที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายอาญามาตรา158(5)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4964/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกานี้ยกฟ้องข้อหาเบียดบังทรัพย์ เนื่องจากเงินที่ยักยอกไม่ใช่เงินของแผ่นดิน และคดีขาดอายุความ
เงิน รายได้ ฌา ปน สถานที่ จำเลย เบียดบัง ไม่ได้ ส่ง กรมตำรวจ ตาม ที่ โจทก์ กล่าวหา เป็น เงิน นอก งบประมาณ ไม่ใช่ เงิน รายได้ ของ แผ่นดิน และ ความผิด ต่อ ตำแหน่ง หน้าที่ ราชการ ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 ทรัพย์ ที่ เจ้าพนักงาน เบียดบัง เอาไว้ เป็น ของ ตน หรือ ของ ผู้อื่น ต้อง เป็น ทรัพย์ ที่ เจ้าพนักงาน มี หน้าที่ ซื้อ ทำ จัดการ หรือ รักษา แต่เมื่อ เงิน ที่ จำเลย ยักยอก เอาไป ใช้ ส่วนตัว ใน คดี นี้ เป็น เงิน ค่าบำรุง ที่ เจ้า ภาพ งาน ศพ มา ใช้ ฌา ปน สถาน มอบ ให้ แก่ จำเลย เพื่อ เก็บ ส่ง เป็น เงิน สวัสดิการ ต่อ กรมตำรวจ เท่านั้น มิใช่ เงิน ของ ทางราชการ หรือ ของ รัฐบาล ที่ จำเลย ผู้เป็น เจ้าพนักงาน มี หน้าที่ จัดซื้อ ทำ จัดการ หรือ รักษา จึง ลงโทษ จำเลย ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 ไม่ได้ การกระทำ ของ จำเลย เป็น ความผิด ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 เป็น ความผิดอันยอมความได้ ซึ่ง ผู้เสียหาย จะ ต้อง ร้องทุกข์ ภายใน 3 เดือน นับแต่ รู้ เรื่อง ความผิด และ รู้ตัว ผู้กระทำ ความผิด แต่ ปรากฏว่า ผู้ช่วย อธิบดี กรมตำรวจ ปฏิบัติ ราชการ แทน อธิบดี กรมตำรวจ รู้ เรื่อง ความผิด และ รู้ตัว ผู้กระทำ ความผิด เมื่อ วันที่ 17 กันยายน 2528 แต่ ท . เพิ่ง ได้รับ คำสั่ง จาก ผู้บังคับการ กองสวัสดิการ กรมตำรวจ ให้ ไป ร้องทุกข์ ต่อ พนักงานสอบสวน เมื่อ วันที่ 18 มีนาคม 2530 การ ร้องทุกข์ ซึ่ง จะ ต้อง ดำเนินการ ตั้งแต่ รับคำ สั่ง จึง เกิน 3 เดือน นับแต่ รู้ เรื่อง และ รู้ตัว ผู้กระทำผิด แล้ว คดี จึง ขาดอายุความ แม้ จำเลย ไม่ได้ ยก อายุความ ขึ้น ต่อสู้ ศาลฎีกา ก็ ยกขึ้น พิจารณา ได้เอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1292/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานเบียดบังทรัพย์ที่ได้รับมอบหมาย แม้ไม่ใช่หน้าที่โดยตรง
จำเลยเป็นข้าราชการอยู่ภายใต้บังคับบัญชาของนายกเทศมนตรีเมืองเพชรบูรณ์และได้รับคำสั่งมอบหมายจากนายกเทศมนตรีให้ไปรับเงินจากศาลมามอบให้เทศบาล แม้จะไม่ใช่หน้าที่ตามตำแหน่งของจำเลยโดยตรง แต่เมื่อจำเลยได้รับมอบหมายให้จัดการแล้ว จำเลยจึงเป็นเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่จัดการเกี่ยวกับเงินที่ได้รับมอบหมายนั้น เมื่อจำเลยมีเจตนาทุจริตเบียดบังเอาเงินนั้นเป็นของตนจำเลยจึงมีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานเบียดบังทรัพย์ที่ได้รับมอบหมายให้มีหน้าที่จัดการเป็นของตนโดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 147

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 298/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ยักยอกทรัพย์ – อายุความ – ยอมความ: การเบียดบังสินค้าคืนจากลูกค้าเป็นความผิดฐานยักยอก การแจ้งความหลังตรวจพบของกลางไม่ขาดอายุความ การรับปากคืนสินค้าไม่ใช่การยอมความ
จำเลยเป็นลูกจ้างขายสินค้าเวชภัณฑ์ ของโจทก์ร่วม ได้รับมอบหมายจากโจทก์ร่วมให้ไปเก็บเงินค่าสินค้ายาและรับสินค้ายาคืนจากลูกค้าจำเลยได้รับสินค้ายามาแล้ว แต่ไม่ยอมส่งมอบให้โจทก์ร่วม กลับนำไปขายต่อให้ลูกค้ารายอื่น อันเป็นการเบียดบังเป็นประโยชน์ส่วนตนโดยทุจริตย่อมมีความผิดฐานยักยอก ว.ตรวจร้านขายยาต่าง ๆ ทำให้ทราบว่าจำเลยรับสินค้ายาคืนมาแล้วไม่นำส่งโจทก์ร่วม จึงแจ้งให้ผู้อำนวยการฝ่ายการเงินของโจทก์ร่วมทราบเมื่อเดือนธันวาคม 2526 แสดงว่าโจทก์ร่วมเพิ่งทราบถึงการกระทำความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิดนับแต่บัดนั้น โจทก์ร่วมร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนเมื่อเดือนมกราคม 2527 คดีจึงไม่ขาดอายุความ ปัญหาว่า ความผิดอาญาระหว่างโจทก์ร่วมกับจำเลยระงับลงโดยการยอมความแล้วหรือไม่เป็นเรื่องอำนาจฟ้องคดีอาญา อันเป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อย แม้จำเลยไม่ได้ยกขึ้นว่ากล่าวมาในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ก็สามารถยกขึ้นฎีกาได้ การที่จำเลยยอมรับว่าจะนำสินค้ายาตามบันทึกรายการสินค้ายาที่รับคืนมาจากลูกค้ามาคืนให้แก่โจทก์ร่วมภายในระยะเวลาที่กำหนดนั้น ไม่ปรากฏว่าโจทก์ร่วมยอมที่จะไม่ดำเนินคดีอาญาแก่จำเลยจึงไม่เป็นการยอมความอันจะทำให้คดีอาญาระงับ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 958/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานเบียดบังทรัพย์: อำนาจหน้าที่และขอบเขตการฟ้องร้อง
จำเลยฎีกาว่ามิได้เบียดบังเงินค่าภาษีบำรุงท้องที่ตามใบเสร็จรับเงินรวม 3 กระทงนั้น เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงและความผิดทั้งสามกระทงดังกล่าว ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำคุกจำเลยกระทงละไม่เกิน 5 ปี จึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรก หนังสือของอธิบดีกรมการปกครองถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดมีข้อความระบุว่า ไม่ควรให้พนักงานบัญชีมาทำหน้าที่จัดเก็บภาษีบำรุงท้องที่เพราะพนักงานบัญชีมีหน้าที่รับเงินภาษีบำรุงท้องที่ที่เก็บได้ตามคู่ฉบับใบเสร็จรับเงินเพื่อลงบัญชีอยู่แล้วเช่นนี้ มิใช่ระเบียบหรือคำสั่งให้ต้องปฏิบัติตาม เป็นเพียงการซักซ้อมความเข้าใจในทางปฏิบัติเกี่ยวกับการจัดเก็บภาษีบำรุงท้องที่เท่านั้น ดังนั้น จำเลยจึงไม่อาจอ้างว่าจำเลยเป็นพนักงานบัญชีไม่มีหน้าที่จัดเก็บภาษีบำรุงท้องที่ตามหนังสือของอธิบดีกรมการปกครองฉบับนี้ได้ การที่จำเลยมีหน้าที่รับเงินจากลูกจ้างชั่วคราวที่ทำหน้าที่รับเงินภาษีบำรุงท้องที่ที่หมวดการคลัง เมื่อรับเงินแล้วก็ต้องมีหน้าที่ลงบัญชีด้วย ถือได้ว่าจำเลยมีหน้าที่จัดการหรือรักษาทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 147 แล้ว ตามคำฟ้องของโจทก์มิได้บรรยายแต่เพียงว่า จำเลยมีหน้าที่เก็บเงินค่าภาษีบำรุงท้องที่จากประชาชนเท่านั้น หากแต่โจทก์ได้บรรยายฟ้องด้วยว่าจำเลยมีหน้าที่ออกใบเสร็จรับเงินแก่ผู้ชำระเงินค่าภาษีบำรุงท้องที่ ลงบัญชีเงินสดและบัญชีแยกประเภท และต้องนำเงินค่าภาษีบำรุงท้องที่ที่จัดเก็บได้ในแต่ละวันไปฝากธนาคารตามระเบียบ สาระสำคัญของคำฟ้องจึงอยู่ที่ว่า จำเลยเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่จัดการหรือรักษาทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 147 เท่านั้น ดังนั้นแม้ทางพิจารณาโจทก์กลับนำสืบว่าจำเลยไม่มีหน้าที่เก็บเงินค่าภาษีบำรุงท้องที่จากประชาชน หน้าที่ดังกล่าวเป็นของหัวหน้าหมวดการคลัง ซึ่งในทางปฏิบัติได้จ้างลูกจ้างชั่วคราวมาทำหน้าที่แทนก็หาเป็นการนำสืบข้อเท็จจริงแตกต่างจากฟ้องไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2729/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดเจ้าพนักงานเบียดบังทรัพย์: การกระทำความผิดฐานละเว้นหน้าที่โดยเจตนาทุจริต ไม่ถือเป็นความผิดหลายกรรม
จำเลยเป็นเจ้าพนักงานตำรวจประจำกองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัด ประจวบคีรีขันธ์ ตำแหน่งหัวหน้าเสมียนคดี มีหน้าที่เก็บรักษาของกลาง จำเลยตรวจรับกัญชาของกลางและลงลายมือชื่อในสำเนาบัญชีของกลางกับสำเนาหนังสือนำส่งของกลางของสถานีตำรวจภูธรอำเภอ ทับสะแก แต่ไม่ลงบัญชีของกลางในคดีอาญาของกองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัด ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อเป็นหลักฐานว่ามีการรับกัญชาของกลางรายนี้แล้ว ต่อมาจำเลยเบียดบังเอากัญชานั้นเป็นของตนหรือผู้อื่นโดยทุจริต การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 การที่จำเลยตรวจรับกัญชาของกลางไว้แล้วไม่นำลงบัญชีของกลางในคดีอาญา ก็โดยเจตนาที่จะเบียดบังเอากัญชานั้นเป็นของตนหรือผู้อื่นโดยทุจริต อันเป็นการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 147 ซึ่งเป็นบทเฉพาะแล้ว จึงไม่เป็นความผิดตามมาตรา 157 อีก.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 480/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานเบียดบังทรัพย์: การแต่งตั้งให้ปฏิบัติงานข้ามสังกัดยังคงมีฐานะเป็นเจ้าพนักงาน
จำเลยทั้งสองเป็นครูโรงเรียนวิสุทธิกษัตรี สังกัดกรมสามัญศึกษาไม่ได้สังกัดกรมการศึกษานอกโรงเรียน แต่จำเลยทั้งสองได้รับแต่งตั้งให้ทำหน้าที่ทางธุรการและการเงินของโรงเรียนผู้ใหญ่วิสุทธิกษัตรี สังกัดกรมการศึกษานอกโรงเรียนซึ่งเป็นหน่วยราชการด้วยกัน ย่อมถือได้ว่าเป็นเจ้าพนักงานและได้ปฏิบัติราชการตามที่ได้รับมอบหมาย เมื่อจำเลยทั้งสองมีเจตนาทุจริตเบียดบังเอาเงินที่ได้รับไว้ตามหน้าที่ไม่จัดการนำส่งประธานกรรมการเก็บรักษาเงินตามระเบียบ จึงเป็นความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงาน เบียดบังทรัพย์โดยทุจริต อันเป็นความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 ซึ่งความผิดดังกล่าวไม่ใช่ความผิดต่อส่วนตัวแม้จะร้องทุกข์เกิน 3 เดือนนับแต่วันรู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิด คดีก็หาขาดอายุความไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 480/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานเบียดบังทรัพย์: การปฏิบัติหน้าที่ราชการแม้ไม่ได้สังกัดหน่วยงานโดยตรง
จำเลยทั้งสองเป็นครูโรงเรียนวิสุทธิกษัตรีสังกัดกรมสามัญศึกษาไม่ได้สังกัดกรมการศึกษานอกโรงเรียนแต่จำเลยทั้งสองได้รับแต่งตั้งให้ทำหน้าที่ทางธุรการและการเงินของโรงเรียนผู้ใหญ่วิสุทธิกษัตรีสังกัดกรมการศึกษานอกโรงเรียนซึ่งเป็นหน่วยราชการด้วยกันย่อมถือได้ว่าเป็นเจ้าพนักงานและได้ปฏิบัติราชการตามที่ได้รับมอบหมายเมื่อจำเลยทั้งสองมีเจตนาทุจริตเบียดบังเอาเงินที่ได้รับไว้ตามหน้าที่ไม่จัดการนำส่งประธานกรรมการเก็บรักษาเงินตามระเบียบจึงเป็นความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานเบียดบังทรัพย์โดยทุจริตอันเป็นความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา147ซึ่งความผิดดังกล่าวไม่ใช่ความผิดต่อส่วนตัวแม้จะร้องทุกข์เกิน3เดือนนับแต่วันรู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิดคดีก็หาขาดอายุความไม่.
of 5