พบผลลัพธ์ทั้งหมด 15 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4381/2540
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงข้อกล่าวหาเรื่องหนี้ค่าขุดดินนอกคำให้การและการขาดอายุความ
จำเลยที่ 1 ให้การสู้คดีเพียงว่าไม่ได้สั่งจ่ายเช็คพิพาทชำระหนี้ค่าขุดดินแก่โจทก์ โจทก์ยืมเช็คพิพาทจากจำเลยที่ 1 ไปชำระหนี้ค่าเช่าซื้อรถเท่านั้นดังนี้ข้อที่จำเลยที่ 1 ฎีกาว่า ตามคำให้การของจำเลยที่ 1 ที่ให้การว่าโจทก์ยืมเช็คของจำเลยที่ 1 หลายฉบับ โดยโจทก์จะทำงานขุดดินให้จำเลยที่ 1 เมื่อหักกลบกันระหว่างค่าจ้างขุดดินกับเช็คฉบับอื่น ๆ แล้ว โจทก์ยังเป็นหนี้จำเลยที่ 1 เป็นข้อที่จำเลยที่ 1 นำสืบไว้ชัดแจ้งและเป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่าเช็คพิพาทเป็นเพียงเช็คที่ยืมไปเท่านั้น ไม่ได้มีหนี้ต่อกันระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 ซึ่งเช็คทุกฉบับเป็นเช็คสั่งจ่ายล่วงหน้าในอนาคต และค่าจ้างที่จำเลยที่ 1 จ้างโจทก์ขุดดินก็เป็นหนี้ในอนาคตเช่นเดียวกัน การที่โจทก์ยังไม่ได้ทำงานขุดดินให้จำเลยที่ 1 หนี้ค่าจ้างขุดดินจึงยังไม่เกิดขึ้น เช็คพิพาทที่โจทก์ยืมไปจึงไม่มีมูลหนี้ จำเลยที่ 1 จึงไม่ต้องรับผิดใช้เงินตามเช็คแก่โจทก์ จึงเป็นเรื่องนอกคำให้การ หาใช่เป็นเรื่องนำสืบประกอบคำให้การไม่ เพราะจำเลยที่ 1 หาได้ให้การว่าโจทก์จะทำงานขุดดินให้จำเลยที่ 1 เพื่อหักกลบกันระหว่างค่าจ้างขุดดินกับเช็คพิพาทและเช็คฉบับอื่น ๆ ไม่ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าเป็นเรื่องนอกคำให้การ ไม่ได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์และไม่รับวินิจฉัยให้ ชอบแล้ว
จำเลยหาได้ให้การกล่าวถึงเหตุแห่งการขาดอายุความให้ปรากฏว่า คดีโจทก์ขาดอายุความเมื่อใดนับแต่วันใดถึงวันฟ้อง คดีขาดอายุความไปแล้วคำให้การจำเลยจึงไม่มีประเด็นในเรื่องอายุความตาม ป.พ.พ.มาตรา 1003
จำเลยหาได้ให้การกล่าวถึงเหตุแห่งการขาดอายุความให้ปรากฏว่า คดีโจทก์ขาดอายุความเมื่อใดนับแต่วันใดถึงวันฟ้อง คดีขาดอายุความไปแล้วคำให้การจำเลยจึงไม่มีประเด็นในเรื่องอายุความตาม ป.พ.พ.มาตรา 1003
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5386/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องเคลือบคลุม – การเปลี่ยนแปลงข้อกล่าวหา – เจตนาจัดหางาน – พ.ร.บ.จัดหางาน
ปัญหาว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุมหรือไม่ เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย จำเลยยกขึ้นอ้างในชั้นฎีกาได้ แม้จะไม่ได้ยกขึ้นในศาลล่างทั้งสอง
คำฟ้องของโจทก์ในตอนแรกที่บรรยายว่าจำเลยกับพวกร่วมกันจัดหางานให้แก่ผู้เสียหายซึ่งประสงค์จะไปทำงานให้แก่นายจ้างที่ประเทศญี่ปุ่น โดยจำเลยกับพวกเรียกและรับเงินค่าบริการเป็นค่าตอบแทนจากผู้เสียหาย โดยจำเลยกับพวกมิได้รับใบอนุญาตจัดหางานจากนายทะเบียนตามกฎหมาย ส่วนคำฟ้องตอนหลังที่บรรยายว่า จำเลยกับพวกสามารถจัดส่งคนหางานไปทำงานยังประเทศญี่ปุ่นได้ความจริงแล้วจำเลยกับพวกไม่ได้รับอนุญาตจัดหางาน และไม่สามารถจัดส่งคนไปทำงานตามที่ได้หลอกลวง เป็นเหตุให้ผู้เสียหายหลงเชื่อตกลงให้จำเลยกับพวกจัดหางานให้ และเป็นเหตุให้จำเลยกับพวกได้ไปซื้อทรัพย์สินจากผู้เสียหาย โดยโจทก์มิได้บรรยายฟ้องยืนยันว่า จำเลยกระทำผิดคราวเดียวกัน 2 ฐาน ปล่อยให้ศาลวินิจฉัยชี้ขาดจากผลการพิจารณาข้อเท็จจริงเอาเอง ทั้งจำเลยให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา แสดงว่าจำเลยเข้าใจข้อกล่าวหาได้ดี ฟ้องโจทก์จึงไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
แม้คำฟ้องตอนแรกบรรยายว่า จำเลยจัดหางานโดยเรียกรับค่าบริการโดยไม่ได้รับอนุญาตจัดหางานจากนายทะเบียนตามกฎหมาย แต่คำฟ้องตอนหลังที่ว่าจำเลยกับพวกได้ร่วมกันหลอกลวงผู้เสียหายด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จว่า จำเลยกับพวกสามารถจัดส่งคนงานไปทำงานยังประเทศญี่ปุ่นได้ความจริงแล้วจำเลยกับพวกไม่สามารถจัดส่งคนไปทำงานในประเทศญี่ปุ่น ตามที่ได้หลอกลวงแต่อย่างใด เป็นการยืนยันข้อเท็จจริงว่า จำเลยไม่มีเจตนาจัดหางานการกระทำของจำเลยตามฟ้องจึงไม่เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.จัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ.2528 มาตรา 30, 82
คำฟ้องของโจทก์ในตอนแรกที่บรรยายว่าจำเลยกับพวกร่วมกันจัดหางานให้แก่ผู้เสียหายซึ่งประสงค์จะไปทำงานให้แก่นายจ้างที่ประเทศญี่ปุ่น โดยจำเลยกับพวกเรียกและรับเงินค่าบริการเป็นค่าตอบแทนจากผู้เสียหาย โดยจำเลยกับพวกมิได้รับใบอนุญาตจัดหางานจากนายทะเบียนตามกฎหมาย ส่วนคำฟ้องตอนหลังที่บรรยายว่า จำเลยกับพวกสามารถจัดส่งคนหางานไปทำงานยังประเทศญี่ปุ่นได้ความจริงแล้วจำเลยกับพวกไม่ได้รับอนุญาตจัดหางาน และไม่สามารถจัดส่งคนไปทำงานตามที่ได้หลอกลวง เป็นเหตุให้ผู้เสียหายหลงเชื่อตกลงให้จำเลยกับพวกจัดหางานให้ และเป็นเหตุให้จำเลยกับพวกได้ไปซื้อทรัพย์สินจากผู้เสียหาย โดยโจทก์มิได้บรรยายฟ้องยืนยันว่า จำเลยกระทำผิดคราวเดียวกัน 2 ฐาน ปล่อยให้ศาลวินิจฉัยชี้ขาดจากผลการพิจารณาข้อเท็จจริงเอาเอง ทั้งจำเลยให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา แสดงว่าจำเลยเข้าใจข้อกล่าวหาได้ดี ฟ้องโจทก์จึงไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
แม้คำฟ้องตอนแรกบรรยายว่า จำเลยจัดหางานโดยเรียกรับค่าบริการโดยไม่ได้รับอนุญาตจัดหางานจากนายทะเบียนตามกฎหมาย แต่คำฟ้องตอนหลังที่ว่าจำเลยกับพวกได้ร่วมกันหลอกลวงผู้เสียหายด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จว่า จำเลยกับพวกสามารถจัดส่งคนงานไปทำงานยังประเทศญี่ปุ่นได้ความจริงแล้วจำเลยกับพวกไม่สามารถจัดส่งคนไปทำงานในประเทศญี่ปุ่น ตามที่ได้หลอกลวงแต่อย่างใด เป็นการยืนยันข้อเท็จจริงว่า จำเลยไม่มีเจตนาจัดหางานการกระทำของจำเลยตามฟ้องจึงไม่เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.จัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ.2528 มาตรา 30, 82
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 249/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงข้อกล่าวหาจากปล้นทรัพย์ฆ่าเป็นลักทรัพย์ และการรับฟังคำซัดทอดของจำเลยร่วม
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสองกับพวกร่วมกันปล้นเอาเงินสดของส.ไปโดยร่วมกันใช้อาวุธมีดปลายแหลมแทง ส. เป็นเหตุให้ ส. ถึงแก่ความตายขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา288,289และ340คดีฟังได้แต่เพียงว่าจำเลยที่2ได้ล้วงเอาเงินสดจากผู้ตายไปจริงอันเป็นความผิดฐานร่วมกับพวกอีกคนหนึ่งลักทรัพย์ของทายาทผู้ตายเท่านั้นข้อเท็จจริงไม่อาจรับฟังเลยไปถึงว่าจำเลยที่2ได้ร่วมกับคนร้ายอื่นชิงทรัพย์หรือปล้นทรัพย์หรือฆ่าผู้ตายตามฟ้องซึ่งความผิดฐานลักทรัพย์เป็นความผิดที่มีการกระทำรวมอยู่ในความผิดฐานปล้นทรัพย์และเป็นความผิดได้อยู่ในตัวเองศาลมีอำนาจลงโทษจำเลยที่2ฐานลักทรัพย์ได้ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา192วรรคท้าย ลำพังแต่คำให้การซัดทอดในชั้นสอบสวนของจำเลยที่2ซึ่งเป็นคนร้ายด้วยกันย่อมไม่อาจฟังลงโทษจำเลยที่1ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3880/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาชิงทรัพย์ vs. ลักทรัพย์หลังต่อสู้ การเปลี่ยนแปลงข้อกล่าวหาและการพิพากษา
ก่อนเกิดเหตุจำเลยที่ 1 โกรธผู้ตาย เพราะเหตุที่ผู้ตายไปตามหาจำเลยที่ 1 เพื่อจะจับกุม จำเลยทั้งสองจึงมาหาผู้ตายโดยจำเลยที่ 1 นำมีดติดตัวมาด้วย เมื่อผู้ตายจะจับกุม จำเลยที่ 1กับผู้ตายจึงเกิดกอดปล้ำแย่งอาวุธปืนกัน จำเลยที่ 1 แย่งอาวุธปืนมาได้จึงยิงผู้ตายล้มลง จำเลยที่ 1 จึงเอาอาวุธปืนของผู้ตายหลบหนีไปด้วยเพื่อประโยชน์ส่วนตัว โดยจำเลยที่ 2 มิได้มีส่วนร่วมอยู่ด้วยจำเลยที่ 1 คงมีความผิดฐานลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยมีอาวุธเท่านั้นไม่มีความผิดฐานชิงทรัพย์ เหตุดังกล่าวเป็นเหตุลักษณะคดีศาลฎีกามีอำนาจพิพากษาตลอดไปถึงจำเลยที่ 2 ซึ่งมิได้อุทธรณ์ฎีกาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213 ประกอบด้วย มาตรา 225
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2161/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงข้อกล่าวหาจากปล้นทรัพย์เป็นชิงทรัพย์เนื่องจากฟ้องไม่ครบองค์ความผิด
ฟ้องโจทก์ที่บรรยายว่าจำเลยทั้งสองมีอาวุธปืนติดตัวไปด้วยและใช้รถยนต์กระบะเป็นยานพาหนะร่วมกันปล้นทรัพย์ของผู้เสียหายนั้นไม่ครบองค์ความผิดฐานปล้นทรัพย์ แม้ทางพิจารณาจะได้ความว่า จำเลยทั้งสองนั่งรถยนต์กระบะซึ่งมีว.เป็นผู้ขับมากระทำความผิด ก็ลงโทษจำเลยทั้งสองฐานปล้นทรัพย์ไม่ได้ แต่ลงโทษฐานชิงทรัพย์ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 146/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาประมาท: การเปลี่ยนแปลงข้อกล่าวหาจากพยายามฆ่าเป็นประมาททำให้ผู้อื่นได้รับอันตราย และผลกระทบต่อการลงโทษ
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยพยายามฆ่าผู้เสียหายโดยเจตนา แต่ข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในทางพิจารณาเป็นเรื่องกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กาย ซึ่งแตกต่างกับฟ้อง และโจทก์ไม่ได้ประสงค์ให้ลงโทษ จึงลงโทษจำเลยฐานประมาทไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1288/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงข้อกล่าวหาจากปล้นทรัพย์เป็นทำร้ายร่างกาย เนื่องจากพยานหลักฐานไม่เพียงพอต่อการพิสูจน์ความผิดฐานปล้นทรัพย์
ฟ้องขอให้ลงโทษฐานปล้นทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 โดยบรรยายฟ้องว่า จำเลยได้ใช้ไม้ตีทำร้ายร่างกายพวกเจ้าทรัพย์ถึงบาดเจ็บด้วย เมื่อคดีฟังไม่ได้ว่าจำเลยปล้นทรัพย์ แต่ฟังได้ว่าจำเลยได้ร่วมกันทำร้ายผู้เสียหาย ดังนี้ ศาลย่อมลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1254/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงข้อกล่าวหาและโทษในคดีฆ่าคนตายจากเจตนาเป็นไม่เจตนา และการพิจารณาโทษ
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 249 ฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยผิดฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา จำคุก 9 ปี ศาลอุทธรณ์คงพิพากษาว่าจำเลยผิดตามมาตรา 251 แต่แก้โทษจำคุกเป็นจำคุก 5 ปี ดังนี้ ถือว่าแก้น้อย ฎีกาข้อเท็จจริงไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 378/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงข้อกล่าวหาจากเจ้ามือเป็นลูกค้าเล่นพนัน: ศาลลงโทษได้เฉพาะความผิดฐานเป็นลูกค้า
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นเจ้ามือเล่นการพนันโปกำ จำเลยให้การรับเพียงแต่เป็นลูกค้าเล่นการพนันโปกำ ดังนี้ ถือว่าข้อเท็จจริงที่ได้ความทางพิจารณาไม่ต่างกับฟ้อง และศาลลงโทษจำเลยเพียงความผิดที่เป็นลูกค้าเล่นการพนันโปกำได้
(อ้างฎีกา 552/89)
(อ้างฎีกา 552/89)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 897/2485
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้คำฟ้องในคดีลักทรัพย์: การเปลี่ยนแปลงข้อกล่าวหา
ในเรื่องลักทรัพย์ โจทก์สืบพยานไปได้ 2 ปากได้ร้องขอแก้โคเป็นกระบือ. เมื่อไม่เป็นเหตุให้จำเลยหลงข้อต่อสู้แล้ว. โจทก์ขอแก้ได้.