คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ภาระการพิสูจน์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 130 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5957/2550

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อจำกัดการฎีกาในข้อเท็จจริง, ภาระการพิสูจน์สัญญาเช่า, สิทธิการครอบครองที่ดิน
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่พิพาทอ้างว่าให้เช่าได้เดือนละ 20,000 บาท ศาลอุทธรณ์กำหนดค่าเสียหายให้เดือนละ 10,000 บาท โจทก์ไม่ฎีกา ถือว่าที่พิพาทอาจให้เช่าได้ในขณะยื่นคำฟ้องไม่เกินเดือนละ 10,000 บาท คดีต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.พ. มาตรา 248 วรรคสอง
โจทก์ฟ้องว่าให้จำเลยอาศัยทำประโยชน์ในที่พิพาท จำเลยให้การยอมรับว่าเข้าทำประโยชน์ไม่ใช่ในฐานะผู้อาศัย แต่ในฐานะผู้เช่าตามสัญญาต่างตอบแทนยิ่งกว่าการเช่าธรรมดาที่ตกลงให้จำเลยเป็นผู้ปลูกสร้างที่พักอาศัยและอาคารเก็บสินค้าด้วยค่าใช้จ่ายของจำเลยแล้วให้จำเลยทำสัญญาเช่าครั้งละ 3 ปี จนครบกำหนด 15 ปี เป็นการที่จำเลยยกข้อเท็จจริงขึ้นต่อสู้ใหม่ ภาระการพิสูจน์ที่จะนำสืบให้เห็นว่าโจทก์ทำสัญญาเช่าที่พิพาทกับจำเลยจริง จึงตกแก่จำเลย เมื่อจำเลยนำสืบไม่ได้ จำเลยจึงไม่มีสิทธิอยู่ในที่ดินพิพาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4527/2550

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภาระการพิสูจน์การชำระหนี้: โจทก์ต้องมีหลักฐานแสดงการชำระหนี้โดยจำเลย มิเช่นนั้นข้ออ้างไม่มีน้ำหนัก
โจทก์นำสืบว่าจำเลยได้ชำระหนี้แก่โจทก์เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2542 จำนวน 2,000 บาท จำเลยนำสืบว่าไม่ได้ชำระ ภาระการพิสูจน์ว่าจำเลยชำระหนี้ให้แก่โจทก์หรือไม่ ย่อมตกแก่โจทก์ซึ่งเป็นผู้กล่าวอ้างตาม ป.วิ.พ. มาตรา 84 แต่โจทก์ไม่มีพยานหลักฐานใดที่แสดงว่าจำเลยเป็นผู้โอนเงินดังกล่าวชำระหนี้แก่โจทก์ ข้ออ้างของโจทก์จึงเป็นการกล่าวอ้างลอย ๆ ไม่มีน้ำหนักน่าเชื่อถือว่าจำเลยได้ชำระหนี้ให้โจทก์ครั้งสุดท้ายในวันดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 360/2563

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2208-2209/2563

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำเลยต้องพิสูจน์การชำระหนี้เพื่อหลุดพ้นจากความรับผิดตามเช็ค แม้มีการอ้างชำระหนี้เกิน แต่ต้องระบุรายละเอียดชัดเจน
คดีนี้จำเลยทั้งสามให้การโดยชัดแจ้งยอมรับว่าจำเลยที่ 1 ที่ 2 กู้ยืมเงินโจทก์หลายครั้งและร่วมกันสั่งจ่ายเช็คพิพาททั้งสองฉบับ โดยมีจำเลยที่ 3 ลงลายมือชื่อสลักหลังเช็คพิพาททั้งสองฉบับส่งมอบแก่โจทก์ แต่ปฏิเสธว่า มีการชำระหนี้การกู้ยืมเงินครั้งก่อน ๆ ไว้เกิน ซึ่งจะต้องนำมาหักกลบลบหนี้ตามเช็คพิพาทในคดีนี้ จำเลยทั้งสามย่อมมีภาระการพิสูจน์ให้รับฟังข้อเท็จจริงเป็นยุติเพื่อให้จำเลยทั้งสามหลุดพ้นจากการชำระหนี้ตามฟ้อง แต่พยานหลักฐานของจำเลยทั้งสามไม่มีน้ำหนักรับฟังให้เป็นยุติสมแก่ภาระการพิสูจน์ตามคำให้การอันจะทำให้จำเลยทั้งสามหลุดพ้นจากความรับผิด ส่วนประเด็นเรื่องดอกเบี้ยเกินอัตรานั้น ในประเด็นนี้โจทก์ฟ้องให้จำเลยชำระหนี้ตามเช็คสองฉบับรวมยอดต้นเงิน 9,000,000 บาท จำเลยทั้งสามอ้างว่าชำระหนี้แล้วโดยการหักกลบ ภาระการพิสูจน์ในปัญหาข้อนี้จึงตกแก่จำเลยทั้งสาม แต่จำเลยทั้งสามนำสืบเพียงรวม ๆ ว่ามีการชำระหนี้โจทก์ไว้เกินจำนวนหนี้ แต่ไม่ชัดว่าเป็นการชำระหนี้ตามเช็คฉบับใด จำนวนเท่าใด จึงยังฟังไม่ได้ตามที่จำเลยทั้งสามอ้าง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1020/2563

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 841/2561

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์สิทธิในทรัพย์มรดก: โจทก์มีภาระการพิสูจน์ว่าที่ดินเป็นทรัพย์มรดก หากไม่มีหลักฐานเพียงพอ ศาลย่อมยกประโยชน์ให้จำเลยผู้ถือกรรมสิทธิ์
จำเลยเป็นผู้มีชื่อถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาททั้งสี่แปลงตามโฉนดที่ดินอันเป็นเอกสารมหาชน ย่อมได้รับประโยชน์จากข้อสันนิษฐานตาม ป.พ.พ. มาตรา 1373 ว่าเป็นผู้มีสิทธิครอบครอง โจทก์กล่าวอ้างว่าจำเลยเป็นผู้มีชื่อในโฉนดที่ดินเพราะเป็นผู้รักษาทรัพย์มรดกไว้แทนโจทก์ โจทก์จึงมีภาระการพิสูจน์นำสืบหักล้างข้อสันนิษฐานของกฎหมายดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8905/2560

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ: การพิสูจน์ความเสียหายและภาระการพิสูจน์
ผู้เอาประกันภัยมีเจตนาว่าจ้างจำเลยที่ 1 ขนส่งสินค้าทางบกจากโรงงานของผู้ผลิตมายังท่าเรือเมืองเจนัว สาธารณรัฐอิตาลี และขนส่งสินค้าทางทะเลจากท่าเรือเมืองเจนัวมายังประเทศไทย อันมีลักษณะเป็นการขนส่งสินค้าโดยมีรูปแบบการขนส่งที่แตกต่างกันสองรูปแบบภายใต้สัญญาขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบฉบับเดียว และจำเลยที่ 1 ตกลงรับดำเนินการ จำเลยที่ 1 จึงมีฐานะเป็นผู้ประกอบการขนส่งต่อเนื่อง แม้จำเลยที่ 1 จะไม่ได้ออกใบตราส่งต่อเนื่องให้แก่ผู้ตราส่ง ก็เป็นเรื่องการละเว้นไม่ปฏิบัติตามที่ พ.ร.บ.การขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ พ.ศ.2548 มาตรา 10 กำหนดไว้เท่านั้น ซึ่งหากผู้ตราส่งเสียหายอย่างไรก็เป็นเรื่องที่ต้องว่ากล่าวกันต่อไป และแม้ใบตราส่งจะไม่ได้ระบุว่าเป็นใบตราส่งต่อเนื่องก็เป็นเรื่องหลักฐานแห่งนิติสัมพันธ์ในการรับขนของไม่มีผลกระทบถึงสัญญาขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบที่ผู้เอาประกันภัยมีเจตนาว่าจ้างจำเลยที่ 1
โจทก์กล่าวอ้างว่าสินค้าที่โจทก์รับประกันภัยไว้สูญหายไประหว่างการขนส่งของจำเลยทั้งสี่ โจทก์จึงมีภาระการพิสูจน์ให้เห็นว่าผู้ผลิตส่งสินค้าที่ผู้เอาประกันภัยสั่งซื้อให้ผู้ประกอบการขนส่งต่อเนื่องครบถ้วนตามจำนวนและสินค้าสูญหายก่อนที่ผู้ประกอบการขนส่งต่อเนื่องจะส่งมอบสินค้าตามคำฟ้อง เมื่อพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมาไม่มีน้ำหนักให้รับฟังว่าสินค้าดังกล่าวสูญหายไประหว่างการขนส่งของจำเลยทั้งสี่ โจทก์จึงไม่อาจรับช่วงสิทธิของผู้เอาประกันภัยเรียกร้องให้จำเลยทั้งสี่รับผิดได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2026/2560

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภาระการพิสูจน์กรรมสิทธิ์ในรถยนต์: ผู้ครอบครองต้องพิสูจน์หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับที่มาของทรัพย์สิน
แม้ผู้ร้องขัดทรัพย์จะมีชื่อเป็นเจ้าของผู้ครอบครองรถยนต์พิพาท แต่ทะเบียนรถยนต์ไม่ใช่หลักฐานแห่งกรรมสิทธิ์ตามกฎหมาย เป็นเพียงหลักฐานที่กำหนดขึ้นเพื่อความสะดวกในการควบคุมของเจ้าพนักงานเท่านั้น ผู้ร้องขัดทรัพย์มีภาระในการนำสืบพิสูจน์ให้เห็นว่ารถยนต์พิพาทเป็นของผู้ร้องขัดทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2858/2564

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภาระการพิสูจน์ในคดีไม้หวงห้าม จำเลยต้องพิสูจน์ที่มาของไม้ หากไม่ได้มาโดยชอบด้วยกฎหมายถือว่าผิด
ที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์มีภาระพิสูจน์ว่าไม้พะยูงของกลางเป็นไม้ที่ขึ้นอยู่ในป่านั้น เห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าจำเลยมีไม้พะยูงอันยังมิได้แปรรูปไว้ในความครอบครองโดยพิสูจน์ไม่ได้ว่าได้มาโดยชอบด้วยกฎหมาย และมีไม้พะยูงแปรรูปไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่ได้รับยกเว้นตามกฎหมาย ขอให้ลงโทษตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 48, 69 และ 73 ตามคำฟ้องโจทก์ดังกล่าว หากจำเลยจะต่อสู้ว่าการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิด จำเลยจะต้องพิสูจน์ให้เห็นได้ว่าไม้ท่อนของกลางเป็นไม้ที่ได้มาโดยชอบด้วยกฎหมายตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 69 วรรคหนึ่ง ส่วนไม้แปรรูปของกลางก็ต้องพิสูจน์ให้เห็นได้ว่าเป็นกรณีเข้าข้อยกเว้นตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 50 (4) เมื่อมาตรา 69 วรรคหนึ่งและมาตรา 50 (4) ได้บัญญัติในเรื่องภาระการพิสูจน์ไว้เป็นการเฉพาะเช่นนี้แล้ว แม้ต่อมาภายหลังศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาแล้วมี พ.ร.บ.ป่าไม้ (ฉบับที่ 8) พ.ศ.2562 มาตรา 4 ให้ยกเลิกความในวรรคหนึ่งของมาตรา 7 แห่ง พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน "มาตรา 7 ไม้ชนิดใดที่ขึ้นในป่าจะให้เป็นไม้หวงห้ามประเภทใด ให้กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา สำหรับไม้ทุกชนิดที่ขึ้นในที่ดินที่มีกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองตามประมวลกฎหมายที่ดิน ไม่เป็นไม้หวงห้าม หรือไม้ที่ปลูกขึ้นในที่ดินที่ได้รับอนุญาตให้ทำประโยชน์ตามประเภทหนังสือแสดงสิทธิที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ให้ถือว่าไม่เป็นไม้หวงห้าม" บทบัญญัติมาตรา 7 วรรคหนึ่งที่แก้ไขใหม่ดังกล่าวก็หามีผลทำให้โจทก์มีภาระพิสูจน์ถึงที่มาของไม้ท่อนและไม้แปรรูปของกลางไม่ แต่ยังคงเป็นภาระของจำเลยที่ได้ประโยชน์จากกฎหมายดังกล่าวในการนำสืบข้อเท็จจริงอันจะทำให้ตนพ้นผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1907/2564

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภาระการพิสูจน์ของจำเลยเมื่ออ้างว่าไม้ประดู่แปรรูปได้มาโดยชอบด้วยกฎหมาย แต่พยานหลักฐานไม่น่าเชื่อถือ
จำเลยฎีกาว่า ไม้ประดู่แปรรูปของกลางจำเลยซื้อมาจากร้อยตำรวจโท ร. เป็นไม้ประดู่แปรรูปมาจากต้นไม้ประดู่ที่ขึ้นอยู่ในที่ดินที่มีกรรมสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายที่ดินจึงไม่เป็นไม้หวงห้ามนั้น เห็นว่า ข้ออ้างตามที่จำเลยยกขึ้นฎีกามาดังกล่าวเป็นการยกข้อกล่าวอ้างที่อยู่ในความรู้เห็นของจำเลยโดยเฉพาะ จำเลยจึงมีภาระการพิสูจน์
of 13