พบผลลัพธ์ทั้งหมด 177 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 434/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องแย้งไม่ชัดเจน: จำเลยต้องแสดงรายการค่าใช้จ่ายที่หักออกจากค่าเช่าให้ชัดเจน จึงจะมีประเด็นสืบได้
คำให้การซึ่งฟ้องแย้งขอให้หักเงินค่าใช้จ่ายหลายประเภทและจำนวนหลายปีนั้นให้แสดงรายการให้ชัดว่าอย่างไหน ปีไหน เป็นเงินเท่าใด มิฉะนั้นเป็นการเคลือบคลุม ศาลสั่งในวันชี้สองสถานว่าเป็นฟ้องแย้งที่เคลือบคลุม ไม่มีประเด็นสืบ
คำให้การในคดีแพ่งที่เคลือบคลุมนั้น แม้จะไม่มีฟ้องแย้งรวมอยู่ด้วย จำเลยก็ไม่มีประเด็นจะสืบ
คำให้การในคดีแพ่งที่เคลือบคลุมนั้น แม้จะไม่มีฟ้องแย้งรวมอยู่ด้วย จำเลยก็ไม่มีประเด็นจะสืบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1659/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประกันภัย: ข้อความในสัญญาชัดเจน ห้ามเปลี่ยนแปลงด้วยพยานบุคคล
สัญญาประกันที่ข้อความในเอกสารปรากฏชัด อีกฝ่ายจะขอสืบพยานบุคคลให้แตกต่างไปกับตัวอักษรไม่ได้
เงินบำเหน็จที่ยึดไว้จากหัวหน้าคนยามซึ่งเป็นคู่สัญญารับเหมาจัดหายามและรับผิดชอบแต่ผู้เดียว ผู้ว่าจ้างจะอ้างว่าเป็นเงินรางวัลสำหรับคนยามอื่นๆ ด้วยไม่ได้
เงินบำเหน็จที่ยึดไว้จากหัวหน้าคนยามซึ่งเป็นคู่สัญญารับเหมาจัดหายามและรับผิดชอบแต่ผู้เดียว ผู้ว่าจ้างจะอ้างว่าเป็นเงินรางวัลสำหรับคนยามอื่นๆ ด้วยไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1472-1473/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อุทธรณ์ต้องระบุประเด็นชัดเจนต่อเนื่องจากอุทธรณ์เดิม ศาลต้องพิจารณาตามประเด็นที่อุทธรณ์
ฟ้องอุทธรณ์หรือฟ้องฎีกาจะต้องตั้งประเด็นตามมาตรา 225 และต้องแสดงเหตุผลประกอบตามมาตรา 172 ป.ม.วิ.แพ่ง
ศาลชั้นต้นสืบพะยานของ ป.สองปากแล้วสั่งงดสืบพะยานของ ป. และพิพากษาให้ ป.แพ้คดี ป.ยื่นอุทธรณ์ว่าศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพะยานไม่ชอบ และว่าพะยานหลักฐานของ ป.เท่าที่สืบมาแล้วควรฟังได้ เพราะเหตุใด ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยแต่เรื่องงดสืบพะยาน แล้วพิพากษาให้ศาลชั้นต้นสืบพะยานต่อไปและพิพากษาใหม่ศาลชั้นต้นสืบพะยานแล้วพิพากษาให้ ป.แพ้คดีตามเดิม ป.ยื่นอุทธรณ์เป็นครั้งที่ 2 บรรยาย การดำเนินคดีมาตั้งแต่ต้นและกล่าวว่า คำพิพากษาศาลชั้นต้นคลาดเคลื่อนต่อเหตุผลและข้อกฎหมายดังที่ ป.ได้ยกเป็นองค์อุทธรณ์ ในคำฟ้องอุทธรณ์เดิมแล้วขอศาลอุทธรณ์ได้ถือเอาคำฟ้องอุทธรณ์ฉะบับเดิมของ ป.มาเป็นองค์อุทธรณ์ในชั้นนี้ทุกประการด้วย ดังนี้เห็นได้ว่า คำฟ้องอุทธรณ์ใหม่ของ ป.ต่อเนื่องมาจากคำฟ้องอุทธรณ์เดิม ไม่ได้อ้างถึงถ้อยคำอื่นในสำนวนเช่นคำแถลงการณ์เป็นต้น แต่ต้องอ้างถึงคำฟ้องอุทธรณ์ด้วยกันและต่อเนื่องกัน จึงเป็นอุทธรณ์ที่ใช้ได้ตามกฎหมาย
ศาลชั้นต้นสืบพะยานของ ป.สองปากแล้วสั่งงดสืบพะยานของ ป. และพิพากษาให้ ป.แพ้คดี ป.ยื่นอุทธรณ์ว่าศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพะยานไม่ชอบ และว่าพะยานหลักฐานของ ป.เท่าที่สืบมาแล้วควรฟังได้ เพราะเหตุใด ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยแต่เรื่องงดสืบพะยาน แล้วพิพากษาให้ศาลชั้นต้นสืบพะยานต่อไปและพิพากษาใหม่ศาลชั้นต้นสืบพะยานแล้วพิพากษาให้ ป.แพ้คดีตามเดิม ป.ยื่นอุทธรณ์เป็นครั้งที่ 2 บรรยาย การดำเนินคดีมาตั้งแต่ต้นและกล่าวว่า คำพิพากษาศาลชั้นต้นคลาดเคลื่อนต่อเหตุผลและข้อกฎหมายดังที่ ป.ได้ยกเป็นองค์อุทธรณ์ ในคำฟ้องอุทธรณ์เดิมแล้วขอศาลอุทธรณ์ได้ถือเอาคำฟ้องอุทธรณ์ฉะบับเดิมของ ป.มาเป็นองค์อุทธรณ์ในชั้นนี้ทุกประการด้วย ดังนี้เห็นได้ว่า คำฟ้องอุทธรณ์ใหม่ของ ป.ต่อเนื่องมาจากคำฟ้องอุทธรณ์เดิม ไม่ได้อ้างถึงถ้อยคำอื่นในสำนวนเช่นคำแถลงการณ์เป็นต้น แต่ต้องอ้างถึงคำฟ้องอุทธรณ์ด้วยกันและต่อเนื่องกัน จึงเป็นอุทธรณ์ที่ใช้ได้ตามกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1472-1473/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอุทธรณ์ต้องชัดเจนและต่อเนื่อง โดยอ้างอิงประเด็นเดิมได้ หากไม่ได้อ้างอิงถ้อยคำอื่นในสำนวน
ฟ้องอุทธรณ์หรือฟ้องฎีกาจะต้องตั้งประเด็นตามมาตรา 225 และต้องแสดงเหตุผลประกอบตามมาตรา 172ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
ศาลชั้นต้นสืบพยานของ ป.สองปากแล้วสั่งงดสืบพยานของป.และพิพากษาให้ป.แพ้คดี ป.ยื่นอุทธรณ์ว่าศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานไม่ชอบ และว่าพยานหลักฐานของ ป.เท่าที่สืบมาแล้วควรฟังได้ เพราะเหตุใด ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยแต่เรื่องงดสืบพยาน แล้วพิพากษาให้ศาลชั้นต้นสืบพยานต่อไปและพิพากษาใหม่ ศาลชั้นต้นสืบพยานแล้วพิพากษาให้ ป.แพ้คดีตามเดิม ป.ยื่นอุทธรณ์เป็นครั้งที่ 2 บรรยายการดำเนินคดีมาตั้งแต่ต้นและกล่าวว่า คำพิพากษาศาลชั้นต้นคลาดเคลื่อนต่อเหตุผลและข้อกฎหมายดังที่ ป. ได้ยกเป็นองค์อุทธรณ์ ในคำฟ้องอุทธรณ์เดิมแล้ว ขอศาลอุทธรณ์ได้ถือเอาคำฟ้องอุทธรณ์ฉบับเดิมของ ป.มาเป็นองค์อุทธรณ์ในชั้นนี้ทุกประการด้วยดังนี้เห็นได้ว่า คำฟ้องอุทธรณ์ใหม่ของ ป.ต่อเนื่องมาจากคำฟ้องอุทธรณ์เดิม ไม่ได้อ้างถึงถ้อยคำอื่นในสำนวนเช่นคำแถลงการณ์เป็นต้น จึงเป็นอุทธรณ์ที่ใช้ได้ตามกฎหมาย แต่อ้างถึงคำฟ้องอุทธรณ์ด้วยกันและต่อเนื่องกัน
ศาลชั้นต้นสืบพยานของ ป.สองปากแล้วสั่งงดสืบพยานของป.และพิพากษาให้ป.แพ้คดี ป.ยื่นอุทธรณ์ว่าศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานไม่ชอบ และว่าพยานหลักฐานของ ป.เท่าที่สืบมาแล้วควรฟังได้ เพราะเหตุใด ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยแต่เรื่องงดสืบพยาน แล้วพิพากษาให้ศาลชั้นต้นสืบพยานต่อไปและพิพากษาใหม่ ศาลชั้นต้นสืบพยานแล้วพิพากษาให้ ป.แพ้คดีตามเดิม ป.ยื่นอุทธรณ์เป็นครั้งที่ 2 บรรยายการดำเนินคดีมาตั้งแต่ต้นและกล่าวว่า คำพิพากษาศาลชั้นต้นคลาดเคลื่อนต่อเหตุผลและข้อกฎหมายดังที่ ป. ได้ยกเป็นองค์อุทธรณ์ ในคำฟ้องอุทธรณ์เดิมแล้ว ขอศาลอุทธรณ์ได้ถือเอาคำฟ้องอุทธรณ์ฉบับเดิมของ ป.มาเป็นองค์อุทธรณ์ในชั้นนี้ทุกประการด้วยดังนี้เห็นได้ว่า คำฟ้องอุทธรณ์ใหม่ของ ป.ต่อเนื่องมาจากคำฟ้องอุทธรณ์เดิม ไม่ได้อ้างถึงถ้อยคำอื่นในสำนวนเช่นคำแถลงการณ์เป็นต้น จึงเป็นอุทธรณ์ที่ใช้ได้ตามกฎหมาย แต่อ้างถึงคำฟ้องอุทธรณ์ด้วยกันและต่อเนื่องกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1012/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การให้การของผู้จำเลยในคดีแพ่งต้องชัดเจน หากไม่ปฏิเสธข้อกล่าวหา ศาลย่อมถือว่าจำเลยรับ
ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 177 วรรคสอง จำเลยต้องให้การโดยชัดแจ้งรวมทั้งเหตุแห่งการนั้นด้วยข้อที่โจทก์กล่าวหาข้อใด จำเลยไม่ปฏิเสธโดยชัดแจ้ง ถือว่าจำเลยให้การรับ (อ้างฎีกาที่ 218/2488)
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยผิดสัญญาเพราะไม่ยอมรับฟืนที่โจทก์ส่งแล้วโดยถูกต้อง จำเลยที่ 1,2 ให้การลอยๆ ว่าโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาหาได้กล่าวไม่ว่า โจทก์ผิดสัญญาด้วยประการใดจึงไม่เป็นการให้การโดยชัดแจ้ง และไม่ได้แสดงเหตุแห่งการนั้นตามมาตรา 177 ส่วนคำให้การของจำเลยที่ 3 เป็นแต่เพียงจำเลยที่ 3 เข้าใจ จำเลยที่ 3 ไม่ได้ต่อสู้โดยชัดแจ้งว่าโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาจึงต้องถือว่าจำเลยทั้ง 3 ไม่ได้เถียงและประเด็นว่า โจทก์ผิดสัญญาหรือไม่ จึงไม่เกิดขึ้น ต้องฟังว่าโจทก์ส่งคืนถูกต้องตามสัญญาแล้วอนึ่งการที่จำเลยที่ 3 ปฏิเสธสัญญาโดยอ้างการตรวจของคณะกรรมการ ซึ่งโจทก์อ้างว่าเป็นการไม่ชอบนี้ หากจำเลยจะโต้เถียงคำของโจทก์ว่าการตรวจและความเห็นของคณะกรรมการชอบแล้วจำเลยก็มีหน้าที่ตามมาตรา 177 ที่จะต้องกล่าวโดยชัดแจ้ง และแสดงเหตุดังได้กล่าวแล้ว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยผิดสัญญาเพราะไม่ยอมรับฟืนที่โจทก์ส่งแล้วโดยถูกต้อง จำเลยที่ 1,2 ให้การลอยๆ ว่าโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาหาได้กล่าวไม่ว่า โจทก์ผิดสัญญาด้วยประการใดจึงไม่เป็นการให้การโดยชัดแจ้ง และไม่ได้แสดงเหตุแห่งการนั้นตามมาตรา 177 ส่วนคำให้การของจำเลยที่ 3 เป็นแต่เพียงจำเลยที่ 3 เข้าใจ จำเลยที่ 3 ไม่ได้ต่อสู้โดยชัดแจ้งว่าโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาจึงต้องถือว่าจำเลยทั้ง 3 ไม่ได้เถียงและประเด็นว่า โจทก์ผิดสัญญาหรือไม่ จึงไม่เกิดขึ้น ต้องฟังว่าโจทก์ส่งคืนถูกต้องตามสัญญาแล้วอนึ่งการที่จำเลยที่ 3 ปฏิเสธสัญญาโดยอ้างการตรวจของคณะกรรมการ ซึ่งโจทก์อ้างว่าเป็นการไม่ชอบนี้ หากจำเลยจะโต้เถียงคำของโจทก์ว่าการตรวจและความเห็นของคณะกรรมการชอบแล้วจำเลยก็มีหน้าที่ตามมาตรา 177 ที่จะต้องกล่าวโดยชัดแจ้ง และแสดงเหตุดังได้กล่าวแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 812/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความชัดเจนของเวลาในฟ้องคดีลักทรัพย์: 18.00 น. เพียงพอต่อการเข้าใจข้อหา
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยลักทรัพย์ เมื่อ วันที่ 6 มิถุนายน 2490 เวลา 18.00 น.ขอให้ลงโทษตามมาตรา 294กฎหมายลักษณะอาญา โดยไม่ได้ระบุว่า เป็นเวลากลางวันหรือกลางคืน ดังนี้เป็นฟ้องที่สมบูรณ์
เวลา 18.00 น. อาจเป็นกลางวันหรือกลางคืนก็ได้
เวลา 18.00 น. อาจเป็นกลางวันหรือกลางคืนก็ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 743/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การระบุสถานที่บุกรุกชัดเจนเพียงพอ แม้ไม่ได้ระบุรายละเอียดทั้งหมด ศาลไม่ถือว่าเป็นฟ้องเคลือบคลุม
ฟ้องกล่าวว่า จำเลยบุกรุกที่นาของนายกูด ภูแซมโชติ ที่ตำบลอีตื้อ อำเภอบางตลาดเขตต์ ศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ และจำเลยได้ให้การแก้คดีว่า เป็นนาซึ่งนางจันทรได้แบ่งและยกให้จำเลย ดังนี้ถือได้ว่า ฟ้องได้ระบุสถานที่ชัดพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยในคดีเข้าใจได้ว่าเป็นนาแห่งใดแล้ว ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 743/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การระบุสถานที่ในฟ้องบุกรุกชัดเจนพอสมควร แม้ไม่ได้ระบุรายละเอียดทั้งหมด
ฟ้องกล่าวว่า จำเลยบุกรุกที่นาของนายกูดภูแซมโชติที่ตำบลอีตื้อ อำเภอยางตลาดเขตศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ และจำเลยได้ให้การแก้คดีว่า เป็นนาซึ่งนางจันทร ได้แบ่งและยกให้จำเลย ดังนี้ ถือได้ว่า ฟ้องได้ระบุสถานที่ชัดพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยในคดีเข้าใจได้ว่าเป็นนาแห่งใดแล้ว ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 419/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การก่อตั้งทรัสต์ต้องมีการยกกรรมสิทธิ์และผูกมัดการใช้ประโยชน์ที่ชัดเจน การสั่งให้ทำบุญทั่วไปไม่ถือเป็นทรัสต์
ที่จะเป็นตรัสต์นั้น ต้องมีข้อความเห็นได้ว่า ยกกรรมสิทธิ์ในทรัพย์ให้ แต่ผูกมัดไว้ว่าผ้ได้รับกรรมสิทธ์นั้นจะตอ้งใช้ทรัพย์นั้นให้เป็นประโยชน์แก่บุคคลใดบุคคลหนี่ง หรือหลายคนอันกำหนดตัวแน่นอนหรือเพื่อสาธารณะกุศลอันแน่นอน การที่สั่งไว้ในพินักรรม์ว่าให้เก็บผลประโยชน์ทรัพย์ของผู้วายชนมไว้สำหรับทำบุญให้ผู้วายชนม์ ต่อไปนั้น เป็นคำที่กว้างไม่แน่นอนว่าอะไร ต้องเข้าใจว่าเพียงแต่ผู้วายชนม์ได้แสดงความประวงค์ไว้เช่นนั้นยังไม่ใช่ตรัสต์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 852/2490
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การวิวาทกลุ่มและการลงโทษตามมาตรา 258 หากฟ้องไม่ชัดเจนถึงการกระทำของจำเลยแต่ละคน
การวิวาทต่อสู้กันระหว่างคนตั้งแต่สามคนขึ้นไปอันเป็นความผิดตามมาตรา 258 นั้น ฝ่ายที่ถูกทำร้ายสาหัสหรือคนที่ถูกทำร้ายสาหัสก็คงมีความผิดตาม มาตรา 258
ในกรณีที่บุคคลตั้งแต่สามคนขึ้นไปวิวาทต่อสู้กันจนบาดเจ็บสาหัสในที่วิวาทต่อสู้นั้น ถ้าฟ้องมิได้บรรยายให้เป็นกิจลักษณะชัดเจนลงไปว่า จำเลยคนใดทำร้ายคนใดมีบาดเจ็บอย่างไรแล้ว แม้จำเลยจะรับสารภาพว่าได้ทำร้ายคู่ต่อสู้คนใดมีบาดเจ็บหรือบาดเจ็บสาหัส ก็ลงโทษตามมาตรา 254, 256 ไม่ได้ ต้องลงโทษตาม มาตรา 258
ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 254,256แต่ตามคำบรรยายฟ้องและทางพิจารณาได้ความว่าเป็นความผิดตาม มาตรา 258 ศาลลงโทษตาม มาตรา 258 ได้
ในคดีที่ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 256,254 นั้น หากตามฟ้องลงโทษตาม มาตรา 256,254ไม่ได้ คงลงโทษจำเลยตาม มาตรา 258 ได้เช่นนี้ แม้จำเลยบางคนจะมิได้อุทธรณ์ฎีกา ศาลสูงก็มีอำนาจที่จะแก้บทลงโทษแก่จำเลยที่มิได้อุทธรณ์ฎีกาขึ้นมาด้วยได้ เพราะเป็นเหตุในส่วนลักษณะคดี
ในกรณีที่บุคคลตั้งแต่สามคนขึ้นไปวิวาทต่อสู้กันจนบาดเจ็บสาหัสในที่วิวาทต่อสู้นั้น ถ้าฟ้องมิได้บรรยายให้เป็นกิจลักษณะชัดเจนลงไปว่า จำเลยคนใดทำร้ายคนใดมีบาดเจ็บอย่างไรแล้ว แม้จำเลยจะรับสารภาพว่าได้ทำร้ายคู่ต่อสู้คนใดมีบาดเจ็บหรือบาดเจ็บสาหัส ก็ลงโทษตามมาตรา 254, 256 ไม่ได้ ต้องลงโทษตาม มาตรา 258
ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 254,256แต่ตามคำบรรยายฟ้องและทางพิจารณาได้ความว่าเป็นความผิดตาม มาตรา 258 ศาลลงโทษตาม มาตรา 258 ได้
ในคดีที่ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 256,254 นั้น หากตามฟ้องลงโทษตาม มาตรา 256,254ไม่ได้ คงลงโทษจำเลยตาม มาตรา 258 ได้เช่นนี้ แม้จำเลยบางคนจะมิได้อุทธรณ์ฎีกา ศาลสูงก็มีอำนาจที่จะแก้บทลงโทษแก่จำเลยที่มิได้อุทธรณ์ฎีกาขึ้นมาด้วยได้ เพราะเป็นเหตุในส่วนลักษณะคดี