พบผลลัพธ์ทั้งหมด 200 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1044/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภาระจำยอมสิ้นสุดเมื่อเจ้าของที่ดินรวมเป็นคนเดียวกัน แม้เคยมีมาก่อน ย่อมไม่เกิดภาระจำยอมโดยอายุความ
ที่ดิน 2 แปลง เมื่อตกได้แก่เจ้าของเดียวกันแล้วแม้หากจะเคยมีภาระจำยอมมาก่อน ภาระจำยอมนั้นก็ย่อมหมดไป และแม้เจ้าของจะใช้ทางผ่านในที่ดินนั้น ก็เป็นเรื่องใช้อำนาจกรรมสิทธิ์ ไม่ใช่ภาระจำยอม ฉะนั้นเมื่อขายที่ดินแปลงหนึ่งให้บุคคลอื่นไปยังไม่ถึง 10 ปีจึงยังไม่มีทางก่อเกิดภาระจำยอมโดยทางอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1401 ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 43-44/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เหตุเพลิงไหม้ทำให้คดีเช่าสิ้นสุด ศาลฎีกายกคำร้องเนื่องจากไม่มีประโยชน์ในการพิจารณาต่อไป
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากตึกเช่าของโจทก์ และเรียกค่าเสียหายศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ขับไล่จำเลยระหว่างจำเลยฎีกา ไฟไหม้ตึกเช่ารายพิพาทหมดสิ้น ดังนี้ เมื่อปรากฏว่าศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายเท่าจำนวนค่าเช่าซึ่งจำเลยจำต้องใช้ให้โจทก์จนเกิดเพลิงไหม้ เมื่อตึกเช่าหมดสิ้นไปจำเลยก็ไม่จำต้องใช้ค่าเสียหายภายหลังจากเพลิงไหม้อีก ไม่มีประโยชน์ที่ศาลฎีกาจะชี้ขาดคดีต่อไปศาลฎีกาย่อมพิพากษาให้ยกฎีกาเสียได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1471/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าเป็นสิทธิเฉพาะตัว สิ้นสุดเมื่อผู้เช่าเสียชีวิต ไม่ตกทอด
การเช่าทรัพย์สินนั้น ปกติฝ่ายผู้ให้เช่าย่อมเพ่งเล็งถึงคุณสมบัติของผู้เช่าว่าจะสมควรได้รับความไว้วางใจในการใช้ทรัพย์ที่เช่าและในการดูแลรักษาทรัพย์ที่เช่าหรือไม่ ฉะนั้นสิทธิของผู้เช่าจึงมีสภาพเป็นการเฉพาะตัว เมื่อผู้เช่าตาย สัญญาเช่าก็เป็นอันระงับ ไม่ตกทอดไปยังทายาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 53/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประกันสิ้นสุดเมื่อจำเลยถูกพิพากษาลงโทษและศาลต้องควบคุมตัว แม้ยังไม่มอบตัว
นายประกันตัวจำเลยซึ่งส่งตัวจำเลยมาฟังคำพิพากษาตามนัด จำเลยมาฟังคำพิพากษาจบและเซ็นนามในหน้าสำนวนแล้วหลบหนีไปในระหว่างที่ผู้พิพากษายังอยู่บนบัลลังก์ ดังนี้ ถือว่าสัญญาประกันเดิมสิ้นสุด นายประกันพ้นความรับผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 270/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าสิ้นสุดเมื่อผู้เช่าย้ายออกถาวร บุคคลภายนอกไม่มีสิทธิอ้างอำนาจผู้เช่าเดิมต่อสู้เจ้าของเคหะ
การที่ผู้เช่าเคหะย้ายไปต่างจังหวัดไม่มีกำหนดกลับจนครบกำหนดเวลาตามสัญญาเช่าแล้ว ถือว่าสัญญาเช่าสิ้นสุดลง บุคคลภายนอกซึ่งเข้ามาอยู่โดยมิได้รับความยินยอมจากผู้ให้เช่า จะอาศัยอำนาจและคำสั่งของผู้ดูแลบ้านแทนผู้เช่าซึ่งสัญญาเช่าสิ้นสุดแล้วนั้น มาต่อสู้อำนาจของผู้ให้เช่า ซึ่งเป็นเจ้าของเคหะมิได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 270/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าสิ้นสุดเมื่อผู้เช่าย้ายออกถาวร บุคคลที่เข้ามาอยู่แทนโดยไม่ได้รับความยินยอม ไม่มีสิทธิในเคหะ
การที่ผู้เช่าเคหะย้ายไปต่างจังหวัดไม่มีกำหนดกลับจนครบกำหนดเวลาตามสัญญาเช่าแล้ว ถือว่า สัญญาเช่าสิ้นสุดลง บุคคลภายนอกซึ่งเข้ามาอยู่โดยมิได้รับความยินยอมจากผู้ให้เช่า จะอาศัยอำนาจและคำสั่งของผู้ดูแลบ้านแทนผู้เช่าซึ่งสัญญาเช่าสิ้นสุดแล้วนั้น มาต่อสู้อำนาจของผู้ให้เช่า ซึ่งเป็นเจ้าของเคหะมิได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 961/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาปราณีประนอมยอมความและการบังคับตามสัญญา หากศาลบังคับตามสัญญาแล้ว ประเด็นเรื่องมรดกย่อมสิ้นสุด
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิที่ดินโฉนดที่ 291 ร่วมกับ ท. ท.ตายมีผู้รับมฤดกส่วนของ ท.ต่อมาเป็นทอด ๆ จนถึง ด. เมื่อ ด. ตาย โจทก์,จำเลยเป็นผู้รับมฤดกของ ด. ร่วมกันและได้ทำสัญญาปราณีประนอมกัน คือ จำเลยยอมแบ่งที่ดินโฉนดที่ 505 ตามเขตต์ที่โจทก์ปกครองให้โจทก์ และโจทก์ยอมให้จำเลยรับมฤดกของ ด.แต่ผู้เดียว บัดนี้จำเลยไม่ยอมปฏิบัติตามสัญญาปราณีประนอม โจทก์จึงฟ้องโดยมีคำขอท้ายฟ้อง ดังนี้
1. ให้จำเลยปฏิบัติตามสัญญาปราณีประนอมยอมความ หรือมิฉะนั้นให้ถอนชื่อจำเลยออกจากโฉนดที่ 291 ในฐานะผู้รับมฤดกของ ด.
2. ขอให้ที่นาส่วนของ ด.เป็นมฤดกตามเดิม
3. แบ่งที่นามฤดกของ ด. ให้โจทก์ครึ่งหนึ่ง
ดังนี้ ต้องแปลว่าโจทก์ขอให้บังคับจำเลยปฏิบัตตามสัญญาปราณีประนอมเป็นข้อต้น ถ้าศาลไม่บังคับให้ จึงขอให้บังคับจำเลยตามคำขอในข้ออื่น ๆ อันเกี่ยวกับมฤดกของ ด. ฉะนั้นเมื่อศาลบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามสัญญาปราณีประนอมแล้ว ก็เป็นอันไม่มีประเด็นจะต้องไปชี้ในเรื่องที่ดินโฉนดที่ 291 อันเกี่ยวกับมฤดกของ ด. อีก.
1. ให้จำเลยปฏิบัติตามสัญญาปราณีประนอมยอมความ หรือมิฉะนั้นให้ถอนชื่อจำเลยออกจากโฉนดที่ 291 ในฐานะผู้รับมฤดกของ ด.
2. ขอให้ที่นาส่วนของ ด.เป็นมฤดกตามเดิม
3. แบ่งที่นามฤดกของ ด. ให้โจทก์ครึ่งหนึ่ง
ดังนี้ ต้องแปลว่าโจทก์ขอให้บังคับจำเลยปฏิบัตตามสัญญาปราณีประนอมเป็นข้อต้น ถ้าศาลไม่บังคับให้ จึงขอให้บังคับจำเลยตามคำขอในข้ออื่น ๆ อันเกี่ยวกับมฤดกของ ด. ฉะนั้นเมื่อศาลบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามสัญญาปราณีประนอมแล้ว ก็เป็นอันไม่มีประเด็นจะต้องไปชี้ในเรื่องที่ดินโฉนดที่ 291 อันเกี่ยวกับมฤดกของ ด. อีก.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 961/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความและการบังคับตามสิทธิในมรดก หากศาลบังคับตามสัญญาประนีประนอมแล้ว ประเด็นเรื่องมรดกย่อมสิ้นสุด
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดที่ 291 ร่วมกับท. ท.ตายมีผู้รับมรดกส่วนของ ท.ต่อมาเป็นทอดๆจนถึงด. เมื่อ ด. ตาย โจทก์,จำเลยเป็นผู้รับมรดกของด ร่วมกันและได้ทำสัญญาประนีประนอมกันคือจำเลยยอมแบ่งที่ดินโฉนดที่ 505 ตามเขตที่โจทก์ปกครองให้โจทก์และโจทก์ยอมให้จำเลยรับมรดกของ ด. แต่ผู้เดียว บัดนี้จำเลยไม่ยอมปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอม โจทก์จึงฟ้องโดยมีคำขอท้ายฟ้อง ดังนี้
1. ให้จำเลยปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความหรือมิฉะนั้นให้ถอนชื่อจำเลยออกจากโฉนดที่ 291 ในฐานะผู้รับมรดกของด.
2. ขอให้ที่นาส่วนของ ด. เป็นมรดกตามเดิม
3. แบ่งที่นามรดกของ ด. ให้โจทก์ครึ่งหนึ่ง
ดังนี้ ต้องแปลว่าโจทก์ขอให้บังคับจำเลยปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมเป็นข้อต้น ถ้าศาลไม่บังคับให้ จึงขอให้บังคับจำเลยตามคำขอในข้ออื่นๆ อันเกี่ยวกับมรดกของ ด.ฉะนั้นเมื่อศาลบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมแล้วก็เป็นอันไม่มีประเด็นจะต้องไปชี้ในเรื่องที่ดินโฉนดที่ 291 อันเกี่ยวกับมรดกของ ด. อีก
1. ให้จำเลยปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความหรือมิฉะนั้นให้ถอนชื่อจำเลยออกจากโฉนดที่ 291 ในฐานะผู้รับมรดกของด.
2. ขอให้ที่นาส่วนของ ด. เป็นมรดกตามเดิม
3. แบ่งที่นามรดกของ ด. ให้โจทก์ครึ่งหนึ่ง
ดังนี้ ต้องแปลว่าโจทก์ขอให้บังคับจำเลยปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมเป็นข้อต้น ถ้าศาลไม่บังคับให้ จึงขอให้บังคับจำเลยตามคำขอในข้ออื่นๆ อันเกี่ยวกับมรดกของ ด.ฉะนั้นเมื่อศาลบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมแล้วก็เป็นอันไม่มีประเด็นจะต้องไปชี้ในเรื่องที่ดินโฉนดที่ 291 อันเกี่ยวกับมรดกของ ด. อีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 587/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจปกครองบุตรบุญธรรม: การสิ้นสุดและการกลับคืนสู่มารดา
นับแต่วันที่เด็กจดทะเบียนเป็นบุตรบุญธรรมของผู้อื่นมารดาของเด็กย่อมหมดอำนาจปกครองตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1586
เมื่อผู้รับบุตรบุญธรรมตายไปแล้วก็ดี เด็กก็ยังเป็นบุตรบุญธรรมของผู้ตายอยู่และอยู่ในสกุลของผู้ตาย
มารดาของเด็กจะได้อำนาจปกครองเด็กอันเป็นบุตรบุญธรรมของคนอื่นคืนมา ก็ต่อเมื่อมีการเลิกรับบุตรบุญธรรมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1588,1589 แต่การตายของผู้รับบุตรบุญธรรมนั้นหาได้ทำให้การรับบุตรบุญธรรมเลิกกันตามบทมาตราทั้งสองดังกล่าวไม่ โจทก์ซึ่งเป็นมารดาของเด็กมาฟ้องเรียกคืนโดยอ้างถึงความมรณะของผู้รับบุตรบุญธรรมนั้น คดีของโจทก์จึงชอบที่จะยกฟ้องเสีย(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 10/92)
เมื่อผู้รับบุตรบุญธรรมตายไปแล้วก็ดี เด็กก็ยังเป็นบุตรบุญธรรมของผู้ตายอยู่และอยู่ในสกุลของผู้ตาย
มารดาของเด็กจะได้อำนาจปกครองเด็กอันเป็นบุตรบุญธรรมของคนอื่นคืนมา ก็ต่อเมื่อมีการเลิกรับบุตรบุญธรรมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1588,1589 แต่การตายของผู้รับบุตรบุญธรรมนั้นหาได้ทำให้การรับบุตรบุญธรรมเลิกกันตามบทมาตราทั้งสองดังกล่าวไม่ โจทก์ซึ่งเป็นมารดาของเด็กมาฟ้องเรียกคืนโดยอ้างถึงความมรณะของผู้รับบุตรบุญธรรมนั้น คดีของโจทก์จึงชอบที่จะยกฟ้องเสีย(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 10/92)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 168/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีหย่าสิ้นสุดเมื่อคู่ความถึงแก่กรรม ศาลจำหน่ายคดีตามกฎหมาย
คดีฟ้องหย่า เมื่อคู่ความฝ่ายใดถึงแก่ความตาย กรณีเป็นเรื่องความมรณะของคู่ความยังให้คดีไม่มีประโยชน์ต่อไป ศาลต้องจำหน่ายคดี.