พบผลลัพธ์ทั้งหมด 242 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 744/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าของรวม & การยึดทรัพย์: สิทธิเจ้าของรวมไม่ตัดสิทธิการบังคับคดีแบ่งทรัพย์สิน
การที่ผู้ร้องขัดทรัพย์อ้างว่าได้แบ่งที่ดินกับจำเลยเป็นสัดส่วนแน่นอนและต่างได้ครอบครองส่วนที่แบ่งกันมาเกิน 10 ปีแล้วนั้นถือว่าผู้ร้องอ้างเจตนาได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์หรือทรัพย์สิทธิอันเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์++ทางอื่นนอกจากนิติกรรมซึ่งโดย ม.1299 วรรค 2 สิทธิของผู้ได้มาคือผู้ร้องหากยังมิได้จดทะเบียนแล้วจะยก++เป็นข้อต่อสู้บุคคลภายนอกคือโจทก์ผู้ได้สิทธิมาโดยเสียค่าตอบแทนและโดยสุจริตและได้จดทะเบียนสิทธิโดยสุจริตแล้วคือรับจำนองที่ดินตามโฉนดนี้ในส่วนของจำเลยไว้โดยมิได้เจาะจงว่าเป็นส่วนไหน ตอนใด หาได้ไม่
ดังนั้นเมื่อได้ความว่าโจทก์เจ้าหนี้จำนองนำยึดที่ดินมีชื่อจำเลยและผู้ร้องเพื่อชำระหนี้ การที่ผู้ร้องร้องคัดค้านว่าที่ดินเป็นของผู้ร้องครึ่งหนึ่งและผู้ร้องกับจำเลยได้แบ่งที่ดินกันครอบครองเป็นสัดส่วนแน่นอนเกินกว่า 10 ปีแล้ว ผู้ร้องจึงขอให้ขายที่ดินที่ยึดมาเฉพาะส่วนของจำเลยนั้น เมื่อข้ออ้างการแบ่งทรัพย์ของผู้ร้องจะยกขึ้นใช้ยันโจทก์ไม่ได้แล้ว ต้องถือว่ากรรมสิทธิของจำเลยผู้ถูกยึดทรัพย์ย่อมครอบไปเหนือที่ดินทั้งหมดและการที่ผู้ร้องร้องขอให้ขายที่ดินเฉพาะส่วนของจำเลยก็ตาม ก็มีผลเท่ากับขอให้ปล่อยทรัพย์ตาม ป.วิ.แพ่ง ม.288 ผู้ร้องจะต้องอ้างว่าลูกหนี้ตามคำพิพากษามิใช่เจ้าของทรัพย์ที่ยึด ผู้ร้องจึงดำเนินคดี+างร้องขัดทรัพย์ไม่ได้ โจทก์นำยึดที่ดินแปลงนี้ทั้งหมดได้ แต่ผู้ร้องย่อมมีทางที่จะเรียกขอให้แบ่งส่วนของตนตามสิทธิของเจ้าของรวมได้ในทางบังคับคดีตาม ป.วิ.แพ่ง ม.287 ดังนัยแห่งคำพิพากษาฎีการที่ 481/2492.
ดังนั้นเมื่อได้ความว่าโจทก์เจ้าหนี้จำนองนำยึดที่ดินมีชื่อจำเลยและผู้ร้องเพื่อชำระหนี้ การที่ผู้ร้องร้องคัดค้านว่าที่ดินเป็นของผู้ร้องครึ่งหนึ่งและผู้ร้องกับจำเลยได้แบ่งที่ดินกันครอบครองเป็นสัดส่วนแน่นอนเกินกว่า 10 ปีแล้ว ผู้ร้องจึงขอให้ขายที่ดินที่ยึดมาเฉพาะส่วนของจำเลยนั้น เมื่อข้ออ้างการแบ่งทรัพย์ของผู้ร้องจะยกขึ้นใช้ยันโจทก์ไม่ได้แล้ว ต้องถือว่ากรรมสิทธิของจำเลยผู้ถูกยึดทรัพย์ย่อมครอบไปเหนือที่ดินทั้งหมดและการที่ผู้ร้องร้องขอให้ขายที่ดินเฉพาะส่วนของจำเลยก็ตาม ก็มีผลเท่ากับขอให้ปล่อยทรัพย์ตาม ป.วิ.แพ่ง ม.288 ผู้ร้องจะต้องอ้างว่าลูกหนี้ตามคำพิพากษามิใช่เจ้าของทรัพย์ที่ยึด ผู้ร้องจึงดำเนินคดี+างร้องขัดทรัพย์ไม่ได้ โจทก์นำยึดที่ดินแปลงนี้ทั้งหมดได้ แต่ผู้ร้องย่อมมีทางที่จะเรียกขอให้แบ่งส่วนของตนตามสิทธิของเจ้าของรวมได้ในทางบังคับคดีตาม ป.วิ.แพ่ง ม.287 ดังนัยแห่งคำพิพากษาฎีการที่ 481/2492.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 744/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแบ่งทรัพย์สินโดยการครอบครองเกิน 10 ปี ไม่สามารถใช้ยันสิทธิโจทก์ผู้รับจำนองได้ ผู้ร้องมีสิทธิเรียกร้องแบ่งทรัพย์ในทางบังคับคดี
การที่ผู้ร้องขัดทรัพย์อ้างว่าได้แบ่งที่ดินกับจำเลยเป็นส่วนสัดแน่นอนและต่างได้ครอบครองส่วนที่แบ่งกันมาเกิน 10 ปีแล้วนั้นถือว่าผู้ร้องอ้างว่าตนได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์หรือทรัพย์สิทธิอันเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์โดยทางอื่นนอกจากนิติกรรมซึ่งโดยมาตรา 1299 วรรคสอง สิทธิของผู้ได้มาคือผู้ร้องหากยังมิได้จดทะเบียนแล้วจะยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้บุคคลภายนอกคือโจทก์ผู้ได้สิทธิมาโดยเสียค่าตอบแทนและโดยสุจริต.และได้จดทะเบียนสิทธิโดยสุจริตแล้วคือรับจำนองที่ดินตามโฉนดนี้ในส่วนของจำเลยไว้โดยมิได้เจาะจงว่าเป็นส่วนไหน ตอนใด หาได้ไม่
ดังนั้นเมื่อได้ความว่าโจทก์เจ้าหนี้จำนองนำยึดที่ดินมีชื่อจำเลยและผู้ร้องเพื่อชำระหนี้ การที่ผู้ร้องร้องคัดค้านว่าที่ดินเป็นของผู้ร้องครึ่งหนึ่งและผู้ร้องกับจำเลยได้แบ่งที่ดินกันครอบครองเป็นส่วนสัดแน่นอนเกินกว่า10 ปี แล้วผู้ร้องจึงขอให้ขายที่ดินที่ยึดมาเฉพาะส่วนของจำเลยนั้นเมื่อข้ออ้างการแบ่งทรัพย์ของผู้ร้องจะยกขึ้นใช้ยันโจทก์ไม่ได้แล้วต้องถือว่ากรรมสิทธิ์ของจำเลยผู้ถูกยึดทรัพย์ย่อมครอบไปเหนือที่ดินทั้งหมดและที่การที่ผู้ร้องร้องขอให้ขายที่ดินเฉพาะส่วนของจำเลยก็ตามก็มีผลเท่ากับขอให้ปล่อยทรัพย์ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 288 ผู้ร้องจะต้องอ้างว่าลูกหนี้ตามคำพิพากษามิใช่เจ้าของทรัพย์ที่ยึด ผู้ร้องจึงดำเนินคดีทางร้องขัดทรัพย์ไม่ได้โจทก์นำยึดที่ดินแปลงนี้ทั้งหมดได้แต่ผู้ร้องย่อมมีทางที่จะเรียกขอให้แบ่งส่วนของตนตามสิทธิของเจ้าของรวมได้ในทางบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 287 ดังนัยแห่งคำพิพากษาฎีกาที่ 981/2492
ดังนั้นเมื่อได้ความว่าโจทก์เจ้าหนี้จำนองนำยึดที่ดินมีชื่อจำเลยและผู้ร้องเพื่อชำระหนี้ การที่ผู้ร้องร้องคัดค้านว่าที่ดินเป็นของผู้ร้องครึ่งหนึ่งและผู้ร้องกับจำเลยได้แบ่งที่ดินกันครอบครองเป็นส่วนสัดแน่นอนเกินกว่า10 ปี แล้วผู้ร้องจึงขอให้ขายที่ดินที่ยึดมาเฉพาะส่วนของจำเลยนั้นเมื่อข้ออ้างการแบ่งทรัพย์ของผู้ร้องจะยกขึ้นใช้ยันโจทก์ไม่ได้แล้วต้องถือว่ากรรมสิทธิ์ของจำเลยผู้ถูกยึดทรัพย์ย่อมครอบไปเหนือที่ดินทั้งหมดและที่การที่ผู้ร้องร้องขอให้ขายที่ดินเฉพาะส่วนของจำเลยก็ตามก็มีผลเท่ากับขอให้ปล่อยทรัพย์ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 288 ผู้ร้องจะต้องอ้างว่าลูกหนี้ตามคำพิพากษามิใช่เจ้าของทรัพย์ที่ยึด ผู้ร้องจึงดำเนินคดีทางร้องขัดทรัพย์ไม่ได้โจทก์นำยึดที่ดินแปลงนี้ทั้งหมดได้แต่ผู้ร้องย่อมมีทางที่จะเรียกขอให้แบ่งส่วนของตนตามสิทธิของเจ้าของรวมได้ในทางบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 287 ดังนัยแห่งคำพิพากษาฎีกาที่ 981/2492
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 303/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยินยอมโดยปริยายและการสละสิทธิเรียกร้องของผู้เยาว์ในกรรมสิทธิ์รวม
ระหว่างเป็นผู้เยาว์โจทก์มีกรรมสิทธิ์ร่วมในห้องพิพาทร่วมกับจำเลยที่ 2 เมื่อจำเลยที่ 2 ได้ขายห้องพิพาทนี้โดยจำเลยที่ 2 มิได้แสดงกรรมสิทธิรวมแต่ประการใดโจทก์ก็ได้ลงนามรับรองในหนังสือซื้อขายนั้นด้วย ต่อมาจำเลยที่ 1 ได้ฟ้องขับไล่บุคคลภายนอกออกจากห้องพิพาทจนได้คืนห้องพิพาทมาโจทก์มิได้คัดค้าน แสดงว่าโจทก์ได้จงใจและละเลยให้จำเลยที่ 1 แสดงตนเป็นเจ้าของห้องพิพาทมาตั้งแต่ต้น กระทำให้จำเลยที่ 1 หลงผิดว่าห้องพิพาทเป็นของจำเลยที่ 2 ดังนั้น โจทก์จะอ้างสิทธิแห่งความเป็นผู้เยาว์ทำเพิกถอนการซื้อขายห้องพิพาทระหว่างจำเลยทั้งสอง และขอให้ศาลสั่งว่าโจทก์มีกรรมสิทธิคนละครึ่งกับจำเลยที่ 2 ย่อมไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 972/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแบ่งทรัพย์สินร่วม (ที่ดิน) โดยศาลเมื่อตกลงกันไม่ได้ ศาลมีอำนาจแบ่งตามส่วนโดยมิชักช้า
ที่ดินหลายโฉนดแต่ติดต่อเป็นผืนเดียวกัน แต่ละโฉนดเป็นของเจ้าของร่วมสองคนเมื่อศาลเห็นว่าการแบ่งที่ดินอาจทำได้โดยไม่เสียหายศาลอาจสั่งให้แบ่งให้เจ้าของร่วมคนหนึ่งได้ที่ดินโฉนดหนึ่งทั้งโฉนด และให้อีกคนหนึ่งได้อีกสองโฉนดก็ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 972/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแบ่งทรัพย์สินรวม (ที่ดิน) ศาลมีอำนาจสั่งแบ่งตามส่วนโดยมิทำให้เสียหายแก่ทรัพย์สิน หรือชดใช้เป็นเงิน
ที่ดินหลายโฉนดแต่ติดต่อเป็นผืนเดียวกัน แต่ละโฉนดเป็นของเจ้าของร่วมสองคน เมื่อศาลเห็นว่าการแบ่งที่ดินอาจทำได้โดยไม่เสียหาย ศาลอาจสั่งให้แบ่งให้เจ้าของร่วมคนหนึ่งได้ที่ดินโฉนดหนึ่งทั้งโฉนด และให้อีกคนหนึ่งได้อีกสองโฉนดก็ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1138/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแบ่งทรัพย์สินร่วมโดยความยินยอม และผลของการลงชื่อรับรองหลักเขตใหม่แทนการอ้างการครอบครองเดิม
เมื่อเจ้าของร่วมต่างพร้อมใจกันสละสิทธิเรื่องการครอบครองเป็นส่วนสัดซึ่งปกครองมาแต่เดิมเสีย โดยนำเจ้าพนักงานมาแต่เดิมเสีย โดยนำเจ้าพนักงานรังวัดแนวเขตระหว่างผันและให้ปักหลักเขตชื่นใหม่โดยเจตนาแบ่งที่ดินกันตามนั้น แล้วต่างได้ลงชื่อรับรองว่าหลักเขตที่เจ้าพนักงานปักไว้นั้นเป็นหมายเขตที่ดินส่วนของตน ใบรับรองเขตติดต่อของเจ้าของที่ดินดังกล่าวนี้เป็นหลักฐานซึ่งเจ้าของรวมได้ทำไว้เป็นหนังสือยืนยันขอสัญญารวมได้ทำไว้เป็นหนังสือยืนยันข้อสัญญาในการแบ่งแยกที่ดิน พฤติการณ์ดังกล่าวจึงเป็นเรื่องที่เจ้าของกรรมสิทธิ์ร่วมตกลงแบ่งทรัพย์กันเองตาม ป.พ.พ.ม. 1364 จะกลับมาฟ้องขอให้แบ่งตามส่วนที่ได้ปกครองมาแต่เดิมไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1138/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแบ่งทรัพย์สินร่วมโดยความยินยอม และผลของการสละสิทธิครอบครองเดิม
เมื่อเจ้าของร่วมต่างพร้อมใจกันสละสิทธิ เรื่องการครอบครองเป็นส่วนสัดซึ่งปกครองมาแต่เดิมเสีย โดยนำเจ้าพนักงานรังวัดแนวเขตระหว่างกันและให้ปักหลักเขตขึ้นใหม่โดยเจตนาแบ่งที่ดินกันตามนั้น แล้วต่างได้ลงชื่อรับรองว่าหลักเขตที่เจ้าพนักงานปักไว้นั้นเป็นหมายเขตที่ดินส่วนของตน ใบรับรองเขตติดต่อของเจ้าของที่ดินดังกล่าวนี้เป็นหลักฐานซึ่งเจ้าของรวมได้ทำไว้เป็นหนังสือยืนยันข้อสัญญาในการแบ่งแยกที่ดิน พฤติการณ์ดังกล่าวนี้จึงเป็นเรื่องที่เจ้าของกรรมสิทธิ์รวมตกลงแบ่งทรัพย์กันเองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1364 จะกลับมาฟ้องขอให้แบ่งตามส่วนที่ได้ปกครองมาแต่เดิมไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 254/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์และสิทธิในมรดก ศาลวินิจฉัยแบ่งทรัพย์สินตามส่วนเมื่อข้ออ้างไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริง
โจทก์ฟ้องว่า นาพิพาทมารดายกให้ และโจทก์ได้ครอบครองโดยปรปักษ์มากว่า 10 ปี ขอให้ศาลแสดงว่าเป็นกรรมสิทธิของโจทก์แต่ทางพิจารณาได้ความว่า นาพิพาทตกเป็นมรดกได้แก่โจทก์จำเลยและโจทก์ก็มิได้ ได้สิทธิในทางครอบครองปรปักษ์ดังนี้ศาลย่อมวินิจฉัยให้แบ่งกันได้ตามส่วน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1048/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแบ่งทรัพย์สินตามคำพิพากษา: ศาลมีอำนาจสั่งขายทอดตลาดหากตกลงแบ่งไม่ได้
ป.ม.แพ่ง ม.1364 ไม่ใช่บทบังคับว่าศาลจำต้องสั่งให้มีการแบ่งตัวทรัพย์ที่พิพาทกันเสมอไป
ศาลได้พิพากษาให้แบ่งที่พิพาทระหว่างโจทก์จำเลยตามส่วน ถ้าไม่สามารถแบ่งได้ ให้ประมูลราคาระหว่างโจทก์จำเลย แล้วแบ่งเงินกันหากยังไม่ตกลงกันได้อีกก็ให้ ขายทอดตลาดแบ่งเงินดังนี้ เมื่อโจทก์จำเลยไม่สามารถตกลงกันได้ทั้งในเรื่องที่ดินและประมูลราคากัน ศาลก็ต้องสั่งให้ขายทอดตลาดเอาเงินแบ่งกัน
ศาลได้พิพากษาให้แบ่งที่พิพาทระหว่างโจทก์จำเลยตามส่วน ถ้าไม่สามารถแบ่งได้ ให้ประมูลราคาระหว่างโจทก์จำเลย แล้วแบ่งเงินกันหากยังไม่ตกลงกันได้อีกก็ให้ ขายทอดตลาดแบ่งเงินดังนี้ เมื่อโจทก์จำเลยไม่สามารถตกลงกันได้ทั้งในเรื่องที่ดินและประมูลราคากัน ศาลก็ต้องสั่งให้ขายทอดตลาดเอาเงินแบ่งกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1048/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแบ่งทรัพย์สินพิพาท: ศาลไม่บังคับต้องแบ่งเสมอไป หากคู่ความไม่ตกลง สามารถขายทอดตลาดได้
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1364 ไม่ใช่บทบังคับว่าศาลจำต้องสั่งให้มีการแบ่งตัวทรัพย์ที่พิพาทกันเสมอไป
ศาลได้พิพากษาให้แบ่งที่พิพาทระหว่างโจทก์จำเลยตามส่วนถ้าไม่สามารถแบ่งได้ ให้ประมูลราคาระหว่างโจทก์จำเลยแล้วแบ่งเงินกัน หากยังไม่ตกลงกันได้อีก ก็ให้ขายทอดตลาดแบ่งเงิน ดังนี้ เมื่อโจทก์จำเลยไม่สามารถตกลงกันได้ทั้งในเรื่องแบ่งที่ดินและประมูลราคากัน ศาลก็ต้องสั่งให้ขายทอดตลาดเอาเงินแบ่งกัน
ศาลได้พิพากษาให้แบ่งที่พิพาทระหว่างโจทก์จำเลยตามส่วนถ้าไม่สามารถแบ่งได้ ให้ประมูลราคาระหว่างโจทก์จำเลยแล้วแบ่งเงินกัน หากยังไม่ตกลงกันได้อีก ก็ให้ขายทอดตลาดแบ่งเงิน ดังนี้ เมื่อโจทก์จำเลยไม่สามารถตกลงกันได้ทั้งในเรื่องแบ่งที่ดินและประมูลราคากัน ศาลก็ต้องสั่งให้ขายทอดตลาดเอาเงินแบ่งกัน