คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
กระทำผิด

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 237 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 775/2544 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำผิดหลายกรรมต่างกัน: เจตนาบุกรุกและทำร้ายร่างกายผู้เสียหาย แม้เกิดต่อเนื่องกัน
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 297 (8) กระทงหนึ่ง และมาตรา 365 (3) ประกอบมาตรา 364 อีกกระทงหนึ่ง ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า เป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท และปรับบทลงโทษตาม ป.อ. มาตรา 297 (8) ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด เป็นกรณีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เพียงว่า การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทอันเป็นการแก้ไขเล็กน้อย และให้ลงโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.อ. มาตรา 218 วรรคหนึ่ง
จำเลยบุกรุกเข้าไปในเคหสถานของผู้เสียหายที่ 1 โดยมีเจตนาอันเดียวคือ มุ่งหมายที่จะทำร้ายผู้เสียหายที่ 1 การที่ผู้เสียหายที่ 3 ซึ่งอยู่คนละบ้านกับผู้เสียหายที่ 1 ได้ยินเสียงผู้เสียหายที่ 2 บุตรผู้เสียหายที่ 1 ร้องไห้ ผู้เสียหายที่ 3 จะเข้ามาอุ้มผู้เสียหายที่ 2 จำเลยจึงใช้ไม้รวกตีผู้เสียหายที่ 3 จนแขนหัก เจตนาทำร้ายผู้เสียหายที่ 3 เพิ่งเกิดขึ้นภายหลัง แยกออกจากเจตนาบุกรุกได้ จึงเป็นการกระทำสองกรรมต่างกันตาม ป.อ. มาตรา 91 หาใช่เป็นการกระทำต่อเนื่องกันโดยมีเจตนาเดียวเพื่อทำร้ายร่างกายผู้เสียหายที่ 3 ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6984/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ตัวการร่วมข่มขืนโทรมหญิง แม้ไม่ได้ลงมือจับกุม แต่มีส่วนสำคัญในการกระทำผิด
จำเลยชักพาผู้เสียหายและ ส. คนรักผู้เสียหายไปยังกระท่อมต่อมา ส. กลัวว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีจึงคิดจะกลับ ขณะที่ ส. กำลังติดเครื่องรถจักรยานยนต์และผู้เสียหายจะนั่งซ้อนท้าย จำเลยได้เข้ามาล็อกคอผู้เสียหายลากลงมาและกอดปล้ำผู้เสียหาย จากนั้นมี ต., จ., ช. เข้ามาจับแขนขาพาไปที่แคร่ข้างกระท่อมช่วยกันถอดกางเกงผู้เสียหายแล้วต. ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายเป็นคนแรกโดยมี ช. ช่วยจับแขนขาผู้เสียหาย ระหว่างนี้จำเลยซึ่งอยู่บริเวณแคร่ได้ตะโกนบอกให้ จ. ไปตามหา ส. ซึ่งหนีออกไปหาคนช่วยเหลือแล้วจำเลยและ จ. วิ่งออกไปสะกัดกั้นมิให้ ส. ไปร้องขอความช่วยเหลือได้ หลังจาก ต. กระทำชำเราเสร็จแล้ว ช. ได้กระทำชำเราเป็นคนต่อไป ดังนี้ แม้จำเลยจะมิได้ช่วยจับแขนขาผู้เสียหายระหว่างที่ ต. หรือ ช. ทำการกระทำชำเราแต่การกระทำของจำเลยดังกล่าวนับได้ว่าเป็นตัวการในการร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายอันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 วรรคสอง แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6774/2542 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจริบทรัพย์สินจากการกระทำผิด: แม้ได้มาจากการกระทำผิดก่อนถูกจับกุม
ในการจับจำเลยซึ่งเป็นผู้จำหน่ายเมทแอมเฟตามีนในคดีนี้ให้แก่สายลับ เจ้าพนักงานตำรวจตรวจค้นพบธนบัตรของกลาง ที่จำเลยได้มาจากการจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนจำนวนอื่นไปก่อนหน้าที่จำเลยจะถูกจับในคดีนี้ด้วยและตาม ป.อ.มาตรา 33 (2) บัญญัติให้ศาลมีอำนาจสั่งให้ริบทรัพย์สินซึ่งบุคคลได้มาโดยได้กระทำความผิดด้วย เมื่อธนบัตรของกลางเป็นทรัพย์ที่จำเลยได้มาจากการจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนอันเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย แม้การกระทำดังกล่าวจะเกิดขึ้นก่อนหน้าที่จำเลยจะถูกจับในคดีนี้ ศาลก็มีอำนาจริบได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6774/2542

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจริบทรัพย์สินที่ได้จากการกระทำผิด แม้การกระทำผิดเกิดขึ้นก่อนการจับกุม
ในการจับจำเลยซึ่งเป็นผู้จำหน่ายเมทแอมเฟตามีนในคดีนี้ให้แก่สายลับ เจ้าพนักงานตำรวจตรวจค้นพบธนบัตรของกลาง ที่จำเลยได้มาจากการจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนจำนวนอื่นไปก่อนหน้าที่จำเลยจะถูกจับในคดีนี้ด้วยและตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33(2) บัญญัติให้ศาลมีอำนาจสั่งให้ริบทรัพย์สินซึ่งบุคคลได้มาโดยได้กระทำความผิดด้วย เมื่อธนบัตรของกลางเป็นทรัพย์ที่จำเลยได้มาจากการจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนอันเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย แม้การกระทำดังกล่าวจะเกิดขึ้นก่อนหน้าที่จำเลยจะถูกจับในคดีนี้ ศาลก็มีอำนาจริบได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5198/2542

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การคืนรถเช่าซื้อของกลาง: สิทธิเจ้าของแท้จริง ผู้เช่าซื้อกระทำผิด ไม่ถือเป็นการสนับสนุนความผิดหรือใช้สิทธิโดยไม่สุจริต
พ. หุ้นส่วนผู้จัดการของผู้ร้องยื่นเอกสารต่อรองผู้กำกับหัวหน้าสถานีตำรวจภูธรอำเภอ แม้ในเอกสารจะมีข้อความว่าขอท่านได้โปรดมีคำสั่งคืนรถจักรยานยนต์ที่เจ้าพนักงานตำรวจยึดมาให้แก่ผู้ร้องด้วย การยื่นเอกสารดังกล่าวหาใช่เป็นการขอคืนของกลางตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 36 แต่อย่างใดไม่ นอกจากนี้เอกสารดังกล่าวผู้ร้องได้ยืนยันว่ารถจักรยานยนต์ที่เจ้าพนักงานตำรวจยึดมาเป็นของผู้ร้องผู้ร้องมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำผิดที่เกิดขึ้นก็เป็นเรื่องที่ผู้ร้องยืนยันถึงสิทธิของผู้ร้องในรถจักรยานยนต์ของกลาง และแม้จะได้ความว่าหลังจากทราบว่าได้ใช้รถจักรยานยนต์ในการกระทำผิดแล้วผู้ร้องยังรับชำระค่าเช่าซื้อจากผู้เช่าซื้ออีก 4 งวดและเพิ่งจะมาบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2540 แต่ศาลชั้นต้นก็พิพากษาให้ริบรถจักรยานยนต์เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2540 พฤติการณ์ดังกล่าวก็ยังไม่มีเหตุที่จะฟังว่าผู้ร้องขอคืนรถของกลางเป็นการกระทำเพื่อประโยชน์ของบุคคลอื่นและเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตแต่ประการใดไม่ การที่โจทก์ฎีกาว่า ผู้ร้องได้มอบรถจักรยานยนต์ไปโดยยังไม่ได้จดทะเบียนโอนเป็นการสนับสนุนให้มีการกระทำผิดกฎหมายและหากมีผู้นำรถจักรยานยนต์ไปกระทำความผิดกฎหมาย ย่อมเป็นการยากที่เจ้าพนักงานตำรวจจะทำการสอบสวนหาตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษ ฎีกาของโจทก์ไม่ถือว่าพฤติการณ์ของผู้ร้องเช่นนี้ เป็นการขอคืนของกลางที่เป็นการกระทำเพื่อประโยชน์ของบุคคลอื่น เพราะเป็นการคาดการณ์ที่ไกลเกินเหตุเนื่องจากในเรื่องเช่าซื้อรถจักรยานยนต์นี้เมื่อมีการทำสัญญาเช่าซื้อกันเป็นหนังสือตลอดจนมีการค้ำประกันแล้ว ผู้ให้เช่าซื้อก็จะส่งมอบรถจักรยานยนต์ที่เช่าซื้อให้แก่ผู้เช่าซื้อไป เป็นกรณีที่ปฏิบัติกันเป็นปกติธรรมดาโดยทั่วไป หาใช่เป็นการผิดธรรมดาวิสัยแต่อย่างใดไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1159/2542 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ทรัพย์สินจากการกระทำผิด: ศาลริบเงินจากการจำหน่ายยาเสพติด แม้ไม่ใช่ของกลางในคดีปัจจุบัน
เจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยทั้งสองได้พร้อมกับยึดได้เงินสดของกลาง จากจำเลยที่ 1 และในชั้นจับกุม จำเลยที่ 1 รับว่าเงินสดของกลางจำเลยที่ 1 ได้มาจากการจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนก่อนที่ถูกจับในคดีนี้ เงินสดของกลางจึงเป็นทรัพย์สินซึ่งจำเลยที่ 1 ได้มาโดยการกระทำความผิดเพราะการจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนอันเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย แม้จะไม่ได้มาโดยการจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนในคดีนี้โดยตรงก็ตาม ศาลก็มีอำนาจริบเงินสดของกลางดังกล่าวได้ตาม ป.อ.มาตรา 33 (2)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 743/2541

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำผิดโดยบันดาลโทสะ: พิจารณาจากเหตุการณ์ต่อเนื่องและโทสะของผู้กระทำ
การที่ผู้ตายเอาเบียร์จากโต๊ะของจำเลยที่ 1 ไปดื่มโดยพลการ จนผู้ตายและจำเลยที่ 1 ทะเลาะกัน เมื่อ ป.เข้าห้าม ผู้ตายก็เดินไปทางปากซอยส่วนจำเลยที่ 1กลับไปนั่งดื่มเบียร์ต่อที่โต๊ะ แต่ผู้ตายยังไม่ยอมเลิกแล้วต่อกันกลับไปท้าท้ายจำเลยที่ 1 ให้ชกต่อยกันอีกจึงถือได้ว่าจำเลยทั้งสองถูกผู้ตายข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม การที่จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้มีดแทงผู้ตายในเวลาเกี่ยวเนื่องใกล้ชิดกันจึงเป็นการกระทำผิดโดยบันดาลโทสะ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72 การกระทำผิดโดยบันดาลโทสะต้องพิจารณาว่า ขณะนั้นโทสะของผู้กระทำผิดหมดสิ้นไปแล้วหรือหาไม่ โดยพิจารณาจากพฤติการณ์อื่นประกอบ การที่จำเลยทั้งสองบันดาลโทสะจึงวิ่งไล่แทงผู้ตาย และจำเลยที่ 2 แทงผู้ตายได้ในที่สุดเป็นเหตุการณ์ต่อเนื่องกันย่อมแสดงว่าขณะผู้ตายหนีต่อไปไม่ได้และใช้โต๊ะขึ้นกันนั้นโทสะของจำเลยทั้งสองยังไม่หมดสิ้นไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6603/2541

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ร่วมกันวิ่งราวทรัพย์: เจตนาในการกระทำผิดร่วมกันตั้งแต่ก่อนลงมือ
ขณะเกิดเหตุมีคนร้ายลักเงินสดจำนวน 1,400 บาทของผู้เสียหายไปโดยสุจริต และโดยฉกฉวยไปซึ่งหน้าผู้เสียหาย การที่จำเลยทั้งสองได้วิ่งไปพร้อมกับม. คนร้ายอีกคนหนึ่ง ในช่วงระยะเวลาที่คนร้ายได้หยิบเงินของผู้เสียหายโดยฉกฉวยไป แม้ไม่ปรากฏว่าผู้ใดเป็นคนที่หยิบเงินของผู้เสียหายไปก็ตาม แต่เมื่อจำเลยทั้งสองหรือม. คนใดคนหนึ่งเป็นผู้หยิบเงินของผู้เสียหายไป โดยก่อนการกระทำผิด จำเลยทั้งสองกับม. ได้เดินผ่านหน้าร้านของผู้เสียหายหลายรอบ แล้วแยกกัน อยู่ด้านหน้าและด้านหลังของผู้เสียหาย จากนั้นจึงลงมือ กระทำผิดแล้วพากันวิ่งหนีพร้อมกันไปเช่นนี้ แสดงให้เห็นชัดแจ้งว่าจำเลยทั้งสองกับ ม. มีเจตนาร่วมกันกระทำผิดมาตั้งแต่เริ่มก่อนการกระทำผิดแล้ว จำเลยทั้งสอง จึงเป็นตัวการในการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 336ประกอบมาตรา 83

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1289/2541 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลริบทรัพย์สินที่ได้จากการกระทำผิด: เงินที่ได้จากการขายยาเสพติด
จำเลยจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนจำนวน 20 เม็ด ให้แก่สายลับผู้ล่อซื้อ กับจำเลยมีเมทแอมเฟตามีนที่เหลือจากการขายอีกจำนวน 150 เม็ด ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย น้ำหนักรวมกันทั้งหมด 15.25 กรัม เจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลย และยึดได้ธนบัตรจำนวน 44,000 บาท ซึ่งเป็นธนบัตรที่จำเลยได้มาจากการจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนให้แก่ผู้ซื้อรายอื่นไป เมื่อ ป.อ.มาตรา 33 (2) บัญญัติให้ในการริบทรัพย์สิน นอกจากศาลจะมีอำนาจริบตามกฎหมายที่บัญญัติไว้โดยเฉพาะแล้ว ให้ศาลมีอำนาจสั่งให้ริบทรัพย์สินซึ่งบุคคลได้มาโดยได้กระทำความผิดด้วย ดังนี้ เมื่อธนบัตรจำนวน 44,000 บาท เป็นเงินที่จำเลยได้มาจากการจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนจำนวนอื่นไปก่อนหน้าที่จำเลยถูกจับในคดีนี้ กรณีจึงเป็นทรัพย์สินซึ่งจำเลยได้มาโดยได้กระทำความผิด ซึ่งศาลมีอำนาจริบเงินของกลางจำนวนดังกล่าวนี้ได้ตาม ป.อ.มาตรา 33 (2)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5240/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สนับสนุนการพยายามฆ่า: การกระทำที่ช่วยให้ผู้อื่นกระทำผิดสำเร็จ
จำเลยที่ 1 กระทำผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่น การที่จำเลยที่ 2นำอาวุธปืนของกลางของมารดาจำเลยที่ 2 มาจากบ้านแล้วจำเลยที่ 1 ใช้อาวุธปืนดังกล่าวกระทำผิดจ่อยิงผู้เสียหายที่ 1 และขณะที่พวกจำเลยที่ 2 ขับรถจักรยานยนต์ไล่ติดตามผู้เสียหายทั้งสองนั้น จำเลยที่ 2 เป็นคนขับรถจักรยานยนต์โดยให้จำเลยที่ 1 นั่งซ้อนท้าย ดังนี้ พฤติการณ์เป็นที่ชัดแจ้งว่า จำเลยที่ 2 เป็นผู้ช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการที่จำเลยที่ 1 กระทำผิด จำเลยที่ 2 จึงมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำผิดฐานพยายามฆ่าตาม ป.อ.มาตรา 288, 80 ประกอบด้วย มาตรา 86
of 24