พบผลลัพธ์ทั้งหมด 38 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1999/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดจากละเมิดและการขุดดินใกล้เขตที่ดิน การสร้างเขื่อนหรือถมดินเพื่อแก้ไขที่ดินพังทลาย
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยก่อสร้างเขื่อนเพื่อกั้นดินในเขตติดต่อที่ดินโจทก์จำเลยมิให้พังทลายลงโดยไม่ได้ฟ้องเรียกเอาค่าเสียหายซึ่งเกิดจากการละเมิดโดยตรงจึงไม่อยู่ในบังคับแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา448วรรคหนึ่งซึ่งมีอายุความเพียง1ปีและในกรณีนี้ไม่มีกฎหมายบัญญัติไว้โดยเฉพาะจึงใช้อายุความตามหลักทั่วไปตามมาตรา193/30ซึ่งมีอายุความ10ปี โดยหลักทั่วไปแล้วผู้ว่าจ้างทำของไม่ต้องรับผิดเพื่อความเสียหายอันผู้รับจ้างได้ก่อให้เกิดขึ้นต่อบุคคลภายนอกในระหว่างทำการงานที่ว่าจ้างเว้นแต่ผู้ว่าจ้างจะเป็นผู้ผิดในส่วนการงานที่สั่งให้ทำหรือในคำสั่งที่ตนให้ไว้หรือในการเลือกหาผู้รับจ้างดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา428เมื่อจำเลยเป็นผู้กำหนดว่าจะขุดดินบริเวณใดและจำเลยร่วมได้ทำตามคำสั่งของจำเลยเป็นเหตุให้ที่ดินของโจทก์พังทลายลงจำเลยจึงต้องร่วมรับผิดด้วย โจทก์ฟ้องขอให้สร้างเขื่อนคอนกรีตเสริมเหล็กกั้นดินยาว180เมตรความประสงค์ของโจทก์ต้องการที่จะให้ที่ดินอยู่ในสภาพเดิมไม่พังทลายลงไปในที่ดินของจำเลยเท่านั้นซึ่งการสร้างเขื่อนก็เป็นวิธีการหนึ่งที่โจทก์เห็นว่าจะกั้นดินไม่ให้พังทลายลงแต่ศาลอุทธรณ์เห็นว่าการสร้างเขื่อนเกินความจำเป็นจึงได้ใช้วิธีถมดินแล้วบดอัดให้แน่นเพื่อป้องกันมิให้ที่ดินของโจทก์พังทลายลงไปในที่ดินของจำเลยนั้นศาลอุทธรณ์มีอำนาจทำได้ไม่เกินคำขอของโจทก์แต่ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ถมดินระยะยาวเกินกว่า180เมตรเป็นการเกินคำขอของโจทก์จึงไม่อาจทำได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1713/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดจากความประมาทเลินเล่อในการขุดดินทำถนน, ละเมิดต่อสายเคเบิลใต้ดิน, หน้าที่ใช้ความระมัดระวัง
องค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทยโจทก์ได้วางสายเคเบิลโทรศัพท์ของโจทก์ในซอยสาธารณะไว้ก่อนแล้ว เป็นหน้าที่ของผู้ที่ไปทำการขุดถนนในภายหลังจะต้องใช้ความระมัดระวังการที่คนงานขุดถนนซึ่งเป็นลูกจ้างจำเลยปักแผ่นเหล็ก กั้นดินลงไปโดยวิธีใช้แรงกดดันอย่างแรงจนสายเคเบิลโทรศัพท์ได้รับความเสียหาย โดยไม่ตรวจดูให้ละเอียดและหาทางป้องกันมิให้เกิดความเสียหายเช่นนี้ ถือได้ว่าคนงานขุดท่อและปรับปรุงถนนโดยประมาทเลินเล่อ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1713/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาทเลินเล่อจากการขุดดินทำลายสายเคเบิล: ผู้รับเหมามีหน้าที่ใช้ความระมัดระวัง
องค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทยโจทก์ได้วางสายเคเบิลโทรศัพท์ของโจทก์ในซอยสาธารณะไว้ก่อนแล้วเป็นหน้าที่ของผู้ที่ไปทำการขุดถนนในภายหลังจะต้องใช้ความระมัดระวังการที่คนงานขุดถนนซึ่งเป็นลูกจ้างจำเลยปักแผ่นเหล็กกั้นดินลงไปโดยวิธีใช้แรงกดดันอย่างแรงจนสายเคเบิลโทรศัพท์ได้รับความเสียหายโดยไม่ตรวจดูให้ละเอียดและหาทางป้องกันมิให้เกิดความเสียหายเช่นนี้ถือได้ว่าคนงานขุดท่อและปรับปรุงถนนโดยประมาทเลินเล่อ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2397/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ที่ดินราชพัสดุเป็นสาธารณสมบัติ การขุดดินโดยไม่ได้รับอนุญาตจำเลยต้องรับผิดชดใช้ราคา
ที่ดินพิพาทเป็นที่ราชพัสดุที่ใช้ในราชการกองทัพบกอันเป็น ทรัพย์สินของแผ่นดินตาม พ.ร.บ. ที่ราชพัสดุ พ.ศ. 2518 มาตรา 4 ที่ดินพิพาทจึงเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินประเภทที่ใช้เพื่อ ประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะตาม ป.พ.พ. มาตรา 1304(3) แม้ ส. จะได้รับหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) สำหรับที่ดินแปลงนี้มาโดยสุจริตและจำเลยจะซื้อที่ดินแปลงนี้มาโดยสุจริตก็ตาม จำเลยก็ไม่มีสิทธิในที่ดินพิพาท จำเลยจึงไม่มีสิทธิที่จะขุดหรือ ตัก ดินไปจากที่ดินแปลงนี้ เมื่อจำเลยขุดหรือตัก ดินไป โจทก์ ย่อมฟ้องบังคับให้จำเลยนำดินที่ขุดหรือตักไปนั้นคืนมาหรือขอให้ จำเลยชดใช้ราคาได้ แม้จำเลยจะได้ยกอายุความขึ้นต่อสู้ไว้ในศาลชั้นต้น แต่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์โดยมิได้วินิจฉัยปัญหาที่ว่าคดีโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ เมื่อโจทก์อุทธรณ์ โจทก์มิได้ยกปัญหาในเรื่องอายุความขึ้นอุทธรณ์ และจำเลยมิได้แก้อุทธรณ์ของโจทก์ จึงถือว่าไม่มีประเด็นในเรื่องอายุความในชั้นอุทธรณ์ แม้ศาลอุทธรณ์จะได้วินิจฉัยปัญหาข้อนี้ด้วยก็เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น ต้องถือว่า เป็นข้อที่มิได้ว่ากล่าวกันมาแล้วโดยชอบในศาลอุทธรณ์ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 249.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5666/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าพนักงานทุจริตอนุญาตขุดดินสาธารณะเอื้อประโยชน์ผู้รับเหมา เบิกจ่ายเงินโดยมิชอบ
จำเลยเป็นกำนันและประธานกรรมการสภาตำบลท้องที่ มีหน้าที่ดูแลรักษาทรัพย์สินของทางราชการที่เกิดจากโครงการสร้างงานในชนบท ได้อนุญาตให้ ช. ผู้รับเหมาทำถนนดินในตำบลท้องที่ขุดดินจากถนนเดิมซึ่งเป็นถนนที่สภาตำบลสร้างขึ้นตามโครงการสร้างงานในชนบทปีก่อน ๆ และอยู่ในความดูแลของสภาตำบลที่จำเลยเป็นประธานกรรมการไปถมทำถนนใหม่ และปล่อยให้ ช. ขุดดินจากข้างถนนเดิมขึ้นมาถมแทนดินที่ขุดไป ทำให้ ช. ไม่ต้องซื้อที่ดินจากที่อื่นมาถมถนนเดิมที่ขอยืมดินไปตามสัญญา แล้วจำเลยกลับเบิกจ่ายเงินค่าทำถนนให้ ช. ไปจนครบจำนวน จึงเป็นการแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่นเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4804/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขุดดินในที่ดินของผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต มีความผิดตามกฎหมายอาญา
จำเลยที่ 1 เข้าไปขุดเอาหน้าดินในที่ดินพิพาทของโจทก์ร่วมไปย่อมมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334 มาตรา 358 และมาตรา 362 เป็นการกระทำกรรมเดียว ผิดต่อกฎหมายหลายบท ลงโทษตามมาตรา 334 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3943/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สำคัญผิดในข้อเท็จจริง: การขุดดินลูกรังโดยเข้าใจผิดว่าได้รับอนุญาตแล้ว ทำให้ไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา
มีระเบียบขององค์การบริหารส่วนจังหวัดว่าการขุดดินลูกรังจะต้องขออนุญาตต่อนายอำเภอและต้องชำระค่าตอบแทนการอนุญาต จำเลยทำสัญญารับจ้างขุดขนดินลูกรังให้แก่องค์การบริหารส่วนจังหวัด โดยผู้ว่าราชการจังหวัดลงนามเป็นผู้ว่าจ้างและจำเลยกรอกข้อความยินยอมชำระค่าตอบแทนการอนุญาตตามมาตรา 9 แห่งประมวลกฎหมายที่ดินไว้ท้ายประกวดราคา ทั้งผู้ที่ทำสัญญารับจ้างเช่นนี้ในครั้งก่อน ๆ ไม่เคยขออนุญาต การที่จำเลยสั่งให้คนงานไปขุดและขนลูกรังไปกองไว้ตามสัญญาโดยมิได้ขออนุญาตต่อนายอำเภอท้องที่ตามระเบียบ โดยเข้าใจว่าการที่จำเลยเข้าทำสัญญารับจ้างขุดและขนลูกรั ให้แก่องค์การบริหารส่วนจังหวัดเป็นการได้รับอนุญาตให้ขุดลูกรังได้โดยไม่จำต้องขออนุญาตอีก กรณีเป็นเรื่องจำเลยสำคัญผิดในข้อเท็จจริงจำเลยจึงไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 62 วรรคแรก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3943/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สำคัญผิดในข้อเท็จจริง: การเข้าใจว่าสัญญาจ้างขุดดินลูกรังเป็นการอนุญาตให้ขุดได้โดยไม่ต้องขออนุญาตเพิ่มเติม
มีระเบียบขององค์การบริหารส่วนจังหวัดว่าการขุดดินลูกรังจะต้องขออนุญาตต่อนายอำเภอและต้องชำระค่าตอบแทนการอนุญาตจำเลยทำสัญญารับจ้างขุดขนดินลูกรังให้แก่องค์การบริหารส่วนจังหวัด โดยผู้ว่าราชการจังหวัดลงนามเป็นผู้ว่าจ้างและจำเลยกรอกข้อความ ยินยอมชำระค่าตอบแทนการอนุญาตตามมาตรา 9 แห่ง ประมวลกฎหมายที่ดินไว้ท้ายประกวดราคาทั้งผู้ที่ทำสัญญารับจ้างเช่นนี้ ในครั้งก่อนๆไม่เคยขออนุญาต การที่จำเลยสั่งให้คนงานไปขุด และขนลูกรังไปกองไว้ตามสัญญาโดยมิได้ขออนุญาตต่อนายอำเภอท้องที่ ตามระเบียบ โดยเข้าใจว่าการที่จำเลยเข้าทำสัญญารับจ้างขุดและ ขนลูกรัง ให้แก่องค์การบริหารส่วนจังหวัดเป็นการได้รับอนุญาตให้ขุดลูกรังได้โดยไม่จำต้องขออนุญาตอีก กรณีเป็นเรื่องจำเลยสำคัญผิดในข้อเท็จจริงจำเลยจึงไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 62 วรรคแรก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3943/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สำคัญผิดในข้อเท็จจริง: เข้าใจว่าสัญญาขุดดินลูกรังถือเป็นการอนุญาตแล้ว ไม่ต้องขออนุญาตซ้ำ
มีระเบียบขององค์การบริหารส่วนจังหวัดว่าการขุดดินลูกรังจะต้องขออนุญาตต่อนายอำเภอและต้องชำระค่าตอบแทนการอนุญาตจำเลยทำสัญญารับจ้างขุดขนดินลูกรังให้แก่องค์การบริหารส่วนจังหวัดโดยผู้ว่าราชการจังหวัดลงนามเป็นผู้ว่าจ้างและจำเลยกรอกข้อความยินยอมชำระค่าตอบแทนการอนุญาตตามมาตรา9แห่งประมวลกฎหมายที่ดินไว้ท้ายประกวดราคาทั้งผู้ที่ทำสัญญารับจ้างเช่นนี้ในครั้งก่อนๆไม่เคยขออนุญาตการที่จำเลยสั่งให้คนงานไปขุดและขนลูกรังไปกองไว้ตามสัญญาโดยมิได้ขออนุญาตต่อนายอำเภอท้องที่ตามระเบียบโดยเข้าใจว่าการที่จำเลยเข้าทำสัญญารับจ้างขุดและขนลูกรังให้แก่องค์การบริหารส่วนจังหวัดเป็นการได้รับอนุญาตให้ขุดลูกรังได้โดยไม่จำต้องขออนุญาตอีกกรณีเป็นเรื่องจำเลยสำคัญผิดในข้อเท็จจริงจำเลยจึงไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา62วรรคแรก.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2554/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบรถบรรทุกที่ใช้ขนดินลูกรังจากการขุดดินในที่ดินหวงห้าม แม้ไม่ใช่เครื่องมือขุดโดยตรง
จำเลยขุดตักและขนดินลูกรังในที่ดินหวงห้ามของรัฐ อันเป็นการทำลาย ทำให้เสื่อมสภาพที่ดิน ที่หิน ที่กรวด ที่ทราย และเป็นอันตรายแก่ทรัพยากร ในที่ดินตามมาตรา 9 (2), (3) แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน รถยนต์บรรทุกที่ จำเลย ใช้ขนดินลูกรังที่ถูกขุดตักไปถือว่าเป็นยานพาหนะที่ได้ใช้เป็น อุปกรณ์ให้ได้รับผลในการกระทำความผิดดังกล่าว จึงต้องริบตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 108 ทวิ