พบผลลัพธ์ทั้งหมด 23 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 876/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฐานะบริวารในคดีขับไล่ แม้มีคำพิพากษาเรื่องกรรมสิทธิ์ร่วม ก็ไม่เปลี่ยนแปลงฐานะเดิม
ศาลพิพากษาขับไล่จำเลยและบริวารออกจากที่ดินและสิ่งปลูกสร้างซึ่งจำเลยขายฝากกับโจทก์ และศาลฎีกาได้มีคำวินิจฉัยชี้ขาดในคดีนี้มาแล้วว่าผู้ร้องเป็นบริวารของจำเลยแม้ผู้ร้องจะเข้าเป็นคู่ความแทนที่ผู้ร้องสอดซึ่งมรณะในคดีที่ผู้ร้องสอดฟ้องจำเลย และต่อมาศาลอุทธรณ์จะได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดในคดีดังกล่าวให้ลงชื่อผู้ร้องสอดเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ร่วมกับจำเลยในที่ดินที่พิพาทกันในคดีนี้ภายหลังศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาในคดีนี้แล้วก็ตาม ก็หามีผลเปลี่ยนแปลงฐานะในคดีของผู้ร้องซึ่งเป็นเพียงผู้รับมรดกความและผู้จัดการมรดกของผู้ร้องสอดผู้มรณะในคดีนั้นให้พ้นจากฐานะบริวารจำเลยในคดีนี้ไม่ เพราะผู้ร้องมิได้เป็นคู่ความโดยตรงและประเด็นข้อพิพาทก็ต่างกันกับคดีนี้ จึงยังต้องถือว่าผู้ร้องเป็นบริวารจำเลยที่ไม่สามารถแสดงอำนาจพิเศษให้ศาลเห็นได้ดังที่ศาลฎีกาวินิจฉัยมาแล้ว คำพิพากษาคดีนี้จึงบังคับถึงผู้ร้องด้วยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(1).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2518/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจะซื้อจะขายที่ดิน: ศาลฎีกาวินิจฉัยการพิพากษาผิดฐานะเดิมและการพิพากษานอกฟ้อง
จำเลยตกลงขายที่ดินให้โจทก์นำไปจัดสรรขาย โดยอนุญาตให้โจทก์เข้าไปดำเนินการแบ่งแยกเป็นแปลงย่อย และขายที่ดินที่แบ่งแยกได้เพื่อนำเงินมาชำระราคาที่ดินให้จำเลย เมื่อชำระครบถ้วนแล้วจำเลยจะไปทำนิติกรรมจดทะเบียนโอนให้แก่โจทก์ ดังนี้ สัญญาระหว่างโจทก์จำเลยเป็นนสัญญาจะซื้อจะขาย.
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์จำเลยเข้าหุ้นกันจัดสรรที่ดินขายโดยโจทก์ลงทุนปรับปรุงที่ดิน จำเลยลงทุนเป็นที่ดิน จำเลยผิดสัญญา โจทก์จึงฟ้องเรียกเงินที่ลงทุนไปคืน ดังนี้การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าสัญญาระหว่างโจทก์จำเลยเป็นสัญญาซื้อขายที่ดินเสร็จเด็ดขาดและเป็นโมฆะ ให้จำเลยคืนเงินค่าที่ดินที่โจทก์ชำระไปแล้ว เป็นการพิพากษานอกจากที่ปรากฏในคำฟ้อง.
ตาม ป.พ.พ. มาตรา 138 นิติกรรมอันเป็นโมฆะที่คู่กรณีกลับคืนยังฐานะเดิมจะต้องเป็นนิติกรรมที่เป็นโมฆียะแล้วมีการบอกล้าง มิใช่นิติกรรมที่เป็นโมฆะมาแต่แรก.
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์จำเลยเข้าหุ้นกันจัดสรรที่ดินขายโดยโจทก์ลงทุนปรับปรุงที่ดิน จำเลยลงทุนเป็นที่ดิน จำเลยผิดสัญญา โจทก์จึงฟ้องเรียกเงินที่ลงทุนไปคืน ดังนี้การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าสัญญาระหว่างโจทก์จำเลยเป็นสัญญาซื้อขายที่ดินเสร็จเด็ดขาดและเป็นโมฆะ ให้จำเลยคืนเงินค่าที่ดินที่โจทก์ชำระไปแล้ว เป็นการพิพากษานอกจากที่ปรากฏในคำฟ้อง.
ตาม ป.พ.พ. มาตรา 138 นิติกรรมอันเป็นโมฆะที่คู่กรณีกลับคืนยังฐานะเดิมจะต้องเป็นนิติกรรมที่เป็นโมฆียะแล้วมีการบอกล้าง มิใช่นิติกรรมที่เป็นโมฆะมาแต่แรก.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2162/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกสัญญาก่อนฟ้องร้อง: ผลของการตกลงคืนเงินมัดจำและการกลับสู่ฐานะเดิม
โจทก์ทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินพร้อมบ้านจากจำเลยได้วางเงินมัดจำไว้จำนวนหนึ่งต่อมาโจทก์มาขอเงินมัดจำคืนจำเลยตกลงยินยอมคืนให้ย่อมถือได้ว่าคู่สัญญาตกลงเลิกสัญญาจะซื้อขายกันแล้วฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะอ้างว่าอีกฝ่ายหนึ่งผิดสัญญาเพื่อเรียกร้องให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนอีกไม่ได้คู่สัญญาต้องกลับคืนสู่ฐานะดังที่เป็นอยู่แต่เดิมโดยอนุโลมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา391.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2724/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนจำนองในคดีล้มละลาย ศาลไม่สามารถสั่งให้ชดใช้เงินหากเพิกถอนการจำนองแล้ว
เมื่อศาลพิพากษาให้เพิกถอนการจำนองของลูกหนี้คู่กรณีตาม สัญญาจำนองย่อมกลับสู่ฐานะเดิม ศาลจะสั่งให้มีการ ชดใช้เงินในกรณีที่ ไม่สามารถกลับสู่ฐานะเดิมอีกไม่ได้และเป็นการสั่งที่นอกเหนือไปจากบทบัญญัติของมาตรา 115 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลายพุทธศักราช 2483
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2724/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนจำนองในคดีล้มละลาย ศาลไม่สามารถสั่งให้ชดใช้เงินหากกลับสู่ฐานะเดิมไม่ได้
เมื่อศาลพิพากษาให้เพิกถอนการจำนองของลูกหนี้คู่กรณีตาม สัญญาจำนองย่อมกลับสู่ฐานะเดิมศาลจะสั่งให้มีการ ชดใช้เงินในกรณีที่ ไม่สามารถกลับสู่ฐานะเดิมอีกไม่ได้และเป็นการสั่งที่นอกเหนือไปจาก บทบัญญัติของมาตรา115แห่งพระราชบัญญัติล้มละลายพุทธศักราช 2483
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 165/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
นิติกรรมอำพรางสัญญาขายฝาก สัญญาซื้อขายเป็นโมฆะ ต้องกลับคืนสู่ฐานะเดิม
โจทก์ต้องการกู้เงินจำเลย จำเลยไม่มีเงิน จึงตกลงจดทะเบียนซื้อขายที่พิพาทมี น.ส.3 ก. เพื่อจำเลยจะได้นำ น.ส.3 ก. ไปยืมเงินเพื่อนมาให้โจทก์กู้ หลังจากนั้นอีก 4 วัน โจทก์มารับเงินจากจำเลย แล้วโจทก์จำเลยทำสัญญาขายฝากที่พิพาทกันเอง ดังนี้ ถือได้ว่าการทำสัญญาซื้อขายที่พิพาทเพื่ออำพรางสัญญาขายฝาก สัญญาซื้อขายจึงเป็นการแสดงเจตนาลวงด้วยสมรู้กันระหว่างคู่กรณีที่จะไม่ผูกพันกันตามเจตนาที่แสดงออกมานั้น ย่อมตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 118 วรรคแรก ส่วนนิติกรรมขายฝากที่ถูกอำพรางไว้ เมื่อไม่ได้จดทะเบียนให้ถูกต้องตามกฎหมายจึงตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 115 กรณีต้องบังคับตามบทบัญญัติว่าด้วยลาภมิควรได้ โจทก์ต้องคืนเงินให้จำเลยและจำเลยต้องคืนที่ดินให้โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 165/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาซื้อขายอำพรางสัญญาขายฝาก โมฆะตามกฎหมาย ต้องกลับคืนสู่ฐานะเดิม
โจทก์ต้องการกู้เงินจำเลย จำเลยไม่มีเงิน จึงตกลงจดทะเบียนซื้อขายที่พิพาทมี น.ส.3ก. เพื่อจำเลยจะได้นำน.ส.3ก. ไปยืมเงินเพื่อนมาให้โจทก์กู้ หลังจากนั้นอีก4 วันโจทก์มารับเงินจากจำเลย แล้วโจทก์จำเลยทำสัญญาขายฝากที่พิพาทกันเอง ดังนี้ ถือได้ว่าการทำสัญญาซื้อขายที่พิพาทเพื่ออำพรางสัญญาขายฝาก สัญญาซื้อขายจึงเป็นการแสดงเจตนาลวงด้วยสมรู้กันระหว่างคู่กรณีที่จะไม่ผูกพันกันตามเจตนาที่แสดงออกมานั้น ย่อมตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 118 วรรคแรก ส่วนนิติกรรมขายฝากที่ถูกอำพรางไว้ เมื่อไม่ได้จดทะเบียนให้ถูกต้องตามกฎหมายจึงตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 115 กรณีต้องบังคับตามบทบัญญัติว่าด้วยลาภมิควรได้โจทก์ต้องคืนเงินให้จำเลย และจำเลยต้องคืนที่ดินให้โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 505/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายหลังบอกเลิกสัญญา แม้คืนสู่ฐานะเดิมก็ยังมีสิทธิ
โจทก์จำเลยทำสัญญาซื้อขายกัน จำเลยผิดสัญญา แม้โจทก์ได้บอกเลิกสัญญากับจำเลยแล้วก็ยังมีสิทธิฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 818/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
โมฆะกรรมสัญญาซื้อขายที่ดิน - การกลับคืนสู่ฐานะเดิม - กรรมสิทธิ - การครอบครอง
เรื่องโมฆะกรรมที่คู่กรณีได้กลับคืนยังฐานะเดิมนั้น ก.ม.บัญญัติไว้ฉะเพาะกรณีที่เป็นโมฆียะกรรมแล้ว ถูกบอกล้างตาม ป.พ.พ.มาตรา 136 ส่วนนิติกรรมที่เป็นโมฆะมาแต่แรกนั้น หาได้บัญญัติถึงการกลับคืนฐานะเดิมไม่ เพราะเมื่อเป็นการเสียเปล่ามาแต่ต้นแล้ว ฐานะนของคู่กรณีก็มิได้เคยมีการเปลี่ยนแปลงเลย
ที่ดินยังเป็นกรรมสิทธิของเจ้าของอยู่ ผู้อื่นไปขอใบเหยียบย่ำได้มาเท่านั้น หาทำให้เกิดกรรมสิทธิในที่ดินไม่
ที่พิพาทเป็นที่บ้าน แม้ภายหลังรื้อเรือลง ก็หาทำให้สภาพของที่เปลี่ยนไปไม่
ซื้อขายที่ดินโดยมิได้จดทะเบียน สัญญาเป็นโมฆะ ผู้ขายฟ้องเรียกที่ดินคืนได้ ถ้าผู้ซื้อไม่ได้ฟ้องแย้งขอให้ผู้ขายคืนราคาที่รับไป ศาลก็ไม่พิพากษาให้ผู้ขายคืนเงิน
ที่ดินยังเป็นกรรมสิทธิของเจ้าของอยู่ ผู้อื่นไปขอใบเหยียบย่ำได้มาเท่านั้น หาทำให้เกิดกรรมสิทธิในที่ดินไม่
ที่พิพาทเป็นที่บ้าน แม้ภายหลังรื้อเรือลง ก็หาทำให้สภาพของที่เปลี่ยนไปไม่
ซื้อขายที่ดินโดยมิได้จดทะเบียน สัญญาเป็นโมฆะ ผู้ขายฟ้องเรียกที่ดินคืนได้ ถ้าผู้ซื้อไม่ได้ฟ้องแย้งขอให้ผู้ขายคืนราคาที่รับไป ศาลก็ไม่พิพากษาให้ผู้ขายคืนเงิน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 818/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
โมฆะกรรมสัญญาซื้อขายที่ดินและผลของการกลับคืนสู่ฐานะเดิม สิทธิครอบครอง
เรื่องโมฆะกรรมที่คู่กรณีได้กลับคืนยังฐานะเดิมนั้น กฎหมายบัญญัติไว้เฉพาะกรณีที่เป็นโมฆียะกรรมแล้วถูกบอกล้างตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 136 ส่วนนิติกรรมที่เป็นโมฆะมาแต่แรกนั้น หาได้บัญญัติถึงการกลับคืนฐานะเดิมไม่ เพราะเมื่อเป็นการเสียเปล่ามาแต่ต้นแล้ว ฐานะของคู่กรณีก็มิได้เคยมีการเปลี่ยนแปลงเลย
ที่ดินยังเป็นกรรมสิทธิ์ของเจ้าของอยู่ ผู้อื่นไปขอใบเหยียบย่ำได้มาเท่านั้น หาทำให้เกิดกรรมสิทธิ์ในที่ดินไม่
ที่พิพาทเป็นที่บ้าน แม้ภายหลังรื้อเรือนลง ก็หาทำให้สภาพของที่เปลี่ยนไปไม่
ซื้อขายที่ดินโดยมิได้จดทะเบียน สัญญาเป็นโมฆะ ผู้ขายฟ้องเรียกที่ดินคืนได้ถ้าผู้ซื้อไม่ได้ฟ้องแย้งขอให้ผู้ขายคืนราคาที่รับไปศาลก็ไม่พิพากษาให้ผู้ขายคืนเงิน
ที่ดินยังเป็นกรรมสิทธิ์ของเจ้าของอยู่ ผู้อื่นไปขอใบเหยียบย่ำได้มาเท่านั้น หาทำให้เกิดกรรมสิทธิ์ในที่ดินไม่
ที่พิพาทเป็นที่บ้าน แม้ภายหลังรื้อเรือนลง ก็หาทำให้สภาพของที่เปลี่ยนไปไม่
ซื้อขายที่ดินโดยมิได้จดทะเบียน สัญญาเป็นโมฆะ ผู้ขายฟ้องเรียกที่ดินคืนได้ถ้าผู้ซื้อไม่ได้ฟ้องแย้งขอให้ผู้ขายคืนราคาที่รับไปศาลก็ไม่พิพากษาให้ผู้ขายคืนเงิน