คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ทุนทรัพย์น้อย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 30 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2251/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิพาทรถหาย: ข้อจำกัดการฎีกาในคดีทุนทรัพย์น้อยกว่าสองแสนบาท
ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยขับรถของโจทก์ไปราชการแล้วสูญหายไปทั้งจำเลยและรถ โดยโจทก์ไม่มีพยานยืนยันให้รับฟังได้ว่ารถของโจทก์สูญหายไปเพราะการจงใจหรือประมาทเลินเล่อของจำเลย โจทก์ฎีกาว่าจำเลยเอารถของโจทก์ไปใช้ส่วนตัวมิใช่เป็นการใช้ในราชการหรือได้รับอนุญาตให้เอาไปใช้โดยจำเลยไม่มีเหตุจะอ้างได้ เป็นการทำละเมิดต่อโจทก์เป็นฎีกาในข้อเท็จจริงเมื่อทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาไม่เกินสองแสนบาท จึงต้องห้ามฎีกาตาม ป.วิ.พ.มาตรา 248 วรรคแรก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1724/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาคดีใหม่: ศาลชั้นต้นวินิจฉัยข้อเท็จจริงถูกต้องและคดีมีทุนทรัพย์น้อยกว่าสองหมื่นบาท จึงไม่อุทธรณ์ได้
การที่ศาลชั้นต้นสั่งว่า คำร้องบรรยายว่าได้รับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องโดยชอบ อ้างเหตุว่าไม่ทราบ อ่านหนังสือไม่ออกไม่เป็นเหตุให้พิจารณาใหม่ได้นั้น เป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยโดยอาศัยข้อเท็จจริง เมื่อคดีมีทุนทรัพย์ไม่เกินสองหมื่นบาท จึงต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 224 ส่วนที่ฎีกาว่าคำร้องขอพิจารณาคดีใหม่ได้กล่าวไว้โดยละเอียดชัดแจ้งซึ่งข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลแล้วนั้น แม้ปัญหาดังกล่าวจะเป็นข้อกฎหมาย แต่เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้เป็นยุติแล้วว่าไม่มีเหตุที่จะพิจารณาคดีใหม่ ฎีกาของจำเลยข้อนี้จึงไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4381/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อจำกัดการฎีกาในคดีทุนทรัพย์น้อยและการแก้ไขเล็กน้อยของศาลอุทธรณ์
คดีมีทุนทรัพย์ที่พิพาทไม่เกินห้าหมื่นบาท ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เฉพาะเรื่องดอกเบี้ย เป็นการแก้ไขเล็กน้อย ต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคแรก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4381/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่รับเนื่องจากคดีทุนทรัพย์น้อยและแก้ไขเฉพาะดอกเบี้ย
คดีมีทุนทรัพย์ที่พิพาทไม่เกินห้าหมื่น ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เฉพาะเรื่องดอกเบี้ย เป็นการแก้ไขเล็กน้อย ต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกา ในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 248 วรรคแรก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4381/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่รับเนื่องจากคดีมีทุนทรัพย์น้อยกว่า 5 หมื่น และศาลอุทธรณ์แก้ไขเพียงเล็กน้อย
คดีมีทุนทรัพย์ที่พิพาทไม่เกินห้าหมื่นบาท ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เฉพาะเรื่องดอกเบี้ย เป็นการแก้ไขเล็กน้อย ต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคแรก.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 158/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อจำกัดการอุทธรณ์ข้อเท็จจริงในคดีมีทุนทรัพย์น้อยกว่าสองหมื่นบาท การวินิจฉัยข้อเท็จจริงของศาลอุทธรณ์ที่ไม่ชอบ
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่าทรัพย์สิน 5 รายการรวมราคา 7,800 บาท ที่โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดเป็นทรัพย์สินของผู้ร้อง ขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึด เป็นคดีมีทุนทรัพย์และราคาทรัพย์สินที่พิพาทไม่เกินสองหมื่นบาท ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 เมื่อศาลชั้นต้นยกคำร้องโดยฟังว่าทรัพย์ที่นำยึดไม่ใช่ของผู้ร้อง ผู้ร้องอุทธรณ์ว่าทรัพย์ดังกล่าวเป็นของผู้ร้อง จึงเป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยให้ จึงเป็นการไม่ชอบและผู้ร้องจะฎีกาข้อเท็จจริงขึ้นมาอีกไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2301/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่อุทธรณ์คำสั่งศาล และการจำกัดสิทธิในการฎีกาในคดีทุนทรัพย์น้อย
คำสั่งที่ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยาน เป็นคำสั่งในระหว่างพิจารณาจำเลยมีโอกาสที่จะโต้แย้งคำสั่งได้ก่อนศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา แต่มิได้โต้แย้งอุทธรณ์ของจำเลยที่ขอให้ศาลชั้นต้นสืบพยานต่อไป จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226
ปัญหาว่าเช็คพิพาทมีมูลหนี้ต่อกันหรือไม่ เป็นปัญหาข้อเท็จจริงเมื่อคดีมีทุนทรัพย์ไม่เกิน 50,000 บาท ศาลอุทธรณ์แก้ไขเล็กน้อยจึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1424/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขาดนัดยื่นคำให้การและการจำกัดสิทธิอุทธรณ์ในคดีทุนทรัพย์น้อย
จำเลยยื่นคำร้องว่า ไม่ได้จงใจขาดนัดยื่นคำให้การศาลชั้นต้นนัดไต่สวน ถึงวันเวลานัดศาลชั้นต้นได้สอบจำเลยแล้ว จึงมีคำสั่งว่าจำเลยจงใจขาดนัดยื่นคำให้การ ดังนี้ ถือได้ว่าศาลชั้นต้นได้ไต่สวนคำร้องของจำเลยแล้ว
คดีมีทุนทรัพย์ 9,940 บาท ต้องห้ามมิให้คู่ความอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 จำเลยอุทธรณ์ว่าไม่จงใจขาดนัด อันเป็นปัญหาข้อเท็จจริง ศาลอุทธรณ์ย่อมไม่รับวินิจฉัยให้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2627/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโต้แย้งกรรมสิทธิ์ที่ดินสาธารณประโยชน์และการห้ามฎีกาข้อเท็จจริงในคดีที่มีทุนทรัพย์น้อย
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ดินของโจทก์ที่จำเลยเช่าและให้จำเลยชำระค่าเช่าที่ค้างกับค่าเสียหายรวมเป็นเงิน19,200 บาท จำเลยให้การว่าที่พิพาทเป็นที่สาธารณะโจทก์ไม่มีกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครอง จำเลยครอบครองที่พิพาทมาเกิน 1 ปี โจทก์เรียกค่าเสียหายมากเกินไป ดังนี้ จำเลยมิได้ให้การกล่าวแก้เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์ และมิได้ยกข้อโต้เถียงในเรื่องแปลความหมายแห่งข้อความในสัญญาที่ก่อให้เกิดสิทธิบนอสังหาริมทรัพย์นั้น ศาลชั้นต้นฟังว่าที่พิพาทไม่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน พิพากษาขับไล่จำเลยและให้ชำระค่าเช่าที่ค้าง 2,000 บาท กับค่าเสียหาย 13,342.90 บาท ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เฉพาะค่าเช่าที่ค้างกับค่าเสียหายให้จำเลยชำระรวมเป็นเงิน 8,522.21 บาทเป็นการแก้ไขเล็กน้อย คดีนี้ทุนทรัพย์ไม่เกินห้าหมื่นบาท และที่พิพาทในขณะยื่นคำฟ้องมีอัตราค่าเช่าไม่เกินเดือนละห้าพันบาท ต้องห้ามฎีกาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 248 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง(ฉบับที่ 6) พ.ศ.2518 มาตรา 6
จำเลยฎีกาว่า ได้มีการแจ้งการครอบครองที่พิพาทเมื่อพ.ศ.2498 ซึ่งเป็นเวลาภายหลังประกาศใช้พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตหวงห้ามที่ดินอำเภอเมืองสมุทรปราการและอำเภอเมืองสมุทรสาครฯ พุทธศักราช 2481 ที่พิพาทเดิมจึงเป็นที่รกร้างว่างเปล่าเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินตามพระราชกฤษฎีกาการแจ้งการครอบครอง ไม่มีผลทำให้ที่พิพาทเป็นที่มีเจ้าของ และจำเลยนำสืบฟังได้ว่าที่พิพาทน้ำทะเลท่วมถึงเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ดังนี้ เป็นการโต้เถียงข้อเท็จจริงว่า ตามที่โจทก์นำสืบฟังไม่ได้ว่า ที่พิพาทเป็นที่ดินที่มีการครอบครองมาก่อนพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวใช้บังคับหากแต่ฟังได้ว่าเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินดังจำเลยนำสืบจึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2346/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนำสืบพยานเพื่อพิสูจน์จำนวนเงินกู้ที่ได้รับจริง ไม่ถือเป็นการแก้ไขเอกสาร และข้อจำกัดการฎีกาในคดีทุนทรัพย์น้อย
โจทก์ฟ้องเรียกเงินตามจำนวนในสัญญากู้ 8,000 บาท แม้โจทก์ไม่ได้กล่าวมาในคำฟ้องว่าจำเลยได้รับเงินจำนวนนี้ไปแล้ว แต่พอเข้าใจตามคำฟ้องนั้นได้ว่าจำเลยได้รับเงินตามสัญญากู้แล้ว จำเลยให้การว่ากู้ไปเพียง 300 บาท แต่โจทก์ตกลงให้มารับเงินกู้ไปจนครบจำนวนที่ลงไว้ในสัญญากู้ จำเลยได้รับเงินกู้ไปหลายครั้ง เป็นเงินรวมทั้งหมด 3,300 บาท เห็นได้ว่าจำเลยสู้คดีว่าสัญญากู้ที่โจทก์นำมาฟ้องไม่สมบูรณ์ เพราะโจทก์ส่งมอบเงินตามสัญญากู้ให้จำเลยไม่ครบจำนวนที่ตกลงกัน จำเลยมีสิทธิ์นำสืบตามข้อต่อสู้ของจำเลยได้ว่าได้รับเงินจากโจทก์ไปแล้วเป็นจำนวนเท่าใด ไม่ใช่เป็นการนำสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขเอกสารอันเป็นการต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94 วรรคท้าย
โจทก์ฎีกาว่า ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยคดีโดยมิได้นำข้อความในเอกสารบางข้อที่อ้างอิงขึ้นมาวินิจฉัย แต่นำข้อความบางข้อมาวินิจฉัยในทางที่เป็นผลร้ายแก่โจทก์ เป็นการมิชอบ เป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานในการวินิจฉัยคดีของศาลอุทธรณ์ซึ่งเป็นข้อเท็จจริง เมื่อคดีมีทุนทรัพย์ที่พิพาทกันไม่เกิน 50,000 บาท ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248
of 3